ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล พาเที่ยวเกาะพะงันวันพระจันทร์ไม่เต็มดวงไม่มีฟูลมูนปาร์ตี้
ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลเดือนกันยายน 2557 พาเที่ยวเกาะพะงันวันพระจันทร์ไม่เต็มดวงไม่มีฟูลมูนปาร์ตี้ และพาลงเรือจากเกาะพะงันไปชมความมหัศจรรย์ของหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่สวยที่สุดกลางอ่าวไทย
เกาะพะงันนอกจากจะโด่งดังไปทั่วโลกในวันที่พระจันทร์เต็มดวงมีฟูลมูนปาร์ตี้แล้ว ในวันที่พระจันทร์ไม่เต็มดวงเกาะพะงันเป็นเกาะที่มีความเงียบสงบเป็นธรรมชาติ มีหาดทรายขาวสวยงาม ป่าไม้สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น กวางป่า หมูป่า ค่างแว่น ชะมดและนกต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก มียอดเขาหราซึ่งสูง 627 เมตร สูงที่สุดในเกาะพะงัน และมีกล้วยไม้ที่ลำต้นใหญ่ที่สุดในโลกสูงกว่า 3 เมตรได้แก่ ว่านเพชรหึงหรือว่านหางช้าง เป็นกล้วยไม้ป่าที่หายากและเป็นกล้วยไม้พันธุ์พืชสงวน
เกาะพะงันนอกจากจะมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติแล้ว ยังเป็นเกาะที่มีความสมบูรณ์ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้วยเพราะมีพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีเสด็จประพาสเกาะพะงันถึง 4 พระองค์ เริ่มจากพระพุทธเจ้าหลวงหรือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ซึ่งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงโปรดการเสด็จประพาสหัวเมืองต่างๆเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร บางครั้งพระองค์ท่านก็ปลอมตัวไม่ให้มีใครรู้จัก เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับประชาชนและทราบถึงความเดือดร้อนอย่าง
แท้จริงของราษฎร การเสด็จประพาสที่เกาะพะงันครั้งแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431 เป็นการเสด็จประพาสเมืองสงขลาและแวะที่เกาะพะงันเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2431 ด้วยเกาะพะงันมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นต้นธารน้ำหลายสาย ลำธารน้ำไหลผ่านเกาะแก่งและหน้าผาหิน กลายเป็นน้ำตกที่สวยงาม เมื่อพระองค์ท่านเสด็จประพาสมาพบลำธารนี้ เห็นเป็นแก่งน้ำและลำธารใหญ่ จึงทรงพระราชทานนามว่า "ธารเสด็จ" พระองค์ทรงโปรดน้ำตกธารเสด็จแห่งนี้มาก ทรงเสด็จประพาสน้ำตกธารเสด็จถึง 14 ครั้ง และโปรดให้จารึกอักษรพระปรมาภิไธยย่อ จปร ไว้ที่โขดหินเพื่อเป็นการบันทึกการเดินทาง แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่งของการจารึกอักษรดังกล่าว ก็เท่ากับเป็นการประกาศพระราชอาณาเขตของพระองค์ด้วยอีกนัยหนึ่ง เพราะสมัยนั้นชาติตะวันตกออกล่าอาณานิคมมายังดินแดนตะวันออกโดยมีประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเป้าหมาย
การเสด็จประพาสน้ำตกธารเสด็จนี้ นอกจากจะเพื่อสรงน้ำที่น้ำตกแห่งนี้แล้วก็ยังทรงใช้น้ำจากน้ำตกแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำจืดในระหว่างเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลสมกับการเป็นนักเดินทางและนักบุกเบิกผจญภัยอย่างแท้จริง นอกจากน้ำตกธารเสด็จแล้ว พระองค์ก็ยังได้ทรงสำรวจน้ำตกแห่งใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกธารเสด็จอีก 2 แห่ง ทรงพระราชทานนามว่า น้ำตกธารประพาสและน้ำตกธารประเวศ
