ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลชวนชิมและชวนพักที่โครงการหลวงอินทนนท์
หนาวนี้ใครๆก็อยากไปเที่ยวดอยอินทนนท์ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหน้าหนาวของไทย ยิ่งเห็นทีวีออกข่าวว่าเกิดน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบบนยอดดอยอินทนนท์ นักท่องเที่ยวก็ยิ่งอยากขึ้นไปเที่ยว
ดอยอินทนนท์เดิมชื่อ "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา" มีเรื่องเล่ากันว่าห่างจากยอดดอยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 300 เมตร มีหนองน้ำแห่งหนึ่งมีลักษณะเหมือนอ่าง ฝูงกาจำนวนมากพากันไปเล่นน้ำที่หนองน้ำนี้ จึงเรียกว่า ดอยอ่างกา ส่วนชื่ออินทนนท์นั้นน่าจะมาจากชื่อของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ผู้ทรงให้ความสำคัญกับป่าไม้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะป่าบริเวณดอยหลวง ทรงรับสั่งว่า หากสิ้นพระชนม์ลง ให้นำอัฐิบางส่วนขึ้นไปสร้างสถูปบรรจุไว้บนยอดดอย ดอยนี้จึงมีนามเรียกขานกันว่า "ดอยอินทนนท์"
นอกจากเหมยขาบหรือน้ำค้างแข็งแล้ว ดอยอินทนนท์ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ที่พลาดไม่ได้ก็คือต้องไปไหว้ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ หลังจากนั้นก็ต้องไปยอดดอยถ่ายรูปคู่กับป้ายสูงสุดแดนสยาม 2,565เมตรจากระดับน้ำทะเล และไหว้อนุสาวรีย์พระเจ้าอินทวิชยานนน์(เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย) หรือถ้าใครอยากจะชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น ก็คงต้องไปชมแถวกิ่วแม่ปาน
นอกจากนี้ดอยอินทนนท์ก็ยังมีน้ำตกสวยๆหลายแห่งเช่นน้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธารและน้ำตกสิริภูมิ เป็นต้น ก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมใครๆก็อยากไปเที่ยวดอยอินทนนท์ เพราะที่เที่ยวที่นี่เยอะเหลือเกิน ยังไม่นับรวมหมู่บ้านม้ง หมู่บ้านกระเหรี่ยงและเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกหลายแห่ง
เมื่อเที่ยวจนเหนื่อยแล้วก็คงอยากจะพักที่ดีๆ อยู่สบายๆ ทานอาหารอร่อยๆ ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลขอแนะนำให้พักที่บ้านพักสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์หรือที่เรียกกันติดปากว่าโครงการหลวงอินทนนท์ และทานอาหารอร่อยๆที่นี่
โครงการหลวงอินทนนท์จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ชาวเขา เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกฝิ่นมาเป็นการทำเกษตรกรรมปลูกพืชทดแทนฝิ่น ภายในโครงการหลวงมีพรรณไม้ให้ชมหลากหลาย เช่น สวนเฟิร์น สวนกระบองเพชร และไม้ดอกไม้ประดับอีกเป็นจำนวนมาก
สถานีเกษตรหลวงหรือโครงการหลวงอินทนนท์ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านขุนกลาง ขับรถขึ้นดอยอินทนนท์มาจนถึงก.ม. 31 ก็จะมีทางแยกเลี้ยวขวาเข้าโครงการ ก็ให้ขับรถตามป้ายเข้าไปประมาณ1ก.ม ภายในโครงการหลวงอินทนนท์มีทั้งบ้านพัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวฯลฯ
หลังจากที่เช็คอินเข้าที่พักที่ ห้องสิริภูมิA3 แล้ว เราก็รีบไปจองโต๊ะที่ร้านอาหารของโครงการหลวงทันที เราจองโต๊ะที่อยู่ระเบียงด้านนอก ที่ต้องรีบจองโต๊ะสำหรับทานอาหารเย็นเพราะอยากนั่งระเบียงด้านนอกเพื่อชมวิว และสัมผัสความหนาวเย็นของอากาศเดือนธันวาคม ถ้าไม่จอง ที่นั่งด้านนอกจะเต็มหมด ต้องไปนั่งด้านในอาคารซึ่งไม่ค่อยเห็นวิวอะไร
จากที่พักสามารถเดินมาที่ร้านอาหารได้ ถ้าใครไม่อยากเดินเพราะอากาศหนาวก็สามารถขับรถจากที่พักมาที่ร้านอาหารได้ ร้านอาหารค่อนข้างใหญ่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น2 ส่วน ส่วนที่เป็นด้านนอกอาคารจะทำเป็นซุ้มหลังคามุงจาก ตั้งโต๊ะอาหารเลียบไปตามระเบียงทางเดิน อากาศด้านนอกตอนเย็นค่อนข้างหนาว ต้องใส่เสื้อหนาวนั่งทานอาหาร ส่วนด้านในก็เป็นอาคารหลังคายกสูง โปร่งสบาย ที่นั่งด้านนอกจะเต็มก่อนเพราะบรรยากาศดี วิวสวย
ร้านอาหารด้านนอกบรรยากาศดีมากอากาศหนาว
โต๊ะอาหารด้านนอกตั้งอยู่ริมระเบียงทางเดิน มีหลังคามุงจากเข้ากับธรรมชาติ
จอดรถเสร็จก็เดินลงบันไดมาที่ร้านอาหาร
จุดเด่นของร้านอาหารโครงการหลวงอินทนนท์ ก็คือมีปลาเทร้าท์ และปลาสะเตอร์เจี้ยนสดๆจากบ่อเลี้ยงของงานวิจัยประมงบนที่สูง ของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโครงการหลวง เมนูที่พลาดไม่ได้คือ สลัดปลาสะเตอร์เจี้ยนย่างซัลซ่าซอสและปลาเทร้าท์ทอดกระเทียม
สลัดปลาสะเตอร์เจี้ยนย่างซัลซ่าซอส
ปลาเทร้าท์ทอดกระเทียม
ที่ร้านอาหารโครงการหลวงอินทนนท์มีอาหารอร่อยๆมากมาย นอกจากปลาเทร้าท์ทอดกระเทียมและสลัดปลาสะเตอร์เจี้ยนย่างซัลซ่าซอสแล้ว ยำเซเลอรี่หมูย่าง เป็ดอบกาแฟ กระหล่ำปลีทอดน้ำปลาและเห็ดหอมทอดซี่อิ๊วก็อร่อยมาก ต้องสั่งทุกครั้งที่มาทานอาหารที่นี่ คราวนี้เราลองสั่งหมูอบหมั่นโถวเพิ่ม ปรากฏว่าไม่ผิดหวัง ขาหมูมีเอ็นและหนังเคี้ยวหนึบดี เนื้อหมูอร่อยไม่ยุ่ย ที่สั่งมาอร่อยทุกอย่าง
ยำเซเลอรี่หมูย่าง
ขาหมูหมั่นโถว
เป็ดอบกาแฟ
กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา
เห็ดหอมทอดซี่อิ๊ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นในสวน บรรยากาศในสวนใกล้ร้านอาหารและที่พัก ล้อมรอบด้วยภูเขา สระน้ำ และสวนดอกไม้ สวยงามมาก เหมาะสำหรับเดินย่อยอาหาร อากาศเย็น เริ่มหนาว ใครจะมาพักที่นี่ควรต้องเตรียมเสื้อหนาว หมวก ผ้าพันคอ และถุงเท้าให้พร้อม อากาศตอนกลางคืนต่ำกว่า 10 องศา ถ้าจะไปดูทะเลหมอกและเหมยขาบตอนเช้า อุณหภูมิจะอยู่ต่ำกว่า 5 องศา
หลังจากเดินเล่นในสวนแล้วเราก็กลับที่พัก ที่พักของโครงการหลวงอินทนนท์มีหลายแบบ หลายราคา ห้องสิริภูมิ B มี 14 หลังๆละ 2 ห้องแต่ละห้องพักได้ 2 คน ราคาห้องละ 1,500 บาท รวมอาหารเช้า สามารถเพิ่มได้อีกห้องละ 2 คนคิดเพิ่มคนละ450บาท เพดานห้องสิริภูมิ B ค่อนข้างสูง สามารถทำเป็นชั้นใต้หลังคาวางที่นอนเพิ่มได้อีก 2 ที่ มีบันไดให้ปีนจากด้านล่างไปยังชั้นลอย เหมาะสำหรับเด็กนอนมากกว่าผู้ใหญ่ จะใช้ห้องน้ำต้องปีนลงมาใช้ด้านล่าง ใครต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว แนะนำให้พัก ห้องสิริภูมิB1-B6 เพราะแยกออกไปอยู่ใกล้สวน เดินไปเที่ยวน้ำตกสิริภูมิได้สะดวก ช่วงเดือนเมษายน-กันยายน ลดราคาเหลือห้องละ1,100 บาท
ห้องพักสิริภูมิ R มีอยู่ 1 หลังๆละ 2 ห้อง คิดราคาห้องพักห้องละ 2,600บาทรวมอาหารเช้า แต่ละห้องพักได้ 4 คน สามารถเพิ่มได้อีกห้องละ 2 คนคิดคนละ 450 บาท ช่วงเดือนเมษายน-กันยายนลดราคาเหลือห้องละ 1,800 บาท ห้องพักแบบ สิริภูมิ A มีอยู่ 6 หลังคิดหลังละ 6,500 บาท พักได้หลังละ 5 คน แต่เพิ่มได้อีกห้องละไม่เกิน 3 คน คิดเพิ่มคนละ 450 บาท แต่ละหลังมี 3 ห้องนอน มีครัว โต๊ะอาหาร และโซฟารับแขกขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ช่วงเดือนเมษายน-กันยายนลดราคาเหลือห้องละ 4,500บาท เราไปกัน 5 คนเลยเลือกพักที่ห้อง สิริภูมิ A ห้องพักสะดวกสบายมาก แต่ราคาห้องค่อนข้างแพง แต่ห้องก็เต็มตลอดในช่วงนี้ สำหรับการจองห้องพักที่โครงการหลวงอินทนนท์ สามารถโทรจองได้ที่ 053-286-771-2 หรือ 080-769-1944
ด้านหลังโซฟารับแขกเป็นห้องนอนพร้อมห้องน้ำ
ห้องนอนใหญ่ชั้นบน มีห้องนอนเล็ก1 ห้องติดห้องนอนใหญ่
บริเวณครัวและโต๊ะอาหาร
วิวมองจากห้องรับแขก
ห้องพักสิริภูมิ A เป็นเหมือนบ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีบริเวณครัว รับแขก และโต๊ะอาหารแยกเป็นสัดเป็นส่วน แนะนำให้พักห้องสิริภูมิ A3 เพราะวิวดี