หลากสีสันวัฒนธรรมในเมืองรองเท้าแห่งเอเชีย

หลากสีสันวัฒนธรรมในเมืองรองเท้าแห่งเอเชีย ถึงจะไม่ได้ครองตำแหน่งเมืองช้อปปิ้งอันดับหนึ่งของเอเชีย แต่ประเทศมาเลเซียก็ภูมิใจที่จะประกาศตนเป็นแหล่งผลิตรองเท้าส่งออกและศูนย์รวมแฟชั่นรองเท้าจากทั่วโลก

Malaysia International Shoe Festival 2013 หรืองานแสดงสินค้ารองเท้านานาชาติ ประจำปี 2013 จึงถูกจัดขึ้นอีกครั้งในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่ากันว่างานนี้มีบรรดาผู้รักรองเท้าทั้งจากในและต่างประเทศเข้าร่วมงานหลายหมื่นคน ซึ่งรวมถึง Lisa ก็ได้รับคำเชิญจากการท่องเที่ยวมาเลเซีย สำนักงานกรุงเทพฯ ไปร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน

MISF 2013 @ KL City
ซาลามัต ดาตัง...กล่าวทักทายตามสไตล์ชาวมาเลเซียกันแล้ว เราก็ได้รู้จักกับ พี่แคท หรือ คุณแคทเธอรีน ไกด์สาวชาวไทยที่พาเราทัวร์ตลอด 5 วันในมาเลเซีย ด้วยความที่เธอลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว
อยู่ในประเทศมากว่า 30 ปี จึงรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับประเทศนี้ โดยเฉพาะแหล่งช้อป ชิม ชิลล์สไตล์มาเลย์ มาเลย์ที่เราจะได้ไปสัมผัสกันในทริปนี้ค่ะ

แต่ก่อนอื่นต้องขอเล่าถึงงาน Malaysia International Shoe Festival 2013 (MISF 2013) กันก่อนค่ะ งานนี้เป็นวาระแห่งชาติก็ว่าได้เพราะเกิดจากแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ของกระทรวงการ ถึงจะไม่ได้ครองตำแหน่งเมืองช้อปปิ้งอันดับหนึ่งของเอเชีย แต่ประเทศมาเลเซียก็ภูมิใจที่จะประกาศตนเป็นแหล่งผลิตรองเท้าส่งออกและศูนย์รวมแฟชั่นรองเท้าจากทั่วโลก ท่องเที่ยว ประเทศมาเลเซีย นำโดย ฯพณฯ ดาโต๊ะ เสรี ดร. อึง เย็น เย็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้มองเห็นจุดเด่นของประเทศที่ทำรายได้มหาศาลจากการส่งออกรองเท้าไปยังบราซิล เม็กซิโก สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศอาเซียนปีละกว่า 621 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,210 ล้านบาท จึงหยิบมาเป็นตัวโปรโมตเรื่องการท่องเที่ยวซะเลย นอกเหนือจากที่มีดีทางด้านธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมอยู่แล้ว

งานจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ ปุตรา เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จัดงานได้ใหญ่โตจริงๆ ค่ะ เวลาตลอด 3 วันของการจัดงานมีผู้เข้าชมเป็นหลักหมื่น รวมถึงมีแบรนด์รองเท้าชื่อดังๆ อย่าง Fiorucci, Snowfly, Larrie, Vern's, Geox, Good Arch, Alfio Raldo, Ecco และ Timberland นำรองเท้ามาจัดแสดง พร้อมด้วยแฟชั่นรองเท้าเก๋ไก๋ไอเดียบรรเจิดของดีไซเนอร์รุ่นใหม่ จาก 12 ประเทศซึ่งรวมถึงดีไซเนอร์ไทยด้วย แต่หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ การได้ยลโฉมคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดของ จิมมี่ ชู ดีไซเนอร์รองเท้าชาวมาเลเซียผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เจ้าของแบรนด์ Jimmy Choo Couture แห่งนครนิวยอร์ก และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นดาโต๊ะ จิมมี่ ชู ทูตการท่องเที่ยวมาเลเซียผู้สร้างความภูมิใจให้แผ่นดินเกิด ซึ่งเราเองก็เป็นปลื้มที่ได้ชมคอลเล็กชั่นใหม่ สุดวิจิตรเริ่ดหรูของเขา แถมยังได้สัมผัสสองมืออบอุ่นของนักทำรองเท้าผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก

ชมเมือง-ช้อปปิ้งในเมืองใหญ่ KL City หรือกรุงกัวลาลัมเปอร์ก็ไม่ต่างอะไรกับเมืองหลวงอื่นๆ ตรงที่มีชีพจรเต้นเร็วเพราะเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าการลงทุน และหลากหลายไปด้วยผู้คนต่างวัฒนธรรม ไกด์แคทพาเราทัวร์ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเคแอลซิตี้เท่าที่เวลาจะอำนวย เพื่อให้เราได้เข้าถึงสวรรค์ของนักช้อปที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยเฉพาะที่ถนนบูกิต บินตัง ถนนแห่งการช้อปปิ้งที่มีห้างใหญ่ๆ เรียงรายพร้อมที่จะดูดเงินออกจากกระเป๋าของนักช้อป ไม่ว่าจะเป็น Pavilion Kuala Lumpur ที่รวมร้านแฟชั่นอินเทรนด์และร้านอาหารนั่งชิลล์ๆ ที่ได้รับ

ความนิยมมากจากนักท่องราตรี Starhill Gallery ห้างสุดเดิร์นที่ รวมร้านแบรนด์เนมชั้นสูง Fahrenheit 88 มีร้านเสื้อผ้าแบรนด์ Uniqlo สาขาใหญ่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Lot 10 ห้างน้องเล็กที่ได้รับการขนานนามว่า Ginza of Kuala Lumpur

สำหรับห้างใหญ่อีกแห่งที่ไม่อาจข้ามผ่านก็คือ Suria KLCC อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเมือง นอกจากเป็นแหล่งละลายทรัพย์ชั้นดีแล้วยังเป็นที่ตั้งของตึกแฝดปิโตรนาส สัญลักษณ์ของเมืองที่ความสูง 452 เมตร มีทั้งหมด 88 ชั้น ตึกหนึ่งสร้างโดยบริษัทฮาซามะคอร์เปอร์เรชั่นของญี่ปุ่น และตึกสองสร้างโดยบริษัทซัมซุงของเกาหลี เรามีโอกาสได้ขึ้นไปชมวิวบนสกายบริดจ์ ซึ่งเชื่อมระหว่างสองตึกที่ชั้น 41 และหอสังเกตการณ์บนชั้นที่ 86 ซึ่งปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมวิววันละ 500 คน โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 80 ริงกิต หรือประมาณ 800 บาท

สีสันศิลปะและวัฒนธรรม นอกจากแหล่งช้อปปิ้งแล้ว ในเคแอลยังมีสถานที่สำคัญๆ น่าแวะไปถ่ายรูปตั้งแต่อาคารชมวิว KL Tower ที่ความสูง 421 เมตรลานประกาศเอกราชหรือ Merdeka Square ที่ตรงกันข้ามคือ อาคารสุลต่านอับดุลซามัดที่งดงามตามสไตล์ศิลปะแขกมัวร์ ใกล้กันเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจไปกับโบราณวัตถุล้ำค่าเล่าความเป็นมาของชนชาติมาเลเซีย และไปชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่อย่างสถานีรถไฟสไตล์แขกมัวร์ และวังสุลต่านหลังใหม่ที่ยิ่งใหญ่อลังการอย่างที่บอกว่าประเทศนี้ได้หลอมรวมผู้คนหลายเชื้อชาติไว้ด้วยกัน เราจึงไม่พลาดที่จะไปซึมซับบรรยากาศคึกคักในย่านไชน่าทาวน์ที่ถนนเปอตาลิง ไปไหว้พระที่วัดจีน Thean Hou แล้วทอดน่องย่านลิตเติล อินเดียเพื่อชมวัด Sri Maha Mariamman แถมไกด์แคทยังพาไปชิมอาหารอร่อยๆ แบบท้องถิ่นที่ถนนอารอ หรือถนนสายอาหารที่เปิดตั้งแต่เย็นๆ จนถึงตี 4 รวมถึงไปเดินเล่นในตลาดเช้าย่านไชน่าทาวน์ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ไม่นิยมความหรูหรานัก แต่ได้สัมผัสเข้าถึงวัฒนธรรมที่เป็นมาและเป็นไปตามสไตล์มาเลย์...มาเลย์อย่างแท้จริง

ข้อมูลโดย : Lisaguru

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!