Saudi Vision 2030 : นโยบายเปลี่ยนประเทศเคร่งศาสนาที่ทำให้รุยซ์ vs โจชัว ขึ้นชกกันที่ซาอุฯ

Saudi Vision 2030 : นโยบายเปลี่ยนประเทศเคร่งศาสนาที่ทำให้รุยซ์ vs โจชัว ขึ้นชกกันที่ซาอุฯ

Saudi Vision 2030 : นโยบายเปลี่ยนประเทศเคร่งศาสนาที่ทำให้รุยซ์ vs โจชัว ขึ้นชกกันที่ซาอุฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กำหนดออกมาแล้วสำหรับสถานที่จัดแมตช์ล้างตาระหว่าง แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ แชมป์โลกเฮฟวี่เวท 4 สถาบัน WBA, IBF, WBO, IBO กับ แอนโธนี่ โจชัว นักชกหมายเลขหนึ่งของสหราชอาณาจักร ผู้เสียสถิติไร้พ่ายและแชมป์ทั้ง 4 รายการในไฟต์แรกที่แพ้ให้แก่รุยซ์

สำหรับสถานที่ของการรีแมตช์ที่จะถึงในเดือนธันวาคมนี้ ไม่ใช่ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน สังเวียนมวยที่ใช้กันในไฟต์แรก หรือ สนามฟุตบอลขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่โจชัวขึ้นชกเป็นประจำ แต่กลับเป็น สนามมวยชั่วคราว ที่จะถูกสร้างขึ้นในเมืองดิริยาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย

เหตุใดไฟต์หยุดโลกส่งท้ายปี 2019 ถึงต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปจัดที่ดินแดนตะวันออกกลาง? ซาอุดิอาระเบียทุ่มเงินมากแค่ไหน? ทำไมหลายคนถึงไม่เห็นด้วยกับการจัดไฟต์นี้?

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปพร้อมกัน

ก่อนเส้นทางบรรจบ

ก่อนมาเผชิญหน้ากันในไฟต์แรกที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดน เส้นทางนักสู้ของ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ และ แอนโธนี่ โจชัว ดูตรงข้ามกันเป็นเส้นขนาน...


Photo : www.thenational.ae

แอนโธนี่ โจชัว เริ่มต้นสร้างชื่อเสียงในวงการมวยสากล ตั้งแต่อายุ 21 ปี เมื่อเขาเอาชนะการแข่งขัน Great Britain Championships และ English National Championships ทัวร์นาเมนต์สำหรับนักมวยสมัครเล่นของประเทศอังกฤษ ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวี่เวต

ปี 2012 โจชัวในวัย 23 ปี ก้าวไปสู่จุดสูงสุดบนเส้นทางมวยสากลสมัครเล่น ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ในรุ่นเฮฟวี่เวต ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 

ความสำเร็จดังกล่าวส่งผลให้เด็กหนุ่มจากวัตฟอร์ดรายนี้ กลายเป็นฮีโร่หมายเลขหนึ่งของแฟนมวยชาวอังกฤษ และเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่บททดสอบที่ใหญ่กว่า คือ “เวทีมวยสากลอาชีพ”

พรสวรรค์ของโจชัวบนสังเวียน ยังคงฉายแสงต่อเนื่องบนเวทีอาชีพ เขาคว้าแชมป์ WBC International Heavyweight ในเดือนตุลาคม ปี 2014 หลังจากเดบิวต์ได้เพียง 1 ปี ต่อด้วยการคว้าแชมป์ Commonwealth Heavyweight, British Heavyweight, IBF Heavyweight, WBA Heavyweight, IBO Heavyweight และ WBO Heavyweight แถมยังทำสถิติเป็นนักชกไร้พ่าย โดยชนะรวดไปแล้ว 22 นัด

ขณะที่ แอนโธนี่ โจชัว ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักชกที่ดีที่สุดของสหราชอาณาจักร ด้วยความสำเร็จจากการครองแชมป์โลก 4 สถาบันพร้อมกัน และสถิติชนะ 22 แพ้ 0 แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพของเขาจากมวยระดับล่างในประเทศเม็กซิโก เขาตระเวนชกระหว่างดินแดนจังโก้กับสหรัฐอเมริกา จนมีสถิติสวยงาม 19-0


