ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาชมทะเลหมอกสุดสวย 1ภู 2 ดอย 3 จังหวัด

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาชมทะเลหมอกสุดสวย 1ภู 2 ดอย 3 จังหวัด

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาชมทะเลหมอกสุดสวย 1ภู 2 ดอย 3 จังหวัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลเดือนธันวาคมพาชมทะเลหมอกและอาทิตย์ขึ้นที่สวยและฮิตที่สุด 1 ภู 2 ดอย 3 จังหวัด จุดแรกคือ ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย จุดที่ 2 คือ ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ และจุดที่ 3 คือ ดอยเสมอดาวที่จังหวัดน่าน

เราขับรถออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่เช้า แวะพักที่ลำปาง 1 คืน ถ้าจะขับลุยไปภูชี้ฟ้าเลยก็คงจะไปถึงมืดบนเขาพอดี ไม่อยากเสี่ยงเพราะถนนไปภูชี้ฟ้าเป็นถนนเขาคดเคี้ยว ไหล่ทางเป็นเหว และส่วนใหญ่ไหล่ทางจะไม่มีรั้วกั้น ไม่แนะนำให้ขับรถบนถนนสายนี้เวลากลางคืน ถ้าออกจากกรุงเทพฯควรมาพักระหว่างทางที่ลำปางดีที่สุด

เพราะถนนจากลำปางไปทางแยกขึ้นภูชี้ฟ้าดีตลอด เป็นถนนสายเอเซียวิ่งตรงไปเชียงรายไม่ผ่านเชียงใหม่ ถ้าจะไปภูชี้ฟ้าก็จะไปแยกที่เชียงคำ สามารถแวะเที่ยวน้ำตกภูซางก่อนไปภูชี้ฟ้าได้

นอกจากนี้ ลำปางก็เป็น 1 ในเมืองต้องห้าม....พลาด ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำลังส่งเสริมให้คนไปเที่ยว ททท บอกว่า ลำปางเป็นเมืองที่ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา พูดง่ายๆคือเมื่อ 40-50 ปีก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนไปไม่มาก บ้านเรือนก็ไม่มีสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ใหม่ๆ มากนัก

ถนนในเมืองก็แคบๆ มีรถม้าวิ่งคู่กับรถยนต์เป็นเอกลักษณ์ของลำปางที่ไม่มีใครเหมือน ชาวบ้านบางคนก็ยังคงนั่งรถม้าไปทำธุระในชีวิตประจำวันอยูเป็นประจำ บ้านเรือนสวยๆ ที่มีสถาปัตยกรรมที่หลากหลายก็ยังมีให้เห็นในกาดกองต้า

ขณะเดียวกันในลำปางก็มีวัดสวยๆมากมาย เช่น วัดพระธาตุลำปางหลวงซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปาง วัดปงสนุกเหนือ อายุกว่า 1,300 ปี ซึ่งเป็นวัดไทยแห่งแรกที่ได้รับรางวัล "Award Of Merit" จาก UNESCO สุสานไตรลักษณ์ของหลวงพ่อเกษม เขมโก เกจิอาจารย์ชื่อดัง

นอกจากนี้ลำปางก็มีวัดสวยๆสไตล์พม่าอีกหลายแห่ง แต่วัดที่ดังที่สุดในลำปางตอนนี้คือ วัดเฉลิมพระเกียรติที่สร้างอยู่บนยอดเขาสูงที่อำเภอแจ้ห่ม และล่าสุดกาแฟจากแจ้ห่ม ลำปางก็ไปประกวดชนะเลิศได้เหรียญทองที่ประเทศอิตาลี (อ่านรายละเอียดในท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาเที่ยววัดเฉลิมพระเกียรติ unseen สุดฮิตใน sanook.com) ลำปางจึงเป็นเมืองต้องห้าม......พลาด

และพลาดไม่ได้อย่างแท้จริงอย่างที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำไว้

วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเวียงลคอรแล้ว (ซี่โครงหมูตุ๋น อาหารเช้าที่โรงแรมอร่อยมาก) เราก็ขับรถไปภูชี้ฟ้าโดยใช้ถนนเอเซียวิ่งไปเชียงราย แต่เราไปแยกขวาที่เชียงคำเพื่อไปเที่ยวน้ำตกภูซางจังหวัดพะเยา พิกัด N19*39.819' E100*22.578' ไปถึงที่น้ำตกมีป้ายบอกว่าเป็นน้ำตกอุ่นอุณหภูมิประมาณ 35 องศา

ลองแตะน้ำดูเป็นน้ำเย็นธรรมดา ลองถามเจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่บอกว่าต้นน้ำซึ่งต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 100 เมตรเป็นน้ำอุ่น แต่เมื่อน้ำตกลงมาด้านล่างไปผสมกับน้ำในลำธารก็กลายเป็นน้ำเย็น เพื่อให้หายสงสัย

บ่อกำเนิดน้ำตกภูซาง

น้ำตกภูซาง



น้ำตกภูซาง

น้ำตกภูซาง



หมู่บ้านOTOP ก่อนถึงน้ำตกภูซาง

เราก็เดินขึ้นเขาไปดูบ่อต้นน้ำซึ่งเป็นต้นกำเนิดน้ำตกภูซาง ลองแตะน้ำที่บ่อต้นน้ำดูก็เป็นน้ำอุ่นจริงๆ สภาพรอบๆ บ่อต้นน้ำเป็นป่าพรุน้ำจืดเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดที่หาดูได้ยาก อุทยานแห่งชาติภูซางนี้มีเนื้อที่ประมาณ 180,000ไร่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนติดประเทศลาวยาวประมาณ30 กิโลเมตร มีทั้งภูเขา น้ำตกและถ้ำ สวยงามมาก

ใครจะมาเที่ยวภูชี้ฟ้า แนะนำให้ขับรถแวะมาเที่ยวน้ำตกภูซางก่อนขึ้นภูชี้ฟ้า น้ำตกเล็กๆแต่บรรยากาศร่มรื่น สวยงามมาก

ออกจากน้ำตกภูซางจังหวัดพะเยาเราก็ขับรถไปภูชี้ฟ้าจังหวัดเชียงราย ระหว่างทางก็จะผ่านรีสอร์ทหลายแห่ง เราเลือกที่จะพักที่รีสอร์ทภูม่านฟ้าก่อนถึงภูชี้ฟ้าประมาณ4-5 กิโลเมตร เราไม่พักที่รีสอร์ทติดกับภูชี้ฟ้า ก็เพราะรีสอร์ทบริเวณนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรีสอร์ทเก่าที่เปิดมานานแล้ว อาจจะสะดวกเพราะใกล้ร้านค้าและร้านอาหาร แต่เราขอพักรีสอร์ทใหม่หน่อยดีกว่า ขับรถ 5 นาทีก็ถึงทางขึ้นภูชี้ฟ้าแล้วนับว่าไม่ไกล

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถไปที่ทางขึ้นภูชี้ฟ้าเพื่อทานอาหาร บริเวณนั้นมีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกไม่มากนัก เราเลยขับรถไปยังดอยผาตั้งระหว่างทางผ่านร้านอาหารชื่อร้าน ผาสุข ขาหมู หมั่นโถว พิกัด N19*791' E100*26.868' โทร 081-784-0117 เลยแวะทานอาหารเย็นร้านนี้

ไม่ผิดหวังครับ อาหารอร่อยมาก ขาหมู(คากิ) อร่อยมาก ไม่เลี่ยน ไม่มัน ทานกับหมั่นโถวร้อนๆ เข้ากันดีมาก อาหารชนิดอื่นๆเช่น ไส้กรอกยูนนาน ผัดยอดถั่วลันเตา หมูพันปีก็อร่อยไม่เลี่ยนมากเหมือนอาหารจีนยูนนานเจ้าอื่นๆ หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็ขับรถกลับที่พัก

 ทางขึ้นภูชี้ฟ้า

วนอุทยานแห่งนี้สูงจากระดับน้ำทะเล 1200-1629 เมตร  จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง มีหน้าผาสูงที่มีแนวยื่นเข้าไปในประเทศลาว และสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น อากาศบนยอดเขาแห่งนี้ค่อนข้างเย็นและมีฤดูกาลเป็นลักษณะแบบมรสุมเมืองร้อน แบ่งเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม และฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ 

เช้ามืดวันรุ่งขึ้นเราก็ขับรถเพื่อขึ้นไปดูทะเลหมอกและอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า เราขับรถขึ้นเขาไปยังที่จอดรถ พิกัด N19*51.0441' E100*26.868' จากจุดนี้ต้องเดินขึ้นเขาต่อไปอีกประมาณ 700-800 เมตร อากาศหนาวทำให้เดินขึ้นเขาไม่เหนื่อยมาก

ระหว่างทางก็จะมีเด็กชาวเขาเป็นกลุ่มมายืนร้องเพลงและให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป เดินต่อขึ้นไปบนเขา เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากตั้งกล้องเตรียมถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น มองไปเห็นภูชี้ฟ้าสวยงามมาก เอกลักษณ์ของภูชี้ฟ้าใครเห็นก็จำได้ เพราะเป็นหน้าผาปลายยอดแหลม เป็นแนวยาวชี้ไปบนฟ้าไปทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อ "ภูชี้ฟ้า" ซึ่งกรมป่าไม้ตั้งให้เป็น วนอุทยานภูชี้ฟ้า เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2541

ไฮไลท์สำคัญของภูชี้ฟ้า คือจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นและภูเขาดูสลับซับซ้อนและกว้างไกล ตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมหุบเขาด้านล่าง และพระอาทิตย์จะค่อยๆแทรกตัวขึ้นผ่านทะเลหมอกมา แสงอาทิตย์ตัดกับสีขาวของทะเลหมอกโดยมียอดภูชี้ฟ้าอยู่ข้างๆสวยงามสุดบรรยายจริงๆ

เรายืนตากลมหนาวชื่นชมความสวยงามของทิวทัศน์และบรรยากาศรอบข้างจนแดดออก เริ่มร้อนเราก็เดินกลับมายังที่จอดรถ ขับรถกลับที่พัก เช็คเอาท์เพื่อเดินทางไปยังดอยอ่างขางจังหวัดเชียงใหม่ต่อไปร้านค้าเชิงเขาภูชี้ฟ้า

ภูชี้ฟ้า

ภูชี้ฟ้า

ร้านค้าเชิงภูชี้ฟ้า

เราออกจากภูชี้ฟ้าแต่เช้าเพื่อไปดอยอ่างขาง ตั้งใจที่จะขับรถเลียบแม่น้ำโขงไปทางเชียงแสน แล้วค่อยเข้าไปแยกแม่จันที่เชียงรายเพื่อไปท่าตอนและขึ้นดอยอ่างขางทางด้านไชยปราการ ระหว่างทางหยุดแวะที่จุดชมวิวดอยผาตั้งซึ่งอยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าประมาณ 30 กิโลเมตร

ดอยผาตั้งเคยเป็นที่ตั้งของชาวจีนฮ่อซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองพล 93 ภายใต้การนำของนายพลหลี่ (ที่ดอยแม่สลองอยู่ภายใต้การนำของนายพลต้วน) เราหยุดแวะชมช่องผาบ่อง ประตูสยามสู่ลาว ซึ่งเป็นช่องขนาดใหญ่ระหว่างผาหิน มองทะลุผ่านช่องไปจะเห็นทิวทัศน์ประเทศลาว

ถัดจากช่องผาบ่องขึ้นไปก็จะเป็น ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่ ป่าหินยูนนาน (เป็นหินรูปทรงลักษณะคล้ายภูเขาในยูนนานรูปทรงสูงแหลมขึ้นซ้อนกัน) และช่องเขาขาดซึ่งมีลักษณะเป็นผาหินที่ขาดแยกจากกันเป็นช่องมองลงไปเห็นวิวประเทศลาว

จากนั้นเราก็ขับรถต่อไปเวียงแก่น ต่อไปเชียงของ แล้วขับเลียบแม่น้ำโขงไปเชียงแสน ผ่านสามเหลี่ยมทองคำ ผ่านท่าตอน แล้วขึ้นดอยอ่างขาง ส่วนใหญ่เวลามาเที่ยวดอยอ่างขางเราจะพักที่บ้านพักโครงการหลวง แต่คราวนี้บ้านพักเต็ม เราก็เลยมาพักที่รีสอร์ทอ่างขางธรรมชาติซึ่งอยู่ใกล้ๆกับทางเข้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องเข้ามาแวะชม

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง จัดตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2512 มีเกร็ดประวัติเล่าต่อกันมาถึงกำเนิดของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางว่า ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้และทอดพระเนตรลงมาเห็นหลังคาหมู่บ้าน จึงมีพระราชดำรัสให้นำเครื่องลงจอด

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น ซึ่งหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ ปลูกฝิ่นขายแต่ยังยากจน การปลูกฝิ่นนั้นทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่เป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศน์ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก พระองค์จึงมีพระราชดำรัสให้แปลงทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร

ปัจจุบัน ดอยอ่างขางได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขาซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีไม้ผลเมืองหนาวกว่า12 ชนิด เช่น ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอร์รี่ สาลี่ ราสเบอร์รี่ พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น มีผักเมืองหนาวมากมายและมีไม้ดอกเมืองหนาวกว่า 20 ชนิด เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศฯลฯ

ที่นี่จะมีร้านจำหน่ายผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูกในโครงการให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้บนดอยอ่างขางยังมีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำและปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 หลังคาเรือนใน 6 หมู่บ้าน อากาศบนดอยอ่างขางเย็นสบายตลอดปี

หลังจากเช็คอินที่รีสอร์ทอ่างขางธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว เราก็ขับรถเข้าไปในโครงการหลวงเพื่อทานอาหารเย็นและชมสวนไม้ดอกไม้ประดับ ร้านอาหารค่อนข้างแน่นเพราะนักท่องเที่ยวที่พักที่นี่ส่วนใหญ่จะมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารนี้ หลังจากทานอาหารและเดินชมสวน 80 เรียบร้อยแล้ว เราก็ขับรถกลับโรงแรม

วันรุ่งขึ้นเราออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ จุดกางเต็นท์ขอบด้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก พิกัด N19*54.489' E099*03.177' ไปถึงปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวมารออยู่ก่อนแล้วเต็มไปหมด รถตู้จอดเต็มสองข้างถนน ที่ลานกางเต็นท์มีชาวเขาขายของที่ระลึกและขายอาหารกันหลายร้าน

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ลานกางเต็นท์นี้ แต่เราแนะนำให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวที่ต้องเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามและเดินไปยังจุดชมวิวอีกประมาณ 50 เมตร จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้จะสวยกว่าที่ลานกางเต็นท์มาก เราเดินข้ามถนนไปยังจุดชมวิว

ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งยืนและนั่งเตรียมกล้องและโทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นเต็มไปหมด หลังจากที่นั่งรอสักครู่ ดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆโผล่ทะลุทะเลหมอกขึ้นมาระหว่างภูเขา และก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ส่องประกายตัดขอบฟ้าสวยงามมาก เรานั่งชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและทิวทัศน์รอบข้างอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกลับ เราก็เดินกลับไปที่จอดรถแล้วขับรถกลับไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมเพื่อเดินทางต่อไป


ทุกครั้งที่เรามาเที่ยวดอยอ่างขาง นอกจากจะมาชมความสวยงามของไม้ดอกไม้ประดับที่หลากหลายในสวน 80 แล้ว ก็จะไปเที่ยวหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านนอแล และแวะจุดชมวิวชายแดนไทยพม่า แต่คราวนี้มีเวลาน้อยเพราะจะต้องขับรถต่อไปเที่ยวจังหวัดน่าน จึงไม่ได้แวะเที่ยวที่อื่นๆนอกจากชมไม้ดอกไม้ประดับในสวนเท่านั้น หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จแล้วเราก็ขับรถลงจากดอยอ่างขางไปยังจังหวัดน่าน

การที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยเสมอดาว ส่วนใหญ่จะไปกางเต๊นท์นอนกันที่ดอยเสมอดาวรอเวลาดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า แต่เราต้องการที่จะเที่ยวเมืองน่านก่อนแล้วค่อยแวะดอยเสมอดาวตอนขากลับกรุงเทพฯ เราเลยเลือกพักโรงแรมในเมืองน่านที่ Nan Boutique Hotel วันรุ่งขึ้นเราก็ขับรถเที่ยวบ่อเกลือ หอศิลป์ริมน่าน

และวันต่อมาก็เที่ยวชมวัดสวยๆที่น่าน เช่น วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดพระธาตุเขาน้อย วัดมิ่งเมือง วัดศรีพันต้นฯลฯ

หลังจากนั้น วันเดินทางกลับ กทม เราก็เช็คเอาท์จากโรงแรมตั้งแต่ 04.30น. (จ่ายค่าห้องพักล่วงหน้าคืนก่อนเดินทาง) ขับรถไปยังดอยเสมอดาวซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 70-80 ก.ม.ในตอนเช้าถนนไม่ค่อยมีรถแต่ค่อนข้างมืดจึงต้องขับด้วยความระมัดระวัง

ในที่สุดเราก็มาถึงดอยเสมอดาวก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เราจอดรถแล้วเดินไปที่จุดชมวิวเห็นนักท่องเที่ยวกางเต๊นท์นอนที่ดอยเสมอดาวเต็มไปหมด ทุกคนตื่นขึ้นมารอดูทะเลหมอกและเตรียมถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า รอสักพักเราก็เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากสันเขาด้านหน้าทีละนิด แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบทะเลหมอกเหนือแม่น้ำน่านเป็นทางยาวคดเคี้ยวไปมา

เป็นภาพที่สวยประทับใจมาก นับว่าคุ้มค่ากับการที่ต้องตื่นแต่เช้าขับรถออกจากอำเภอเมืองน่านมาที่ดอยเสมอดาว

อยากแนะนำให้ผู้ที่มาเที่ยวเมืองน่านหาโอกาสแวะมาดูทะเลหมอกและชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ดอยเสมอดาว อาจจะมากางเต๊นท์นอนที่ดอยเสมอดาวหรือไปพักที่โรงแรมในเมืองน่านแล้วขับรถมาที่ดอยเสมอดาวในตอนเช้าก่อน 06.00น ก็ได้ แต่ถ้ามากางเต๊นท์นอนที่ดอยเสมอดาว นอกจากจะเห็นทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าแล้ว ตอนกลางคืนที่ "ดอยเสมอดาว" ก็จะเห็น "ดาวเสมอดอย" เต็มท้องฟ้าอีกด้วยคุ้มค่าสุดๆครับ

เกี่ยวกับผู้เขียน: พิศาล มโนลีหกุล ศิษย์เก่าสวนกุหลาบ และเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ศึกษาต่อต่างประเทศด้วยทุนธนาคารกสิกรไทย อดีตกรรมการผู้จัดการ(คนแรก)ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

หลังจากเกษียณจากตำแหน่งประธานกรรมการศูนย์วิจัยกสิกรไทยแล้ว ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ขับรถเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ หาที่เที่ยวที่กินใหม่ๆ

เขียนเรื่อง ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาเที่ยว ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลชวนกิน และท่องเที่ยวสไตล์พิศาลชวนพักให้ web OSK 80 และ Sanook.com

อัลบั้มภาพ 41 ภาพ

อัลบั้มภาพ 41 ภาพ ของ ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาชมทะเลหมอกสุดสวย 1ภู 2 ดอย 3 จังหวัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook