4 ประเด็นร้อนหลังเกม! เชลซี เปิดบ้าน เสมอ เลสเตอร์ 1-1
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมรุกของ เชลซี ในยุคของ แฟรงค์ แลมพาร์ด นั้นดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะจากการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้รวดเร็วขึ้น เน้นการต่อบอลตามช่องมากขึ้น บวกกับนักเตะดาวรุ่งและแกนหลักเดิมสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดี ไม่ว่าจจะเป็น ก็องเต้ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนบทบาทจากตัวรับเป็นตัวทำเกมอย่างเต็มตัว หรือจะเป็น เมสัน เมานท์ ลูกรักของ แลมพาร์ด ตั้งแต่คุม ดาร์บี้ ที่โชว์ฟอร์มได้ดีเกินวัยสมกับที่กุนซือคาดหวังไว้
1. ทั้งหมดนี้เป็นส่วนผสม ในการสร้างสรรค์เกมของ สิงห์บลู ในยุคของกุนซือ ซูเปอร์แฟรงค์ ที่โดดเด่นและลงตัวน่าติดตาม
2. รูปเกมที่สวยงาม แค่ช่วงต้นเกม
เกมวันนี้ เชลซี ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ในช่วง 15 นาทีแรก จากนั้นกลับผ่อนเกมลงจน เลสเตอร์ สามารถตั้งเกมของตัวเองและบุกสวนกลับได้ ทั้งที่ในช่วงต้นเกมทีมเยือนแทบไม่มีโอกาสต่อบอลหรือทำเกมได้เลยแม้แต่น้อย ทำไม ? สิงห์บลู กลับเลือกที่จะถอยลงมาตั้งรับแทนที่จะเล่นแบบเดิมเพื่อเอาประตูที่ 2 ดีที่ครึ่งแรกพวกเขายังตั้งรับอย่างเหนียวแน่น ทีมเยือนแทบจะหาโอกาสเข้าทำที่อันตรายไม่ได้เลย แต่แล้วในครึ่งหลัง รูปเกมกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน เจ้าบ้านตั้งรับต่ำรอจังหว่ะโต้กลับ ทำให้ผู้มาเยื่อนซึ่งแก้เกมมาดี บุกใส่จนเกือบได้ประตูอยู่หลายครั้ง และก็ทำสำเร็จในนาทีที่ 66 ทำให้พลพรรค สิงห์ไฮโซ ต้องเปลี่ยนมาเล่นเกมบุกอีกครั้งในช่วงท้าย และมีโอกาสจะได้ประตูขึ้นนำอยู่หลายครั้งแต่ขาดความเฉียบคมไปเอง
จากรูปเกมดังกล่าว จึงเกิดคำถามขึ้นมากมายว่า ทำไมจึงต้องเปลี่ยนเทคติก ทำไมต้องถอยมาตั้งรับ ทำไมไม่บุกใส่หวังเอาประตูเพิ่มเหมือนตอนต้นเกม ทั้งทีมรูปเกมมันกำลังดีอยู่แล้วจะไปเปลี่ยนมันทำไม เป็นสิ่งที่แฟนๆสิงโตน้ำเงินคราม ยังคงต้องครุ่นคิดหาคำตอบกันต่อไป
3. คู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ยังหาความแน่นอนไม่ได้
หากได้ดูเกมนัดนี้ จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า เวลาที่ทีม จิ้งจอกสยาม ต้องการจะทวงประตูคืน พวกเขาเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนัก ตัวรุกของทีมเยือนไม่ว่าจะเป็น วาร์ดี แมดดิสัน หรือแม้แต่ เปเรซ สามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับแผงหลังของเจ้าบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับสองเซ็นเตอร์แบ็คที่ถูกดันขึ้นมาเป็นตัวหลักในยุคของ แลมพาร์ด อย่าง ซูมา และ คริสเตนเซน เห็นชัดเจนว่าทั้งสองคนยังไม่นิ่งพอที่จะรับมือกับผู้เล่นที่มีความสามารถสูงได้ วันนี้พวกเขาโชคดี เพราะถ้าหากนับจากโอกาสที่ทีม จิ้งจอกสยาม ทำได้ ถือว่าดวงแข็งมากแล้วที่เสียเพียงประตูเดียว แล้วถ้าหากต้องเจอกับเกมรุกที่ดุดันกว่า แน่นอนกว่าล่ะ ?
ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ ป๋าแลมพ์ ต้องรีบแก้ไขให้ได้ เพราะมิเช่นนั้นต่อให้เกมรุกของทีมจะดุดันเพียงใด แต่ถ้าเกมรับยังมีปัญหาเสียประตูมากมาย มันก็เท่านั้น
4. ระเบิดเวลาของ แลมพาร์ด
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ฟุตบอลสมัยนี้นิยมความสำเร็จและต้องได้มาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีม สิงโตน้ำเงินคราม ที่มีประวัติโชกโชนปลดกุนซือเป็นว่าเล่นมาแล้ว
จริงอยู่ที่ตอนนี้ พรีเมียร์ลีก พึ่งจะเริ่มไปเพียง 2 นัด และทีมก็ยังทำผลงานได้ถูกใจแฟนบอลแม้จะไม่ได้รับชัยชนะก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากอดีตคือ ผลงานในสนามจะเป็นเครื่องการันตีการอยู่รอดของกุนซือ มากกว่ารูปเกมที่ดีแต่ผลงานล้มเหลว ซึ่งตอนนี้ ป๋าแลมพ์ ยังเป็นที่รักของแฟนๆอยู่ เนื่องจากรูปเกมที่สนุกเร้าใจ หรือจากการที่เคยเป็นขวัญใจสมัยเป็นนักเตะ รวมถึงข้อจำกัดในการเข้ามาทำทีมในปีนี้ที่ถูกแบนห้ามซื้อนักเตะใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากผลการแข่งขันยังออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ระเบิดเวลาที่ถูกตั้งเวลาเอาไว้แล้ว มันจะเริ่มทำงานทันทีและไม่มีอะไรหยุดยั้งวงจรนี้ได้เลย เว้นแต่สิ่งเดียว "ชัยชนะ"