Photo : www.newsday.com

เมื่อผลงานเริ่มเข้าตา นักสู้พุงพลุ้ยรายนี้จึงมีโอกาสขึ้นชกที่มาเก๊า เมื่อปี 2013 เพื่อท้าชิงแชมป์ WBO Inter-Continental Heavyweight และ NABF Heavyweight รุยซ์ ประสบความสำเร็จในการชกทั้งสองไฟต์ เขากลายเป็นดับเบิ้ลแชมเปี้ยน ซึ่งตอนนั้นโจชัว เข้าสู่วงการอาชีพเพียงเดือนเดียว

รุยซ์วนเวียนอยู่กับการป้องกันเข็มขัดทั้งสองเส้นอยู่ 3 ปี จนเดือนธันวาคม 2016 เขาได้รับโอกาสครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือการท้าชิงแชมป์ WBO Heavyweight ที่กำลังว่างอยู่ในขณะนั้น โดยต้องเจอกับ โจเซฟ ปาร์คเกอร์ อีกหนึ่งนักชกที่มีสถิติไร้พ่ายเหมือนกัน

เมื่อนักชกไร้พ่ายสองคนมาเจอกัน ย่อมมีฝ่ายหนึ่งที่ต้องเสียสถิติของตัวเอง และคนนั้นคือ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ แม้เป็นการตัดสินแบบนับคะแนน แต่ความพ่ายแพ้ก็คือความพ่ายแพ้ สิ่งที่รุยซ์สร้างมาตลอด 7 ปีของการเป็นนักมวยสากลอาชีพ ผู้ถือครองสถิติไร้พ่ายต้องแหลกสลายภายในพริบตา จากความพ่ายแพ้ในไฟต์ชิงแชมป์โลกครั้งแรกของตัวเอง

เรื่องเหลือเชื่อที่เมดิสัน

โอกาสแก้ตัวของ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ กลับมาอีกครั้ง ในวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2019 เมื่อเขาถูกประกบคู่ให้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก 4 สถาบัน WBA, WBC, IBF และ WBO ของ แอนโธนี่ โจชัว แบบที่ตัวเขาเองไม่คาดฝันว่ามันจะเกิดขึ้น


Photo : iFL TV

เรื่องราวเหลือเชื่อนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อ จาร์เรลล์ มิลเลอร์ นักชกไร้พ่ายผู้ถูกเลือกมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์กับโจชัว ดันตรวจสารกระตุ้นไม่ผ่านถึง 3 ครั้งซ้อน ส่งผลให้โดนแบนยาว 6 เดือน หมดสิทธิ์ชิงแชมป์โลก 4 เส้น ไปโดยปริยาย

แม้ผู้ท้าชิงจะหาย แต่การชกไฟต์นี้ล่มไม่ได้ เพราะงานนี้ไม่ใช่แมตช์ธรรมดา แต่เป็นครั้งแรกที่นักมวยหมายเลขหนึ่งของอังกฤษ จะได้ออกมาพิสูจน์ตัวเองบนสังเวียนนอกประเทศ แถมเวทีที่รอจัดงาน ยังเป็นเมดิสัน สแควร์ การ์เดน เวทีทรงเกียรติที่สุดของวงการมวยสากลอาชีพ

สุดท้ายบุญก้อนโตจึงหล่นลงมาทับรุยซ์ เมื่อเขาถูกยืนยันให้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์ทั้ง 4 เส้นจากโจชัว ก่อนการชกจริงจะเริ่มขึ้นเพียงหนึ่งเดือน การตัดสินใจดังกล่าวสร้างกระแสลบให้แก่แฟนมวยทั่วโลก ทุกคนมองว่านักชกอุดมไขมันอดีตพรีเซนเตอร์ช็อกโกแลตสนิกเกอร์สรายนี้ ไม่เหมาะสมจะเป็นคู่ชก ในไฟต์ประวัติศาสตร์ของโจชัว


Photo : www.latimes.com

เสียงวิจารณ์และข้อสงสัยทั้งหมด เงียบสนิทลงเมื่อการชกสิ้นสุด แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ ซัด แอนโธนี่ โจชัว ลงไปกองกับพื้นถึงสี่ครั้ง ก่อนกรรมการสั่งยุติการชก ตั้งแต่ยกที่ 7 รุยซ์ยัดเยียดความพ่ายแพ้ครั้งแรกให้โจชัว

พร้อมกับแก้ตัวจากความล้มเหลวในการชิงแชมป์โลกครั้งแรกได้สำเร็จ แถมคราวนี้ รุยซ์ยังคว้าเข็มขัดแชมป์โลกจาก 4 สถาบันหลักมาครองพร้อมกัน ความสำเร็จของเขา เทียบเท่ากับ ไมค์ ไทสัน หรือ มูฮัมหมัด อาลี แล้ว! 

รีแมตช์ที่อาระเบีย

หลังเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก แอนโธนี่ โจชัว ยอมรับว่าเสียแชมป์ให้กับนักสู้ที่ดีกว่า แต่เขาไม่รีรอ ขอท้ารีแมตช์เพื่อเอาแชมป์ทั้งหมดคืนกลับมา แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ เองก็ตอบรับคำท้าพร้อมชก แต่มีข้อแม้สำคัญว่า การชกครั้งต่อไปจะต้องไม่จัดขึ้นที่สหราชอาณาจักร


Photo : www.theringer.com

คำขอของรุยซ์ถือว่าเข้าใจได้ ไม่มีใครอยากขึ้นชกโดยโดนแฟนทั้งสนามรุมโห่ แต่คำยืนกรานดังกล่าว สร้างความวุ่นวายแก่ทีมโปรโมเตอร์ พวกเขาหมดสิทธิ์ใช้งานสนาม Cardiff's Principality Stadium ที่พร้อมรองรับแฟนมวยมากกว่า 70,000 คน เนื่องจากตั้งอยู่ในคาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ อันเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร 

โจทย์ยากของผู้จัดงาน คือ สนามแห่งใหม่ที่ต้องมีความจุมหาศาล และทรงเกียรติพอที่จะจัดมวยชิงแชมป์โลก 4 สถาบันอย่างสมศักดิ์ศรี ขณะที่ทุกคนกำลังปวดหัว มือหนึ่งได้ยื่นข้อเสนอเข้ามา มันเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ของทีมโปรโมเตอร์...

มือดังกล่าวที่ว่า คือ ประเทศซาอุดิอาระเบีย รัฐมหาอำนาจน้ำมันจากตะวันออกกลาง ที่กำลังเดินหน้านโยบาย Saudi Vision 2030 เพื่อเปลี่ยนประเทศเคร่งศาสนาแห่งนี้ ให้ก้าวสู่ยุคใหม่ เพื่อตอบรับโลกภายนอก และสร้างไลฟ์สไตล์น่าสนใจ จนดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสู่ประเทศ


Photo : sustg.com

หนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่ซาอุดิอาระเบียให้ความสำคัญ คือเรื่องของกีฬา พวกเขาทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจัดกีฬาระดับโลกมากมายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น รายการกอล์ฟยูโรเปี้ยน ทัวร์, ฟอร์มูล่า อี, ดาการ์ แรลลี หรือ มวยปล้ำ WWE ซาอุดิอาระเบีย ทำสัญญากับองค์กรกีฬาระดับโลก เพื่อนำการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นเร้าใจเข้ามาสู่ประเทศ

การยื่นข้อเสนอเพื่อจัดไฟต์รีแมตช์ของ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ และ แอนโธนี่ โจชัว ที่เมืองดิริยาห์ จึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งในเมกะโปรเจคต์ขนาดใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องการใช้กีฬาพาประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ 

และเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,083 ล้านบาท ที่พวกเขายื่นเป็นค่าประมูลจัดงานครั้งนี้ ก็ไม่ได้มากมายอะไรสำหรับชาติอย่างซาอุดิอาระเบีย เพียงแค่เพิ่มเป็นสองเท่าจากที่จ่ายให้ WWE ในแต่ละโชว์เท่านั้น… 

ศีลธรรมกับเงินร้อยล้าน

มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ไฟต์รีแมตช์ของ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ และ แอนโธนี่ โจชัว จะจัดขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม 2019 ที่เมืองดิริยาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีการเซ็นสัญญาจากนักมวยทั้งสองฝ่ายแล้ว เรื่องดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์มากมาย ถึงความไม่เหมาะสมในการจัดการชกไฟต์นี้


Photo : www.denverpost.com

ประการแรกที่สร้างความไม่พอใจแก่สาธารณะ คือปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ไม่จบไม่สิ้นของซาอุดิอาระเบีย รัฐเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้ ยังปกครองภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชอิสลาม ที่เคร่งครัดในแนวคิดแบบอำนาจนิยม ซึ่งส่งผลต่อการลิดรอนสิทธิที่จะตั้งคำถาม หรือวิจารณ์แก่ประชาชนทั่วไป แถมยังมีแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิด ที่สร้างเครื่องหมายคำถามแก่สากลโลก