น้ำตกธารเสด็จถือเป็นน้ำตกประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง เพราะนอกจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้ทรงเสด็จประพาสน้ำตกนี้ถึง 14 ครั้งแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ตลอดจนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ก็ล้วนแต่เคยเสด็จประพาสมายังน้ำตกธารเสด็จแห่งนี้ โดยมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 4 รัชกาลจารึกไว้บนแผ่นหินบริเวณน้ำตกธารเสด็จ นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวเกาะพะงันเป็นอย่างยิ่ง
วิธีไปเกาะพะงันที่สะดวกที่สุดก็คือ นั่งรถทัวร์หรือนั่งเครื่องบินไปลงสุราษฎร์ธานี แล้วนั่งเรือจากท่าเรือดอนสักไปที่ท่าเรือท้องศาลาเกาะพะงัน เรือราชาเฟอรี่ออกจากท่าเรือดอนสักเที่ยวแรก 07.00น 10.00น 13.00น 16.00น และเที่ยวสุดท้าย 18.00น ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือดอนสักไปเกาะพะงันประมาณ 2.30 ชั่วโมง ค่าเรือคนละ 220 บาท ถ้านำรถข้ามไปด้วยคิด 620 บาทต่อคัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 077-372-800-2
หลังจากถึงเกาะพะงันแล้ว เราก็เข้าพักที่โรงแรมสรีกันตังรีสอร์ทแอนด์สปา พิกัด N 09.67149* E 100.06853* ที่อยู่หาดศรีกันตังติดกับหาดริ้นนอกซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ฟูลมูนปาร์ตี้ โรงแรมสรีกันตังเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่หาดศรีกันตัง บรรยากาศดีมาก บริการดีเป็นกันเอง ห้องพักสามารถเห็นวิวทะเลที่มีน้ำใสสะอาดสวยงาม ราคาห้องพักก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆที่มีทำเลติดทะเลคล้ายกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองห้องพักได้ที่โทร 077-375-055
วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้ว เราก็ขับรถไปเที่ยวน้ำตกธารเสด็จ ที่อยู่ที่บ้านท้องนาง ตำบลบ้านใต้ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสมาที่นี่ถึง 14 ครั้ง ระหว่างทางแวะสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ท่าน
ชาวเกาะพะงันร่วมใจกันสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์นี้เนื่องในวโรกาสครบ 111 ปี เสด็จประพาสเกาะพะงัน (พ.ศ.2431-2542) จากนั้นเราก็ขับรถไปน้ำตกธารเสด็จ ซึ่งถนนยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง พลับพลาที่ประทับที่ได้มีการซ่อมแซมใหม่ให้สวยงามพลับพลาที่ประทับอยู่ริมทะเล หาดทรายใกล้บริเวณพลับพลาที่ประทับเงียบสงบและสวยงามจากหาดทรายริมทะเลใกล้พลับพลาที่ประทับ เราก็เดินไปที่ก้อนหินใหญ่ที่มีรอยจารึกอักษรจีน จารึกอักษรจีนย่อ จปร รศ 119 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 ทรงจารึกอักษรพระปรมาภิไธยอักษรจีน(ย่อ) จปร และปีที่ทรงเสด็จประพาส รศ รัตนโกสินทร์ศก 119
จากนั้นเราก็เดินต่อไปยังน้ำตกธารเสด็จ ช่วงหน้าแล้ง น้ำค่อนข้างน้อย ป้ายบอกทางไปน้ำตกจากนั้นเราก็เดินไปชมพระจารึกของรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 7 และ รัชกาลที่ 9 ป้ายแสดงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ พระจารึก จปร รัชกาลที่ 5 พระจารึก ปปร รัชกาลที่ 7 และพระจารึก ภปร รัชกาลที่ 9หลังจากเทึ่ยวชมน้ำตกธารเสด็จที่อยู่ตำบลบ้านใต้เสร็จแล้ว เราก็ขับรถไปที่บ้านโฉลกหลำ เพื่อไปสักการะศาลเจ้าแม่กวนอิม พิกัด N 09.76775* E100.00677*
ประตูทางเข้าศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ศาลเจ้าแม่กวนอิมเป็นวัดจีนสร้างขึ้นตามความฝันของคุณมลาวรรณ เมื่อครั้งที่คุณมลาวรรณไปทอดผ้าป่าที่เกาะพะงัน คืนนั้นได้ฝันว่า ต้องสร้างประภาคารส่องแสงให้คนเรือที่หาดโฉลกหลำา หลังจากนั้นคุณมลาวรรณได้เดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อไปหาเงินมาสร้างวัด จนกระทั่งสามารถสร้างวัดเสร็จในปี พ.ศ. 2535 เมื่อขึ้นไปถึงหน้าศาล จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเกาะพะงันได้อย่างชัดเจน เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของพะงัน ไปถึงศาลเจ้าแม่กวนอิมต้องตีกลอง 3 ครั้งเพื่อความโชคดี จากนั้นเราก็ขับรถไปดูสถานที่กำลังก่อสร้างสนามบินเกาะพะงันซึ่งตั้งอยู่ระหว่างน้ำตกธารเสด็จและน้ำตกธารประพาส พิกัด N09.73977* E100.07482*
สนามบินเป็นสนามบินเอกชน พยายามเร่งสร้างให้เสร็จภายใน ปีอีก 2-3 ปี สนามบินเริ่มก่อสร้างมาได้ 2ปีแล้วคาดว่าจะเสร็จใช้งานได้ในปี พ.ศ. 2559-2560 ทางไปสนามบินยังเป็นดิน ต้องใช้รถ 4WD ผู้รับเหมาก่อสร้างพาขึ้นไปดูบ้านพักที่สร้างอยู่บนยอดเขา ที่มีบ้านผู้รับเหมาก่อสร้าง ห้องรับแขก และวิวถ่ายจากห้องรับแขกจากสนามบินที่กำลังสร้าง เราแวะไปเที่ยวหาดแม่หาดที่ตั้งอยู่บ้านโฉลกหลำเพื่อดูทะเลแหวก ซึ่งที่หาดแม่หาดมีร้านอาหารและรีสอร์ทอยู่หลายแห่งช่วงน้ำลง เราสามารถเดินตามเนินทราย (ทะเลแหวก) ไปยังเกาะม้าได้เลย จากร้านอาหารที่หาดแม่หาด สามารถมองเห็นเกาะม้าได้ชัดเจน
นักท่องเที่ยวกำลังเดินข้ามเนินทราย (ทะเลแหวก) ไปยังเกาะม้า หลังจากชมวิวทะเลแหวกที่หาดแม่หาดแล้ว เราก็ขับรถไปจุดชมวิวบนวัดเขาถ้ำซึ่งอยู่ที่ตำบลบ้านใต้ ขับรถเลี้ยวเข้าตลาดบ้านใต้ จะมีป้ายบอกทาง เข้าไปทางถนนคอนกรีตประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงวัดเขาถ้ำ วัดเขาถ้ำตั้งอยู่บนยอดเขาข้าวแห้ง ตำบลบ้านใต้ เดิมเป็นสำนักเขาข้าวแห้ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 ท่านอาจารย์ประเดิม โกมะโล พระอาจารย์วิปัสสนา กรรมฐาน วัดสร้อยทองพร้อมพระภิกษุ 3 รูปและพระภิกษุนิกายเซ็น อีมานูเอล เชอร์แมน เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิว เคยศึกษา พุทธศาสนานิกายเซ็นที่ญี่ปุ่น ได้มาพำนักที่นี่ และอาจารย์ประเดิมได้จัดฝึกอบรม วิปัสสนากรรมฐาน และสอนธรรมะแก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ พระภิกษุอีมานูเอล เชอร์แมนก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้บุกเบิกการฝึกอบรมดังกล่าว นับเป็นชาวต่างชาติคนแรกบนเกาะพะงันที่ได้มีส่วนร่วมในการสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่ชาวบ้านที่สนใจ
ปัจจุบัน วัดเขาถ้ำเป็นสำนักสงฆ์ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมานั่งวิปัสสนาเป็นอย่างมาก โดยมักจะมีการรวมกลุ่มกันนั่งวิปัสสนาเดือนละ 1 ครั้งๆละประมาณ 7-10 วัน เพราะบริเวณโดยรอบของวัดนี้ร่มรื่นเย็นสบาย ป้ายบอกทางขึ้นเขาไปยังวัดเขาถ้ำ จอดรถแล้วก็เดินขึ้นไปยังจุดชมวิว มีป้ายบอกทางไปสถานที่ต่างๆ วัดเขาถ้ำมีจุดชมวิวที่สวยงาม เพราะตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามจุดหนึ่งของเกาะพะงัน จากนั้นเราก็ขับรถไปทานอาหารและชมวิวหาดริ้นนอก (สถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้) ที่ Amaresa Resort and Sky ที่นี่ Bar ที่อยู่ใกล้ๆ หาดริ้นนอก ตอนกลางคืนเราก็ขับรถไปเที่ยวตลาดพันธ์ทิพย์ พิกัด N 09.71204 E099.98717 ซึ่งเป็นตลาดขายอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปตอนกลางคืนใกล้ตลาดท้องศาลา มีร้านอาหารทะเลสดสำหรับแม่บ้านและร้านอาหารอิตาเลียนสำหรับนักท่องเที่ยว ร้านโรตี เป็นที่นิยมของไทยและเทศเข้าคิวซื้อโรตีเจ้าอร่อย
หาดริ้นที่เห็นไกลๆ รีสอร์ทนี้อยู่บนเขาไม่ไกลจากหาดริ้น รีสอร์ทอยู่บนเขาสูง ใกล้หาดริ้น มองไปเห็นหาดริ้น สถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้อยู่ด้านล่าง ใครชอบพักบนเขา ดูวิวสวยๆ ใกล้สถานที่จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ก็ขอแนะนำให้พักที่นี่ คุณอ๋อยแม่ครัวทำอาหารไทยอร่อยโดยเฉพาะปลา จาระเม็ดราดพริกแกง ที่พักเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สไตล์เนเธอแลนด์ เจ้าของเป็นคนซูรินามแต่อาศัยอยู่ประเทศเนเธอแลนด์ มีบ้านไม้ลักษณะนี้หลายหลัง ทางเดินลงไปยังจุดชมวิว ที่นั่งชมวิวและพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ บริษัททัวร์ก็มารับเราที่โรงแรมเพื่อไปเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง เรือจากเกาะสมุยจะมาแวะรับเราที่เกาะพะงันเพื่อไปเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง โดยเราเสียค่าทัวร์คนละ 1,300 บาทรวมอาหารกลางวัน หมู่เกาะอ่างทองเป็นหมู่เกาะที่สวยที่สุดในอ่าวไทย มีเกาะน้อยใหญ่ล้อมรอบประมาณ 40 เกาะ ตามเกาะต่างๆจะมีหาดทรายอยู่ทุกเกาะ บางเกาะมีหาดทรายขาวสะอาดมีปะการังสวยงาม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองมีเนื้อที่ประมาณ 63,750ไร่ หรือ 102 ตารางกิโลเมตร ห่างจากเกาะสมุยและเกาะพะงันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 20 กิโลเมตร
เรือจากเกาะสมุยมารับเราที่เกาะพะงันเวลาประมาณ 10.00น เราแวะดำน้ำดูปะการังที่เกาะม้าประมาณ 1 ชั่วโมง (ปะการังที่นี่สวยสู้ที่เกาะเต่าไม่ได้) หลังจากนั้นก็ไปทานอาหารกลางวันที่เกาะวัวตาหลับ ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ที่เกาะวัวตาหลับนี้จะมีจุดชมวิวหมู่เกาะอ่างทองที่สวยงามมาก แต่ทางเดินขึ้นค่อนข้างลำบาก เพราะลื่นมากเวลาฝนตก และต้องดึงเชือกช่วยเวลาเดินขึ้นเนื่องจากทางขึ้นเป็นหินไม่เรียบและค่อนข้างชัน ไกด์ไม่ให้เราขึ้นไปจุดชมวิวเพราะกลัวว่าจะไปเที่ยวชมวิวที่ "ทะเลใน" ซึ่งเป็น highlight ของทัวร์ครั้งนี้ไม่ทันเพราะทางขึ้นลำบากมากโดยเฉพาะเมื่อฝนตก
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จ เราเห็นยังพอมีเวลาก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานว่าจะขึ้นไปจุดชมวิวได้ไหม เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่ทางขึ้นแล้วบอกให้ระวังลื่น ถ้าฝนตกต้องรีบลง ไกด์ไม่ให้เราขึ้น เพราะกลัวลื่นและลงมาไม่ทัน แต่เรารู้ว่าจุดชมวิวนี้สวยมากอยากจะขึ้นไปดู เราจึงตัดสินใจขึ้นไปจุดชมวิว คิดว่าจะพยายามทำเวลาให้ทันเรือออกไปเที่ยวจุดอื่น ทางขึ้นเป็นหินค่อนข้างลื่นและชัน เราต้องดึงเชือกเพื่อเดินขึ้นทั้งเดินทั้งโหนเชือกขึ้นไปประมาณ 100 เมตรก็เจอจุดพักชมวิว สลัดได ขาดอีก 400 เมตรก็จะถึงยอดเขา แต่ท้องฟ้าเริ่มมืด ฝนทำท่าจะตก เราตัดสินใจเดินขึ้นต่อไปประมาณ 50 เมตรก็หยุดถ่ายรูป จากจุดพัก 100 เมตร เราก็เดินต่อไปยังจุดชมวิว ที่250 เมตร ทางขึ้นก็ยิ่งลำบากมากขึ้นไม่เหมาะสำหรับคนมีปัญหาเรื่องข้อเข่าเสื่อม หรือคนสูงอายุ เพราะต้องดึงเชือกช่วยตลอดทาง ฟ้าเริ่มมืด คาดว่าฝนคงจะตก เราพยายามขึ้นให้ถึงจุดชมวิวจุดที่ 2 เหนื่อยมากกว่าจะถึงจุดชมวิวจุดที่ 2 แต่เมื่อมาถึงแล้ว หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะวิวสวยมากๆ
วิวจากจุดชมวิวที่ 2 หลังจากนั้นเราก็ต้องรีบลง เพราะฝนเริ่มตกพรำๆ ทางลงจะลื่นมาก เราค่อยๆไต่ลงมาจนถึงด้านล่าง เปียกฝนไปตามๆกัน พอดีได้เวลาเรือออกไปยังหมู่เกาะแม่เกาะ เพื่อชมทะเลใน ซึ่งเป็น Highlight ของทัวร์ครั้งนี้ที่พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด จากเกาะวัวตาหลับซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เราก็ไปชม ทะเลใน ที่อยู่ที่เกาะแม่เกาะท่าเทียบเรือที่เกาะแม่เกาะเป็นทุ่นลอยน้ำ นักท่องเที่ยวไม่ต้องเดินลุยน้ำขึ้นฝั่ง นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ขึ้นไปจุดชมวิวก็สามารถมาพายเรือเล่นได้ ป้ายทางขึ้นไปชมวิวทะเลใน หรือทะเลสาบกลางทะเล ทางขึ้นไปจุดชมวิว เป็นบันไดขึ้นชันมาก แต่ก็ยังดีกว่าทางขึ้นจุดชมวิวที่เกาะวัวตาหลับมาก เพราะผู้สูงอายุยังสามารถจับราวบันไดเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวได้ แต่บันไดชันมากต้องขึ้นด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงจุดชมวิวทะเลใน เห็นภาพแล้วหายเหนื่อย ภาพที่เห็นคือผืนน้ำสีมรกตที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาสูงชัน เกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของหินปูน คล้ายปล่องภูเขาไฟที่มีน้ำสีมรกตขังอยู่ด้านใน ระดับน้ำในทะเลสาบนี้จะขึ้นลงทุกวันเพราะมีช่องอุโมงค์ใต้น้ำเชื่อมต่อกับทะเลด้านนอก น้ำทะเลด้านนอกเป็นสีน้ำทะเลปกติ แต่ทะเลสาบด้านในหรือ ทะเลใน มีน้ำเป็นสีมรกต หลังจากชมวิวทะเลในและพักหายเหนื่อยแล้วเราก็เดินลงไปที่ชายหาดเพื่อเดินทางกลับ
เดิมหมู่เกาะอ่างทองเป็นพื้นที่หวงห้ามของกองทัพเรือซึ่งมีโครงการจะสร้างฐานทัพเรือ เพื่อควบคุมความปลอดภัยของประเทศทางด้านอ่าวไทย แต่ด้วยที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ทะเลสาบ หน้าผา ถ้ำทะลุ เกาะรังนกนางแอ่น นกนานาชนิดและแนวปะการังเป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์ปลานานาชนิด คุณ สมบูรณ์ วงศ์ภักดี นักวิชาการป่าไม้ตรี กองอุทยานแห่งชาติในขณะนั้น ได้จุดประกาย เขียนเสนอแนะในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันที่29 มิถุนายน 2518 ให้จัดหมู่เกาะอ่างทองเป็นอุทยานแห่งชาติ จนคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่1/2520เมื่อวันที่3 กุมภาพันธ์ 2520 เห็นชอบให้เป็นอุทยานแห่งชาติได้ และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินบริเวณหมู่เกาะอ่างทอง รวมเนื้อที่ 102 ตารางกิโลเมตรให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่21 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2523 ก็ต้องขอขอบคุณ คุณสมบูรณ์ วงศ์ภักดี ที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสเห็นความมหัศจรรย์ของหมู่เกาะอ่างทองที่สวยที่สุดในอ่าวไทย
(คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขนาดใหญ่)
แวะชมแหล่งท่องเที่ยว เกาะช้าง เชียงคาน ภูเก็ต เขาใหญ่ และ ปาย
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook.. ได้ที่นี่เลย!!
อัลบั้มภาพ 77 ภาพ