5 เหตุผล! ยูเนียน เบอร์ลิน น้องใหม่เมืองเบียร์จะรอดตกชั้นซีซั่นนี้
ศึกบุนเดสลีกาฤดูกาล 2019/20 เปิดฉากไปแล้ว 3 เกม โดยที่น้องใหม่อย่าง “ยูเนียน เบอร์ลิน” โชว์ผลงานได้น่าประทับใจหลังคว่ำโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ไปได้ในเกมล่าสุด ถือว่ามาถูกทางและตั้งตัวได้เร็วบนเวทีฟุตบอลลีกสูงสุดในเยอรมนีฤดูกาลแรกของพวกเขา มาดูกันว่าทำไมยูเนียน เบอร์ลิน ถึงน่าจะรอดตกชั้นในซีซั่นนี้กันเลย
1. มีแฟนบอลระดับเวิลด์คลาส
อย่างที่รู้กันว่าบุนเดสลีกาคือหนึ่งในลีกฟุตบอลที่มีผู้ชมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และแฟนบอลยูเนียน เบอร์ลิน ก็มีแฟนบอลอันยอดเยี่ยมเช่นกัน หากถามว่าพวกเขาคลั่งไคล้ทีมโปรดของตนเองขนาดไหน คำตอบที่จะได้ยินก็คือ “เลือดของเราเป็นสีขาว-แดง”
ที่น่าประทับใจคือแฟนบอลเคยช่วยกันบริจาคเงินให้กับสโมสรเพื่อพยุงไม่ให้ล้มละลายในปี 2004 และใน 4 ปีต่อมาเมื่อสโมสรต้องเจอปัญหาและกำลังจะถูกยึดใบอนุญาตแข่งฟุตบอลในลีก ก็มาได้เหล่าแฟนบอลนี่แหละที่ร่วมมือร่วมแรงกันปรับปรุงก่อสร้างอัฒจันทร์ของสนาม “ชตาดิโอน อันแดร์อัลเทน เฟือร์สเทอไร” ให้ได้มาตรฐาน รวมแล้วคิดเป็นเวลาเข้ากะของพนักงานถึง 140,000 ชั่วโมงเลย
แม้ในเกมประเดิมสังเวียนบุนเดสลีกานัดแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ยูเนียนต้องเป็นฝ่ายแพ้คาบ้านให้กับแอร์เบ ไลป์ซิกไปถึง 0-4 ประตู แต่สำหรับกองเชียร์แล้ว พวกเขาก็ยังคงแฮปปี้และเฉลิมฉลองการได้ก้าวขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุด ซึ่งเราจะเห็นได้จากป้ายมากมายของแฟนบอลที่เขียนเป็นภาษาเยอรมันว่า "Endlich dabei" หรือ “ในที่สุดก็ทำได้”
2. ฉลาดซื้อ
สำหรับทีมน้องใหม่ที่ก้าวขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดนั้น มักเกิดคำถามอยู่บ่อยๆ ว่านักเตะจะรับมือทีมคู่แข่งในลีกที่สูงขึ้นได้หรือเปล่า แต่สำหรับยูเนียน เบอร์ลิน พวกเขากลับคว้าโอกาสอันนี้ไว้และปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ยูเนียนรีบเซ็นสัญญาคว้าตัวนักเตะที่ยืมมาชั่วคราวอย่าง มานูเอล ชมีเดอบาค จากฮันโนเวอร์ และ มาร์วิน ฟรีดริช จากเอาก์สบวร์กเข้ามาร่วมทีมแบบถาวร ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ยืมตัวเคเวน ชล็อทเทอร์เบ็ค แข้งดาวรุ่งวัย 22 ปีจากไฟรบวร์กด้วยสัญญา 1 ปีและรับใช้ทีมไปแล้ว 9 นัดในครึ่งฤดูกาลหลังของบุนเดสลีกา 2
และไฮไลท์ก็คือการคว้าตัวนักเตะมากประสบการณ์อย่าง เนเวน ซูโบติช คริสเตียน เกนท์เนอร์ และ แอนโธนี ยูจาห์ ที่เคยลงเล่นในบุนเดสลีการวมกันเกือบ 700 เกม คว้าแชมป์บุนเดสลีกามา 4 สมัย และเดเอฟเบ โพคาล อีก 2 สมัย แถมยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้หนีตกชั้นมาอย่างโชกโชน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะทำให้ยูเนียน เบอร์ลินเป็นทั้งทีมที่เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานและเชี่ยวชาญเกมการแข่งขันในฐานะทีมรองบ่อนในขณะเดียวกัน
“ทีมเรามีส่วนผสมที่ดีของนักเตะมากประสบการณ์กับนักเตะอายุน้อยที่เปี่ยมคุณภาพและพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถถีบตัวเองขึ้นมาอยู่บนลีกสูงสุดได้สำเร็จ” ซูโบติชกล่าว
3. ฟุตบอลสไตล์ “พั้งค์ร็อค”
ยูเนียน เบอร์ลิน คือทีมที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมตามมาตรฐานทีมจากเยอรมนี พวกเขาคือสโมสรที่มีเกียรติ และเมื่อถึงคราวแข่งขัน ก็จะปลดปล่อยทุ่มเททุกอย่างออกมาอย่างสุดอารมณ์แบบแพสชั่นมาเต็ม
แฟนบอลของยูเนียน เบอร์ลินนั้นมีวัฒนธรรมการเชียร์ทีมรักของตนเองที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากทีมที่ติดกระแสทีมอื่นๆ เช่นเดียวกับสไตล์การเล่นของนักเตะ หากเราเปรียบสไตล์การเล่นของทีมดอร์ทมุนด์ภายใต้การคุมทีมของเยือร์เก้น คล็อปป์ว่าเป็นดั่งดนตรี “เฮฟวี่ เมทัล” แล้ว ยูเนียน เบอร์ลินก็คือสไตล์ “พั้งค์- ร็อค อัลเทอร์เนทีฟ” ดีๆ นี่เอง!
พวกเขาคือทีมที่บดขยี้คู่แข่งตลอดเวลาการแข่งขัน 90 นาที ในศึกบุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 17 เกมและแพ้เพียง 5 เกมเท่านั้นจนสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาสำเร็จ
“ความคาดหวังของพวกเราก็คือทุ่มเทให้หมดทุกอย่างตั้งแต่เกมแรกเพื่ออยู่รอดในลีกให้ได้” เกนท์เนอร์ แข้งหน้าใหม่ของสโมสรกล่าว ซึ่งเจ้าตัวรู้พิษสงของต้นสังกัดใหม่เป็นอย่างดี เพราะเขาคืออดีตกัปตันทีมชตุทท์การ์ทที่เพิ่งโดนยูเนียนเขี่ยตกชั้นไปในเกมเพลย์ออฟนั่นเอง!
4. แนวรับแน่นปึ๊ก (ไม่เชื่อถามดอร์ทมุนด์ดูสิ)
ในฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาเสียไปแค่ 33 ประตูและเก็บคลีนชีทได้ถึง 14 ครั้ง แม้ในแมตช์เดย์แรกของซีซั่นนี้พวกเขาจะโดนถลุงไปถึง 4 ลูก แต่ก็กลับมาตั้งหลักได้ในเกมที่ 2 เมื่อบุกไปยันเสมอเอาก์สบวร์ก 1-1 ประตู ก่อนที่จะเล่นงานดอร์ทมุนด์จนแฟนๆ เสือเหลืองที่คิดว่านัดนี้ต้องได้เคี้ยวหมูแน่ๆ ต่างช็อกตาตั้งกันเป็นแถว
เกมนั้นปาโก้ อัลกาเซร์เบิกสกอร์ให้ดอร์ทมุนด์ออกนำไปก่อน แต่หลังจากนั้นทีมเสือเหลืองที่ยิงประตูได้สูงสุดเป็นอันดับสองในฤดูกาลก่อนกลับเจาะยอดทีมน้องใหม่จากเบอร์ลินไม่เข้าอีกเลย มิหนำซ้ำยังโดนน้องใหม่สอยไปถึง 3 ประตู แพ้พลิกล็อกจนเจ็บมิรู้ลืม
จริงๆ ยูเนียน เบอร์ลินนั้นเป็นทีมที่เคยสร้างความลำบากให้กับดอร์ทมุนด์มานานแล้ว ในฤดูกาล 2016/17 ทั้งสองทีมพบกันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกเดเอฟเบ โพคาล เกมนั้นยืดเยื้อจนต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และในฤดูกาลที่ผ่านมายูเนียนก็สามารถตามตีเสมอดอร์ทมุนด์ได้ถึง 2 หน ก่อนที่รอยส์จะมายิงประตูชัยให้เสือเหลืองได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ (นาทีที่ 121) เบียดเอาชนะไปอย่างหวุดหวิดทั้งสองครั้ง
หากยูเนียน เบอร์ลิน สามารถรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้ได้ตลอด 31 เกมบุนเดสลีกาที่เหลืออยู่สำหรับซีซั่นนี้ ก็จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขารอดตกชั้นได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
5. ประวัติศาสตร์มันฟ้อง
นับตั้งแต่มีกฎใหม่สำหรับการเลื่อนชั้น-ตกชั้นเมื่อฤดูกาล 2008/09 มีสถิติว่า 18 จาก 25 สโมสรน้องใหม่ในบุนเดสลีกาสามารถเอาตัวรอดได้ในลีกสูงสุด โดยมีทีมที่เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรทั้งสิ้น 8 ทีมด้วยกัน กรอยเธอร์ เฟือร์ธ และ พาเดอร์บอร์น เลื่อนขึ้นมาได้ก็ต้องตกชั้นกลับไปในฤดูกาลเดียว
ส่วนอิงโกลชตัดท์ตกชั้นไปในฤดูกาลที่สองที่เลื่อนขึ้นมา นอกจากนั้นก็คือสโมสรไมนซ์ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์และอยู่รอดได้สำเร็จ รวมถึงฮอฟเฟนไฮม์ เอาก์สบวร์ก และ ไลป์ซิก ที่อยู่รอดและตั้งหลักบนลีกสูงสุดได้สำเร็จ แถมบางทีมยังคว้าโควต้าฟุตบอลยุโรปได้อีกด้วย แม้การเดินตามรอย 4 ทีมหลังข้างต้นอาจเป็นฝันที่เกินตัวไปซักหน่อย แต่ก็ถือเป็นความฝันลึกๆ ที่พวกเขาควรหวังเอาไว้และลองพยายามฮึดดูสักตั้ง...
“ชัดเจนเลยว่าพวกเรามีแต่จะสร้างเซอร์ไพรส์ จะตกชั้นก็อาจไม่ได้เสียหายอะไร” โอลิเวอร์ รูห์เนิร์ต ซีอีโอของทีมกล่าว “เราต้องการอิสระ จังหวะ และในขณะเดียวกันก็ต้องคงเส้นคงวา หากมีทั้งหมดนี้ เราเชื่อว่าเราสามารถจบอันดับ 15 ได้เป็นอย่างน้อย”