เหตุการณ์ที่ซาอุดิอาระเบียสร้างความอื้อฉาวแก่คนทั่วโลก คือ การเสียชีวิต ญะมาล คอชุกญี นักข่าวชาวซาอุดิอาระเบีย กลางสถานกงสุลซาอุดิอาระเบีย ในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี นานาประเทศรุมวิพากษ์ถึงศีลธรรมของซาอุฯ กับการลงมือลอบสังหารนักข่าวรายนี้ ที่กำลังมีปัญหาจากการวิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย

จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีการหาตัวคนร้าย หรือกระทั่งมีใครออกมารับผิดชอบถึงการตายของนักข่าวคนดังกล่าว แอมเนสตี้ (Amnasty)  องค์กรอิสระที่ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน จึงเรียกร้องให้ทุกประเทศบอยคอตต์ซาอุดิอาระเบีย และตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการจัดไฟต์รีแมตช์รุยซ์-โจชัวที่นี่ 


Photo : www.arabianbusiness.com

“ถ้า แอนโธนี่ โจชัว ขึ้นชกกับ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ ในซาอุดิอาระเบีย นี่จะเป็นโอกาสอีกครั้ง สำหรับผู้มีอำนาจของซาอุดิอาระเบีย ที่จะใช้กีฬาลบล้างภาพลักษณ์อันมัวหมองของพวกเขา”

“แม้ว่าจะมีความพยายามปฏิรูปเรื่องสิทธิสตรี ซาอุดิอาระเบียยังมีปัญหาเรื่องการปราบปรามผู้เรียกร้องสิทธิสตรี นักกิจกรรม นักกฎหมาย และผู้นับถือนิกายชีอะห์ ล้วนตกเป็นเป้าหมายทั้งสิ้น”

“ทั้งนี้ ยังไม่มีความยุติธรรมปรากฏหลังการฆาตกรรม ญะมาล คอชุกญี รวมถึงการที่กองทหารของซาอุดิอาระเบีย รุกรานประเทศเยเมน และทำลายบ้านเรือน โรงพยาบาล ตลาดร้านค้า ตามอำเภอใจ จนก่อผลกระทบร้ายแรงแก่พลเรือนชาวเยเมน”

ไม่ใช่แค่ ซาอุดิอาระเบีย ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการพยายามใช้กีฬาลบล้างภาพลักษณ์ หรือที่เรียกกันว่า “sportswash” ทางฝั่งผู้จัดงานถูกวิจารณ์อย่างหนักเช่นกันว่า เห็นเงินมากกว่าความถูกต้อง 

มีรายงานว่า เอ็ดดี้ เฮิร์น โปรโมเตอร์ผู้จัดไฟต์นี้ จะได้รับเงินเข้ากระเป๋า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบบไม่ต้องเสียเหงื่ออะไรให้มากมาย

แน่นอนว่า เอ็ดดี้ เฮิร์น ย่อมออกมาตอบโต้ถึงเสียงวิจารณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ตัวเขาไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นหลัก แต่เห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่จะพากีฬามวยสากลก้าวไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อวงการนี้ในระยะยาว


Photo : talksport.com

“เราต้องการจะไปยังที่ไหนสักแห่ง เพื่อพบกับคนที่เชื่อมั่นในกีฬามวยสากล และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล”

“มันยังมีโลกที่อยู่นอกคาร์ดิฟฟ์หรือเมดิสัน สแควร์ การ์เดน และเรามีพันธะที่จะทำให้กีฬามวยสากล ได้เติบโตในภูมิภาคอื่นๆ และพื้นที่ใหม่ๆ”

“อีเวนต์นี้อาจจะเปลี่ยนวงการมวยสากลไปตลอดกาล เพราะว่า หากซาอุดิอาระเบียพร้อมใจ ที่จะลงทุนในการจัดไฟต์นี้ คุณอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของโลกกีฬา”

ไม่ว่าการจัดไฟต์นี้จะเหมาะสมหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่รับประกันได้คือ ซาอุดิอาระเบียพร้อมทุ่มเงินเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่การชกครั้งนี้จริงๆ พวกเขาจะสร้างเวทีมวยชั่วคราว ความจุ 12,000 ที่นั่ง เพื่อรองรับแฟนกีฬาจากทั่วโลก พร้อมจัดงานแถลงข่าวทั้งในนิวยอร์ค, กรุงลอนดอน และประเทศซาอุดิอาระเบีย

และไม่ว่าผลการชกจะออกมาเป็นอย่างไร ภาพรวมของงานจะออกมาดีสมพลังเงินหรือไม่ ไฟต์รีแมตช์ของ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ และ แอนโธนี่ โจชัว ที่ซาอุดิอาระเบีย ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ แก่วงการกีฬามวยสากลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook