ขับรถเที่ยวเมืองลับแล อมตะตำนานที่เร้นลับ

ขับรถเที่ยวเมืองลับแล อมตะตำนานที่เร้นลับ

ขับรถเที่ยวเมืองลับแล  อมตะตำนานที่เร้นลับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลเดือนกรกฎาคม 2557 พาเที่ยวเมืองลับแล อมตะตำนานที่เร้นลับ อาณาจักรผลไม้ ภูเขากินได้ เราออกจากกรุงเทพในตอนเช้ากลางเดือนมิถุนายน เพื่อเดินทางไปเมืองลับแล อุตรดิตถ์ ระยะทางประมาณ500 กิโลเมตร แวะทานไก่ย่าง ส้มตำ ลาบที่ชัยนาท ริมถนนเอเซีย ร้านนี้ผ่านหลายหนไม่เคยแวะเพราะไม่ได้เวลาทานอาหาร ร้านไก่ย่างท่าพระ อร่อยที่สุดในเมืองไทย ลองเข้าไปสั่งอาหารทาน ปรากฏว่าไก่ย่างอร่อยจริงๆ กรอบนอกนุ่มใน เป็นไก่ไทยคัดได้ขนาดพอเหมาะ อาหารอย่างอื่นก็อร่อย ร้านนี้ต้นตำหรับอยู่ที่ขอนแก่น เปิดขายมา40-50ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า สูตรดั้งเดิมแต่โบราณ ตอนนี้ขยายสาขามาที่ชัยนาทริมถนนเอเซียและที่ลพบุรี


ไก่ไทย กรอบนอกนุ่มใน เนื้อเยอะเพราะเป็นไก่คัดขนาดพอเหมาะ เจ้าของร้านกับลูกสาว 2 คนกำลังน่ารัก เราไปก่อนเวลาอาหารกลางวัน คนเลยไม่มาก อร่อยที่สุด ร้านกว้างขวาง โปร่งสบาย ชนะเลิศที่ 1 จาก ททท (ไม่ได้บอกปีที่ชนะเลิศ) หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็ขับรถขึ้นเหนือไปอุตรดิตถ์ ผ่านนครสวรรค์ พิษณุโลก พอเข้าใกล้อุตรดิตถ์ถนนจะเป็นทางขึ้นเขา วิวสองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และภูเขาสูง ทางไปอุตรดิตถ์ถนนดี วิวสวย ถ้าเห็นภูเขาใหญ่ขวางหน้าแสดงว่าอุตรดิตถ์อยู่ไม่ไกล ต้องขับรถข้ามภูเขาลูกนี้เพื่อไปอุตรดิตถ์ เข้าเขตอุตรดิตถ์  ก่อนถึงอุตรดิตถ์ก็แวะทานอาหารและกาแฟที่ร้านลมเย็น พิกัด N17*35.603' E100*07.847' ร้านนี้บรรยากาศดีมาก อาหารก็เป็นอาหารสำเร็จประเภทข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว

แวะทานอาหารและกาแฟ บรรยากาศในร้าน มีกาแฟสดขาย อาหารจานด่วน ที่จอดรถกว้างขวาง ภายนอกร้านร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ จากร้านลมเย็นเราก็ขับรถเข้าเมืองอุตรดิตถ์ เข้าพักที่โรงแรม Good time Boutique Hotel โรงแรมเล็กๆเปิดมาเพียง 6 เดือน ราคาไม่แพง ในเมืองอุตรดิตถ์ โทร 055-411554 หลังจากอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ขับรถไปเที่ยวเมืองลับแล เมืองลับแลเป็นหนึ่งใน9 อำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์เพียง 9 กิโลเมตรเท่านั้น ทางใต้ของเมืองลับแลเป็นที่ราบ แล้วค่อยยกระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นภูเขาสูงทางด้านทิศเหนือ ลับแลมีที่ราบเพียง 1 ส่วน อีก 3 ส่วนเป็นที่ราบสูงและภูเขา อากาศจึงเย็นสบายโดยเฉพาะตามภูเขา ตอนเย็นดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน บรรยากาศก็มืดแล้วเพราะมียอดเขามีดอยมาบังแสงอาทิตย์ไว้ ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า ลับแลง ซึ่งเป็นภาษาเหนือแปลว่า ลับไปในยามแลงหรือมืดไปในยามเย็น ต่อมาเพี้ยนเป็น ลับแล จนเป็นชื่อเรียกอำเภอนี้มาจนทุกวันนี้ อาชีพคนลับแลคือทำนาและทำสวนผลไม้ ผลไม้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือทุเรียนหลงลับแล และหลินลับแล ซึ่งท่องเที่ยวสไตล์พิศาลเดือนนี้จะพาไปเที่ยวสวนทุเรียนหลงและหลินลับแล การเก็บทุเรียน การขนส่งทุเรียน และตลาดการค้าขายทุเรียนของเมืองลับแล

ด่านแรกก่อนเข้าเมืองลับแลก็จะมีประตูเมืองลับแลและประติมากรรมแม่ม่าย ตำนานที่เล่ากันมาจนเป็นอมตะตำนานเกี่ยวกับเมืองลับแลมีอยู่ว่า นานมาแล้วกว่าร้อยปี มีชายหนุ่มชาวเมืองทุ่งยั้ง(เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอลับแล)คนหนึ่งเดินทางเข้าไปหาของป่า จนกระทั่งได้มาพบหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมาจากป่าดงดิบแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงชายป่า พวกเธอก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ แล้วเดินเข้าไปในเมือง ด้วยความสงสัยและอยากรู้ เขาจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง เมื่อหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างหาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็เดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบ ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแม้คือ ขอติดตามนางไปด้วย เพราะอยากจะเห็นหมู่บ้านที่พวกเธอเดินทางออกมา

หญิงสาวยอมพาชายหนุ่มเข้าไปในเมือง ระหว่างทางชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง หญิงสาวอธิบายว่า คนในหมู่บ้านนี้ต้องรักษาศีลธรรมถือความสัตย์ ผู้ชายส่วนมากไม่รักษาวาจาสัตย์เลยถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน หญิงสาวพาชายหนุ่มไปพบแม่ ชายหนุ่มเกิดความรักใคร่ในตัวหญิงสาวจึงขออยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวจึงให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ห้ามพูดเท็จ ชายหนุ่มก็รับปากและได้อยู่กินกับหญิงสาวจนมีลูกด้วยกัน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน เด็กก็ร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด ชายหนุ่มก็ปลอบลูกว่า แม่มาแล้วให้เงียบ มารดาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่ลูกเขยพูดเท็จ เมื่อลูกสาวกลับมามารดาก็เล่าให้ฟัง ภรรยาของชายหนุ่มก็เสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางก็บอกให้สามีนางออกจากหมู่บ้านไป โดยจัดย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปในย่ามด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พาสามีไปชายป่า ชี้ทางให้แล้วนางก็กลับไปยังเมืองลับแล

ชายหนุ่มเดินทางออกจากเมืองลับแลเพื่อกลับบ้านตัวเองตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น ย่ามที่ถือมาหนักขึ้นเรื่อยๆ และหนทางยังอีกไกลมาก ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยล้ามาก จึงหยิบขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ในย่ามทิ้งไปเรื่อยๆตามทางที่เดินกลับ เมื่อกลับถึงหมู่บ้านของตัวเองก็เหลือขมิ้นเพียงแง่งเดียว จึงหยิบออกมาดู ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง จึงเดินย้อนกลับไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตัวเองตามเดิม เป็นอมตะตำนานที่เล่าต่อกันมาจนทุกวันนี้ เมืองลับแลจึงเป็นเมืองที่ในตำนานกล่าวว่าเป็นเมืองที่ห้ามพูดเท็จ ซึ่งก็เป็นจุดขายที่ต้องการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมารู้จักเมืองลับแลมากขึ้น จากนั้นเราก็ขับรถไปที่อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ ซึ่งเป็นปูชนียบุคคล ที่ได้สร้างความเจริญให้แก่อำเภอลับแลเป็นอย่างมาก เช่น เป็นผู้วางผังเมืองลับแล สร้างฝายหลวง พัฒนาการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมด้านการเกษตร จนชาวลับแลให้ความเคารพนับถือท่านเสมอมา อย่างไม่เสื่อมคลายมาจนถึงปัจจุบัน

จากอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศเราก็ขับรถขึ้นเขาต่อไปดูสวนทุเรียน เราขับรถไปทางน้ำตกแม่พูลเพื่อไปเที่ยวสวนทุเรียน ระหว่างทางเจอร้านอาหารสวยริมทางชื่อ ม่อนลับแล เลยแวะทานอาหารพื้นเมืองที่ร้านนี้ บรรยากาศร้านม่อนลับแลร่มรื่นมาก หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็ขับรถไปดูสวนทุเรียนหลงลับแลและหลินลับแลที่ผามูบ เราต้องขับรถขึ้นเขาตรงทางแยกใกล้ตลาดหัวดงซึ่งเป็นแหล่งขายทุเรียนขนาดใหญ่เพื่อไปที่ผามูบ ถนนขึ้นเขาไปยังผามูบ แหล่งปลูกทุเรียนบนเขาที่ใหญ่มาก ระหว่างทางมีสวนทุเรียนเปิดใหม่บนเขา วิวถ่ายจากถนนในเส้นทางไปผามูบ ถนนแคบและขึ้นเขาตลอด ถนนคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา

สวนทุเรียนอยู่ริมถนนสองข้างทาง แต่ไม่มีป้ายชื่อสวนทุเรียนและไม่มีถนนเข้าไปยังสวนทุเรียน ขับรถมาสักครู่ก็เห็นป้ายขนส่งผลไม้ด้วยลวดสลิง ช่วงที่ขับรถผ่านไม่ได้มีการขนส่งทุเรียนข้ามภูเขาด้วยลวดสลิง อาจจะเป็นเพราะเช้าเกินไปหรือทุเรียนยังไม่สุกไม่มีเจ้าหน้าที่ให้สอบถาม เลยไม่รู้ว่าจะมีการขนส่งทุเรียนข้ามภูเขาด้วยลวดสลิงเมื่อไหร่ ขับรถต่อมาก็เจอป้าย ขนส่งผลไม้ด้วยลวดสลิง การขนส่งด้วยลวดสลิงจะขนส่งผลไม้ข้ามเขาโดยเอาผลไม้ใส่ในตะกร้าจากเขาฝั่งตรงข้ามแล้วชักรอกด้วยลวดสลิงมาเขาด้านที่ติดถนนเพื่อที่จะใส่รถบรรทุกผลไม้(ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียน)ไปขายที่ตลาดหรือส่งเข้ากรุงเทพฯ

จากนั้นเราก็ขับรถต่อไป หวังว่าจะได้เจอป้ายให้เข้าไปเที่ยวสวนทุเรียนได้ แต่ปรากฎว่าไม่เจอป้ายให้เยี่ยมชนสวนทุเรียนเลย จนกระทั่งมีคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านมา เราก็โบกมือให้จอดรถเพื่อจะถามข้อมูล ปรากฏว่าโชคดีมากเจอเจ้าของสวนที่จะไปตัดทุเรียนพอดี เจ้าของสวนซึ่งทราบชื่อต่อมาว่าเป็นทนายความที่อุตรดิตถ์ชื่อคุณ สายธาร แต่คนทั่วไปเรียกทนายคิ้วขาวตามลักษณะคิ้วบนใบหน้า ยินดีให้เราตามไปดูวิธีการเก็บทุเรียน บอกให้เราขับรถตามไปโดยทนายคิ้วขาวขี่นำทางไป

ทนายคิ้วขาวจอดรถให้เราสอบถามข้อมูล ทนายคิ้วขาวขี่รถนำหน้าให้เราขับรถตาม ขับรถตามมาสักครู่ก็ถึงทางเข้าสวน ทนายบอกให้เราจอดรถริมถนน ทางเข้าสวนอยู่ฝั่งตรงข้ามที่เราจอดรถพิกัด N17.76625*E099.98153* มีป้ายบอกจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรสวนทุเรียนหลงลับแล ความจริงมีผลไม้หลายชนิด ลองกอง หมอนลับแล หลงลับแล และหลินลับแล แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียนหลงลับแล

ทนายคิ้วขาวขี่รถนำหน้า ให้เราเดินตามทางไปเรื่อยๆ บอกว่าจะเอารถไปเก็บก่อนแล้วจะเดินย้อนมารับ เราถามว่าไกลแค่ไหนก็ไม่บอก อาจจะไม่รู้หรือรู้ก็ไม่อยากบอกกลัวเราไม่ไป แต่เราตัดสินใจแล้วว่าไกลแค่ไหนก็จะไป เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้เห็นสวนทุเรียนบนเขาทั้งภูเขา ที่เรียกว่าภูเขากินได้ ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็เจอต้นทุเรียนหลงลับแลของเจ้าของสวนคนอื่นๆที่ปลูกไว้ เจ้าของสวนจะต้องใช้เชือกผูกกิ่งทุเรียนไว้ ไม่อย่างนั้นเวลาเจอลมแรงๆ กิ่งทุเรียนจะหัก ลูกทุเรียนก็จะหล่นลงมาเสียหายได้ ทางเดินที่จะไปสวนทุเรียนของทนายคิ้วขาวต้องเดินผ่านสวนทุเรียนของคนอื่นๆหลายๆสวน ทางเดินไปสวนทุเรียนของทนายคิ้วขาวแคบมาก กว้างขนาดพอให้ล้อจักรยานยนต์วิ่งได้เท่านั้น ทางเดินเริ่มชันเลียบไปตามเนินเขา ถ้าเดินไม่ดีอาจตกเขาได้ 2ข้างทางเป็นสวนผลไม้ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียนหลงลับแลและหมอนลับแล ทุเรียนต้นดั้งเดิมหลงลับแลค่อนข้างสูง บางต้นก็เพิ่งออกดอก ทุกสวนที่เดินผ่านมาจะใช้เชือกผูกกิ่งทุเรียนไว้กันลมพัดกิ่งทุเรียนหัก เจ้าของสวนบางคนก็กำลังตัดหญ้าให้ปุ๋ยต้นทุเรียน ทางเดินบางช่วงมีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ริมทางเดิน ต้นไม้ใหญ่อายุน่าจะเกือบร้อยปี เราแวะชมวิวระหว่างทาง ชมต้นทุเรียนระหว่างทาง รอว่าเมื่อไหร่ทนายคิ้วขาวจะเดินมารับเรา

ในที่สุดทนายคิ้วขาวก็เดินมารับเรา ทนายคิ้วขาวพาเราไปทางลัดเพื่อไปยังที่พัก ระหว่างทางก็ดูแลความเรียบร้อยของสวนทุเรียนไปด้วย เจอทุเรียนหลงลับแลที่หล่นใต้ต้นใหม่ๆก็เก็บขึ้นมา ในที่สุดเราก็มาถึงที่พักของทนายคิ้วขาวอยู่ท่ามกลางภูเขาทุเรียน จากนั้นทนายคิ้วขาวก็แกะทุเรียนหลงลับแลให้ลองชิม และให้เราคาดกล่องยากันยุงก่อนที่จะลงไปในสวนเพื่อชมการเก็บทุเรียน ในสวนยุงเยอะมากจึงต้องคาดกล่องยากันยุง (ซึ่งได้ผลมากกว่าการทายากันยุง) คุณบุญช่วยภรรยาทนายคิ้วขาว คาดยากันยุงไว้ที่เอว เตรียมพาเราเข้าสวนเพื่อชมการเก็บทุเรียน ภรรยาทนายคิ้วขาวคุณบุญช่วย เจ้าของสวนวันดีตัวจริง คุณบุญช่วยเป็นประธานชมรมข้าวพันผักอาหารพื้นเมืองของเมืองลับแล ทนายคิ้วขาวแกะทุเรียนหลงลับแลด้วยความชำนาญให้เราชิม ถ่ายรูปกับทนายคิ้วขาวและคุณบุญช่วยภรรยา ทนายคิ้วขาวคาดกล่องยากันยุงให้เพื่อเข้าไปชมการเก็บทุเรียน

จากนั้นคุณบุญช่วยก็พาเราไปดูการเก็บทุเรียน พนักงานปีนขึ้นไปบนต้นทุเรียนหลงลับแลเพื่อตัดทุเรียน ทนายคิ้วขาวเตรียมกระสอบเพื่อรับลูกทุเรียนอยู่ข้างล่าง เมื่อพร้อมก็ส่งสัญญาณให้คนบนต้นทุเรียนโยนลูกทุเรียนลงมา ทนายคิ้วขาวรับได้อย่างแม่นยำ คนบนต้นไม้โยนทุเรียนลงมา ทนายคิ้วขาวเตรียมกระสอบรับ ทุเรียนบางต้นก็ดกมาก ชาวบ้านเก็บทุเรียนกองไว้ตามจุดต่างๆเพื่อสะดวกต่อการขนส่ง หลังจากนั้นคนงานก็จะขนทุเรียนที่กองไว้ตามจุดต่างๆใส่รถจักรยานยนต์ เพื่อขนไปเก็บไว้เพื่อเตรียมขายต่อไป

ชาวบ้านขนทุเรียนโดยใช้กระสอบห่อแบกขึ้นไหล่ หรือขนโดยใส่เข่งเอาไปไว้รวมกันเพื่อรอรถจักรยานยนต์มารับ รถจักรยานยนต์จะมีตะแกรงด้านหลังเพื่อใส่ทุเรียนขนไปเก็บไว้เพื่อเตรียมขายต่อไปหรือขนไปให้ลูกค้าตามคำสั่งซื้อ หลังจากนั้นทนายคิ้วขาวก็ชวนขึ้นไปบนที่พัก(ชั่วคราว) วิวถ่ายจากที่พัก ที่เห็นด้านหน้าเป็นภูเขาทุเรียน มองไปตรงไหนก็ล้วนเป็นสวนทุเรียน ทนายคิ้วขาวบอกว่าที่นี่หน้าหนาวอากาศจะเย็นมาก ชวนให้มาพักและกางเต็นท์นอนที่นี่ จากนั้นเราก็ขอซื้อทุเรียนหลงลับแลกลับกรุงเทพฯ โดยขอให้คุณบุญช่วยภรรยาทนายคิ้วขาวช่วยเลือกทุเรียนให้ 


จากสวนวันดีของคุณบุญช่วยและทนายคิ้วขาว เราก็ขับรถไปเที่ยวน้ำตกแม่พูลพิกัด N17.7285*E099.97820*สองข้างทางที่ไปยังน้ำตกแม่พูลก็เต็มไปด้วยสวนทุเรียน ข้างน้ำตกแม่พูลมีร้านขายทุเรียนชื่อส้มๆ ขายไม่แพง คุณภาพดี ทุเรียนมาจากสวนโดยตรง น้ำตกแม่พูลเป็นน้ำตกขนาดกลางสวยงามทีเดียว น้ำยังไม่ใสเพราะฝนเพิ่งตกลงมา ช่วงที่ไปเที่ยวน้ำเยอะพอสมควรเพราะฝนตกติดต่อกันหลายวัน จากน้ำตกแม่พูล เราก็ขับรถไปที่ตลาดหัวดง ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองลับแล ระหว่างทางก็เห็นรถจักรยานยนต์บรรทุกทุเรียนจากสวนไปส่งให้ลูกค้าที่ตลาด

เราก็ขับรถมาถึงตลาดผลไม้หัวดง พิกัดN17.70183*E100.01661* ถ้าจะซื้อทุเรียนหลงและหลินลับแลให้ขับรถมาซื้อที่นี่ ได้สินค้าคุณภาพดีราคายุติธรรม คนที่ขับรถมาจากกรุงเทพฯส่วนใหญ่จะแวะซื้อทุเรียนข้างถนน แถวเด่นชัย หรือตลาดแม่เฉยซึ่งมีราคาแพง และเป็นทุเรียนเกรด B เป็นส่วนใหญ่ ช่วงนี้ที่ตลาดหัวดงจะมีทุเรียนหลงลับแลขายมาก ราคาทุเรียนหลงลับแลเกรดAเมื่อปลายเดือนมิถุนายนตกกิโลละ 200 บาท ลดลงมาจากช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ขายกิโลละ300 บาทเพราะช่วงต้นเดือนทุเรียนยังออกน้อย ที่กรุงเทพฯขายหลงลับแลกิโลละ 600 บาท ที่วงเวียนมีรูปเหมือนทุเรียนหลงลับแล สัญญลักษณ์ของตลาดหัวดง ตลาดหัวดงค่อนข้างใหญ่ มีร้านค้าขายผลไม้สองฟากถนน มีต้นหลงและหลินลับแลพันธุ์แท้ขายด้วย ลูกค้ากำลังซื้อทุเรียน

ก่อนจะไปซื้อทุเรียนควรมีความรู้เกี่ยวกับการเลือกทุเรียน และความแตกต่างของทุเรียนหลงลับแลกับหลินลับแล หลินลับแล ระหว่างพูจะมีร่องคล้ายลูกมะเฟือง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหลินลับแล เปลือกหนา เนื้อน้อย แต่อร่อยและแพงกว่าหลงลับแล ที่ตลาดหัวดงขายหลินลับแลกิโลกรัมละ 400-500บาท (ปลายเดือนมิถุนายน2557) ที่กรุงเทพฯขายหลินลับแลกิโลกรัมละ 800 บาท หลงลับแลมีลักษณะกลมคล้ายไข่ พูเต็มไม่มีเว้า ที่ตลาดหัวดงขายกิโลกรัมละ 200บาทเมื่อปลายเดือนมิถุนายน2557

จากตลาดหัวดงเราก็ขับรถไปทานกาแฟที่ร้านเฮือนลับแล พิกัดN17.72309*E099.98171*ร้านเปิดใหม่เจ้าของเดียวกับร้านม่อนลับแล ร้านนี้ด้านหลังติดน้ำ เจ้าของร้านเฮือนลับแลและม่อนลับแล คุณกัญญาวีร์ (จิตตรา) บรรยากาศร้านเฮือนลับแล ช่วงแรกขายเฉพาะกาแฟ ต่อมาจะมีอาหารตามสั่งด้วย เจ้าของร้านชงกาแฟให้เอง เป็นกาแฟพิเศษของเมืองลับแล หอม อร่อย หลังร้านมีลวดสลิงขนส่งทุเรียนจากเขาฝั่งตรงข้ามด้วย กงล้อสำหรับหมุนลวดสลิงนำทุเรียนข้ามน้ำ ข้ามเขามา

จากร้านเฮือนลับแล เราก็ขับรถไปดูตลาดทุเรียนในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอุตรดิตถ์ ตลาดผลไม้นี้อยู่ด้านหลังของสถานีรถไฟในเมือง ชาวบ้านเรียกตลาดนี้ว่าตลาดหัวรถจักร หรือตลาดหัวรถไฟ ทุเรียนที่นี่คุณภาพดีกว่าที่ขายกันริมถนนที่ชาวกรุงเทพฯชอบแวะซื้อระหว่างทางไปลำปาง เชียงใหม่ และถูกกว่า แต่ตลาดหัวรถจักรก็ยังขายแพงกว่าตลาดหัวดง ตลาดทุเรียนที่ดีที่สุด คุณภาพดี ราคาถูกคือที่ตลาดหัวดง รองลงมาก็คือตลาดหัวรถจักรในเมือง ส่วนตลาดที่แพงที่สุดคือตลาดทุเรียนที่ขายกันริมถนนที่คนกรุงเทพฯชอบแวะซื้อก่อนขึ้นเชียงใหม่ ที่นี่ทุเรียนส่วนใหญ่เป็นทุเรียนเกรด Bแต่ขายแพงกว่าทุเรียนเกรด Aที่ตลาดหัวดง

ถ้าต้องการซื้อทุเรียนหลงลับแลและหลินลับแล แนะนำให้ไปซื้อที่ตลาดหัวดง โดยขับรถจากถนนใหญ่เข้าเมืองอุตรดิตถ์ แล้วมองหาป้ายน้ำตกแม่พูล ขับตามป้ายไปน้ำตกแม่พูล ตลาดหัวดงจะอยู่ก่อนถึงน้ำตกแม่พูลประมาณ6-7กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถไม่เกิน 30 นาที ก็ได้ของดีราคาถูก ตลาดผลไม้หัวรถจักรหลังสถานีรถไฟส่วนใหญ่ขายผลไม้ตามฤดูกาล ช่วงหน้าทุเรียนก็จะมีทุเรียนขายเป็นส่วนใหญ่

จากตลาดหัวรถจักร เราก็ขับรถขึ้นเชียงใหม่ ระหว่างทางก็แวะถามราคาทุเรียนที่ขายอยู่ตามริมถนนก็ปรากฏว่าแพงกว่าตลาดหัวดงเยอะ ทุเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เกรด A หลังจากนั้นเราก็ขับรถขึ้นไปพักที่เชียงใหม่

(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)


ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!

อัลบั้มภาพ 159 ภาพ

อัลบั้มภาพ 159 ภาพ ของ ขับรถเที่ยวเมืองลับแล อมตะตำนานที่เร้นลับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook