ม่อนแจ่ม สัมผัสลมหนาว ชมทะเลหมอก พร้อมข้อมูลการเดินทาง
ม่อนแจ่ม ที่เที่ยวเชียงใหม่ยอดฮิต อาหารอร่อย จิบกาแฟอุ่นๆ ท่ามกลางวิวสวยๆ
ดอยม่อนแจ่ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม รับประทานอาหารอร่อยๆ และสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวเขา ดอยม่อนแจ่มเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในประเทศไทย เหมาะสำหรับการมาเที่ยวชมสักครั้งในชีวิต
ข้อมูลน่ารู้เรื่องม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง เชียงใหม่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40 นาที ไปถึงม่อนแจ่ม ม่อนแจ่ม เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ และดอยหลวงเชียงดาว ในช่วงฤดูหนาว ม่อนแจ่มจะปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ทำให้เกิดบรรยากาศที่งดงาม มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะทิวเขาที่สลับกันไกลจนสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเมื่อมองลงไปที่ด้านล่างทางทิศใต้ก็จะพบกับหมู่บ้านม้งหนองหอย และ พื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยโดยรอบ เป็นแปลงปลูกผักและวิจัยพืชเมืองหนาว ก็ขอแนะนำว่าให้เดินทางมาเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์ แถมบรรยากาศก็จะเย็นสบายได้ที่ และนอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงที่พักอีกหลากหลายที่ตั้งอยู่ในบริเวณโดยรอบ ม่อนแจ่ม
ส่วนการเดินทางขึ้นเขาไปม่อนแจ่มนั้น บางช่วงชันมากและหักศอก ถนนค่อนข้างแคบรถสวนกันลำบาก ที่จอดรถบนม่อนแจ่มตรงร้านอาหารมีจำกัด และถ้าขึ้นไปตรงกับช่วงเวลาอาหาร เพราะที่จอดรถจะเต็ม และก็ต้องจอดรถด้านล่างแล้วเดินขึ้นเขาค่อนข้างชันไปประมาณ 100 เมตร ถ้าไม่อยากเดินขึ้นเขา ก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันละ 20 บาทพาขึ้นเขาไปบนม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่ม
นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวม่อนแจ่ม ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นไปชมวิวและสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นบนสันเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร นอกจากนี้บนม่อนแจ่มก็ยังมีร้านอาหารอร่อย ให้นั่งทานไปชมวิวไปอีกด้วย
(วิวจากซุ้มอาหารที่ทำด้วยแคร่ไม้ไผ่ มีโต๊ะอาหารเตี้ยๆอยู่ตรงกลาง)
พอถึงช่วงใกล้ปีใหม่นี้ นักท่องเที่ยวจะเยอะมากๆ หลายๆ คน ก็อยากนั่งในซุ้มที่อยู่ริมหน้าผาทานอาหาร และ ได้ชมวิวไปด้วย ถ้าหากว่าต้องการนั่งในซุ้ม ก็เข้ามาในร้านอาหารแล้ว แล้วก็ต้องรีบเดินหาว่ามีซุ้มไหนว่างบ้าง เพราะถ้าซุ้มด้านล่างไม่ว่างก็ต้องขึ้นไปทานอาหารด้านบนซึ่งเป็นห้องอาหารรวม
ที่ใกล้ๆ ซุ้มที่นั่งทานอาหารบนม่อนแจ่ม ก็จะมีที่พัก ที่เป็นเต็นท์เพื่อให้เช่าพักค้างคืน หากพัก 2 คนราคา 1,200 บาท หากพัก 3 คนราคา 1,800 บาท เต็นท์ใหญ่พัก 4 คน ราคา 2,400 บาท
เมื่อจองที่นั่งได้แล้ว จะต้องเดินไปสั่งอาหารที่แคชเชียร์ที่อยู่ด้านบน เราควรจะดูเมนูอาหารเตรียมไปก่อน เพราะเมื่อไปถึงจะได้ยื่นรายการอาหาร ที่เราจะสั่งพร้อมระบุเบอร์โต๊ะหรือซุ้มที่เรานั่ง พอจ่ายเงินเสร็จแล้วก็นั่งรอ จากนั้นพนักงานจะนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะหรือซุ้มที่เรานั่งอยู่
ม่อนแจ่มเป็นพื้นที่บนสันเขาสูงประมาณ 1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย ที่อำเภอแม่ริม แต่เดิมแล้วที่แห่งนี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ทั้งยังมีหญ้าคาขึ้นเต็มไปหมด ทำให้ทางโครงการหลวงเห็นว่าที่บนนี้มีวิวธรรมชาติที่สวยงาม อากาศจะเย็นสบายตลอดปี
หลังจากนั้นได้พัฒนาที่แห่งนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งยังเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยรอบๆ บริเวณนี้มีแปลงผัก ซึ่งเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับโดยนำเอาเศษเหล็กเก่าๆ สิ่งของเหลือใช้ เช่น รถเก่าๆ ที่หมดสภาพไปแล้ว ของโครงการหลวง โถอ่างล้างหน้า ก็นำมาใช้เป็นที่ปลูกพืชผัก ดอกไม้ และ ใช้ในการประดับตกแต่งสวน ซึ่งแนวคิดผสมผสานธรรมชาติเข้ากับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
รูปปากทางเข้า ม่อนแจ่ม จะมีรถล้อเลื่อนของชาวเขาให้นักท่องเที่ยวเช่าเพื่อเล่นด้วย
เราสั่งอาหารไป 6 อย่าง มี ยำเนื้อไก่ใบเซอเรล( ใบเซอเรลเปรี้ยวหน่อย แต่ว่าเมื่อไปยำกับเนื้อไก่แล้ว รสชาติก็อร่อย ) ไก่ผัดใบเบซิล, ขาหมู, น่องไก่ทอด, กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา, ผัดผักฮ่องเต้น้ำมันหอย, หลังจากยื่นรายการอาหารที่เราสั่งพร้อมระบุเบอร์ซุ้มเรียบร้อยและจ่ายเงินแล้ว เราก็กลับไปนั่งชมวิวรอที่ซุ้ม ก็รอสักครู่ใหญ่พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ อาหารทุกจานที่เราสั่งอร่อยทุกจาน
ซึ่งหลังจากทานอาหาร และ เดินเที่ยวบนม่อนแจ่มเสร็จแล้ว เราก็ขับรถลงจากม่อนแจ่ม เพื่อไปสำรวจลานกางเต็นท์ และ ที่พักบริเวณใกล้เคียง
ซึ่งที่พักม่อนแจ่ม จุดแรกที่เราไป ก็คือ ม่อนแคนอิงดอย ที่เพิ่งเปิดมาได้เพียง 2 เดือน เพื่อต้อนรับคริสต์มาส และ ปีใหม่ ถ้าหากเรานำเต็นท์มากางเองที่นี่คิดคนละ 150 บาท แต่ว่าถ้านอนในเต็นท์ ที่เขาจัดให้ ตรงเต็นท์เล็กจะพัก 2 คน คิดหลังละ 500 บาท ถ้าเลือกเต็นท์ใหญ่หน่อยพักได้ 3 - 4 คน คิดหลังละ 700 บาท
เราขับรถต่อไปที่ม่อนอิงดาว ที่นี่มีทั้งบ้านและเต็นท์ แต่บ้านพักเต็มตลอดทั้งเดือน ส่วนเต็นท์คิดเต็นท์ละ 700 บาท พักได้จำนวน 2 - 3 คน ถ้าหากพัก 4 คน ก็คิดเพิ่มเต็นท์ละ 800 บาท (ช่วงนี้ราคาแพงกว่าปกติ)
ถัดจากม่อนอิงดาวก็เป็น ม่อนวิวงาม มีทั้งบ้านพักและเต็นท์ บ้านพักราคา 1,500-2,000บาท แต่เต็มตลอดเดือนธันวาคมและมกราคม ที่เต็นท์พักได้ 2 - 3 คน ราคาหลังละ 700 บาท ถ้าหากพัก 4 คน ราคาจะอยู่ที่ 800 บาท ถ้าหากว่าเป็นเต็นท์ VIP ก็จะมีห้องน้ำในตัว คิดราคาหลังละ 1,000 บาท
แห่งสุดท้ายที่เราแวะชมคือ ม่อนตะวัน ที่อยู่สูงกว่าเพื่อน และ ก็มีวิวสวยกว่าที่อื่นๆ แต่ว่าทางขึ้นค่อนข้างชัน หลักๆ ที่นี่มี ทั้งบ้านพัก และ เต็นท์ สำหรับบ้านพักช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมค่อนข้างเต็ม โดยที่พักแบบเต็นท์คิดหลังละ 600 บาท พักได้จำนวน 2 - 3 คน
หลังจากที่ได้แวะชม ที่กางเต็นท์และที่พักบริเวณใกล้ม่อนแจ่มแล้ว เราก็ขับรถกลับเชียงใหม่ ซึ่งระหว่างทางแวะดื่มกาแฟที่ร้าน Tita Gallery สำหรับร้านนี้อยู่ทางเดียวกับทางไปโรงแรม Four Seasons แม่ริม ร้านนี้ตกแต่งร้านได้สวยมาก บรรยากาศดี เราต้องแวะร้านกาแฟร้านนี้ทุกครั้ง ที่ขึ้นมาทานอาหารที่ม่อนแจ่ม หรือร้านโป่งแยงแอ่งดอย
รีวิวม่อนแจ่ม
เรียกได้ว่าภาพบรรยากาศโดยรวมที่ได้เดินทางมาเที่ยวหน้าหนาวที่ม่อนแจ่ม ในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว เพราะทั้งบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีดอกไม้, ต้นไม้, ภูเขาเขียวชอุ่ม สลับกับ สีของดิน โดยจุดที่เป็นสีน้ำตาลแดงดูสวยงามสบายตา อีกทั้งอากาศก็กำลังเย็นสบาย
เพราะว่าช่วงที่เดินทางมาเป็นช่วงหน้าหนาวพอดิบพอดี ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตกลางวันสักเท่าไหร่ เรื่องราคาที่พักก็อยู่ในเกณฑ์ที่ถูกแต่คุณภาพดี หากจะพักแบบเป็นบ้านที่นี่ หรือจะพกเต้นท์ส่วนตัวมากางก็ได้ ขอแนะนำว่าถ้าคิดจะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงเทศกาล ก็อยากให้เตรียมตัวจองที่พักมาก่อนล่วงหน้าไม่อย่างนั้นจะเต็มซะก่อน ไม่มีที่นอนไม่รู้ด้วย ส่วนเรื่องอาหารที่นี่อร่อยทุกอย่าง อยากให้มาลองดูสักครั้ง
สรุปรวมรวบยอด คือ มาเถอะ ไม่เสียเที่ยวแน่นอน มาแล้วพกกล้องคู่ใจ พร้อมด้วยเมมโมรี่การ์ดหลายๆ ใบมาไว้เก็บภาพประทับใจกลับไปให้อื้อ เอาให้คนที่ไม่ได้มาอิจฉากันไปข้างเลยขอบอก
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงม่อนแจ่ม
-
ดอยม่อนแจ่ม สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูหนาวอากาศจะเย็นสบาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ในช่วงฤดูร้อนอากาศจะเย็นกว่าตัวเมืองเชียงใหม่ ดอยม่อนแจ่มมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ เช่น จุดชมวิวทะเลหมอก สวนดอกไม้ สวนสตรอว์เบอร์รี่ ร้านอาหาร ที่พัก
-
สกายวอล์คม่อนแจ่ม จุดชมวิวแห่งใหม่บนดอยม่อนแจ่ม มีลักษณะเป็นทางเดินไม้ไผ่ที่ทอดยาวไปบนผาสูงชัน ยาวประมาณ 100 เมตร ด้านบนของสกายวอล์คมีราวไม้กั้นเพื่อความปลอดภัย นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวทิวทัศน์ของดอยม่อนแจ่มได้แบบ 360 องศา มองเห็นภูเขา ป่าไม้ และทะเลหมอกอันสวยงาม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวสกายวอล์คม่อนแจ่มคือช่วงเช้าตรู่และช่วงเย็น เพราะเป็นช่วงที่ทะเลหมอกจะหนาแน่นและสวยงามที่สุด
-
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สถานที่รวบรวมพรรณไม้และดอกไม้ทั้งหลากหลายชนิด พักผ่อนและเรียนรู้ธรรมชาติกับ ทางเดินลอยฟ้าเหนือเรือนยอดไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และอาคารกระจกเพื่อการเรียนรู้ทางพฤกษศาสตร์
-
โป่งแยงจังเกิ้ล โคสเตอร์ ซิปไลน์ & จังเกิ้ลเดอคาเฟ่ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น จังเกิ้ลโคสเตอร์ ซิปไลน์ บันจี้จัมพ์ จักรยานบนสลิง กระโดดหอคอย ชิงช้ายักษ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่นี่ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ให้บริการอีกด้วย
-
ศูนย์พัฒนา โครงการหลวงหนองหอย แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2512 เพื่อช่วยเหลือชาวเขาในการเลิกปลูกฝิ่นและหาอาชีพทดแทน โดยส่งเสริมให้ปลูกพืชผักเมืองหนาว เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมแปลงผักเมืองหนาว เรียนรู้วิธีการปลูกผักเมืองหนาว และซื้อผักเมืองหนาวสดๆ กลับไปรับประทานได้ด้วย
-
สวนสตรอเบอร์รี่กลางทุ่ง ที่นี่เป็นสวนสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ปลูกสตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีรสชาติดี ผลใหญ่ และสีแดงสด นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมสวนสตรอเบอร์รี่และเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ จากต้นได้เอง ที่นี่ยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารให้บริการอีกด้วย
-
สวนของฉัน my garden เป็นสวนส้มขนาดใหญ่ ปลูกส้มพันธุ์ต่างๆ เช่น ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มเขียวหวาน ส้มโอ ส้มแมนดาริน และส้มโชกุน นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมสวนส้มและเก็บส้มสดๆ จากต้นได้เอง
-
สวนดอกไม้ สวนส้มป้างฮวา มีพื้นที่กว่า 20 ไร่ ปลูกดอกไม้นานาชนิดกว่า 1,000 ชนิด พร้อมสวนส้ม นักท่องเที่ยวสามารถเก็บส้มสดๆ ทานได้เอง สวนแห่งนี้มีการจัดสวนที่สวยงามและร่มรื่น นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมดอกไม้และถ่ายรูปสวยๆ ได้ตลอดทั้งวัน
-
สวนส้มยอดดอย สวนส้มขนาดใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บส้มเองได้ สวนแห่งนี้มีส้มพันธุ์ต่างๆ มากมาย เช่น ส้มจั้มโบ้ ส้มเขียวหวาน ส้มแมนดาริน ส้มโอ ส้มที่นี่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว สดชื่น อร่อยมาก นักท่องเที่ยวสามารถเก็บส้มมารับประทานเองหรือซื้อกลับไปเป็นของฝากได้
-
ยิ่งยงสวนดอกไม้ สวนแห่งนี้มีดอกไม้นานาพันธุ์ กว่า 100 ชนิด เช่น ดอกทิวลิป ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ ดอกไฮเดรนเยีย และอื่นๆ สวนแห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 น. ถึง 18:00 น. อัตราค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 50 บาท และสำหรับเด็ก 30 บาท
-
ทุ่งดอกเก็กฮวยสวนแม่ขิฟาร์มสเตย์ ที่นี่มีทุ่งดอกเก๊กฮวยขนาดใหญ่ที่บานสะพรั่งสวยงาม ดอกเก๊กฮวยมีสีขาว เหลือง ชมพู และม่วง แต่ละสีก็มีความงดงามที่แตกต่างกันไป นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทุ่งดอกเก๊กฮวยได้ตลอดทั้งวัน ในช่วงเช้าอากาศจะเย็นสบาย เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมทุ่งดอกเก๊กฮวยพร้อมชมพระอาทิตย์ตกดินได้ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. - 18.00 น. ค่าเข้าชมสวนผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท
-
สวนดอกเก๊กฮวยกลางสายหมอก สวนดอกเก๊กฮวยแห่งนี้มีดอกเก๊กฮวยสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มทุ่ง ท่ามกลางสายหมอกสีขาวที่ปกคลุมภูเขา สวยงามและโรแมนติกมาก สวนดอกเก๊กฮวยแห่งนี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 18.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
-
สวนดอกไม้อินชอน เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่บานสะพรั่งสวยงาม เช่น ดอกทิวลิป ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ ดอกกล้วยไม้ ดอกไฮเดรนเยีย ดอกเบญจมาศ ฯลฯ สวนดอกไม้แห่งนี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน
-
สวนส้มจินจู สวนส้มแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ปลูกส้มพันธุ์สายน้ำผึ้ง เป็นส้มที่มีลักษณะผลใหญ่ เปลือกบาง รสชาติหวานอมเปรี้ยว สวนส้มจินจูเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บส้มได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวชมสวนส้มได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 18.00 น. ค่าเข้าชมสวนส้มผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท
-
น้ำตกแม่สา น้ำตกแม่สาเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาดอยสุเทพ น้ำตกมีความสูงประมาณ 70 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถมาชมความงามของน้ำตก เล่นน้ำในลำธาร และเดินป่าศึกษาธรรมชาติได้
-
I love flower farm ฟาร์มแห่งนี้มีดอกไม้นานาชนิดมากมาย รวมไปถึงดอกทิวลิป ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ ดอกกล้วยไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเดินชมสวนดอกไม้ ถ่ายรูปกับดอกไม้ เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกดอกไม้ ซื้อดอกไม้กลับบ้าน
รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้านอาหารในฟาร์ม ฟาร์มแห่งนี้เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 08:00 น. ถึง 18:00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 100 บาท และเด็ก 50 บาท -
ม่อนอิงดาวคาเฟ่ ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนดอยม่อนแจ่ม วิวของร้านกาแฟนั้นสวยงามมาก คุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาและหมอกได้อย่างชัดเจน ร้านกาแฟมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายให้เลือกสรร กาแฟของร้านกาแฟนั้นขึ้นชื่อมาก รสชาติเข้มข้นและหอมกรุ่น
-
ไอนาราคาเฟ่ ai nara café คาเฟ่แห่งนี้โดดเด่นด้วยบรรยากาศอันสวยงาม มองเห็นวิวทิวเขาและทะเลหมอกได้แบบพาโนรามา ไอนาราคาเฟ่มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายให้เลือกสรร รวมไปถึงเค้กและเบเกอรี่ที่อบสดใหม่ทุกวัน คาเฟ่แห่งนี้ยังเหมาะสำหรับการถ่ายภาพและพักผ่อนหย่อนใจ
-
ภูวิน คาเฟ่ PhuWin Café คาเฟ่บรรยากาศดี ล้อมรอบด้วยภูเขาและทุ่งดอกไม้ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและชมวิวที่สวยงาม มีบริการอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนู ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และเครื่องดื่มต่างๆ เมนูแนะนำของทางร้าน ได้แก่ ข้าวผัดภูวิน ข้าวซอยไก่ สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา และไอศกรีมกะทิสด
-
ร้านอาหาร Pongyang Angdoi ร้านอาหารไทยบรรยากาศดี ตั้งอยู่บนถนนแม่ริม-สะเมิง กม.12 มีบรรยากาศร่มรื่น ล้อมรอบด้วยทุ่งนาและภูเขา มีบริการอาหารไทยหลากหลายเมนู ทั้งอาหารจานเดียว อาหารชุด และอาหารนานาชาติ เมนูแนะนำของทางร้าน ได้แก่ แกงฮังเล แกงเขียวหวาน ต้มยำกุ้ง ข้าวผัดปู และผัดไทกุ้งสด
ข้อมูลการเดินทางไปม่อนแจ่ม เชียงใหม่
- การเดินทางโดย รถยนต์ส่วนตัว
การเดินจากกรุงเทพฯ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข ( พหลโยธิน ) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ( สายเอเซีย ) ผ่านอยุธยา, อ่างทอง, นครสวรรค์, หลังจากนั้นก็ใช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปยัง จังหวัดพิษณุโลก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ระยะทางประมาณ 695 กิโลเมตร หรืออีกทางหนึ่งคือจาก นครสวรรค์ ไปตามทางหลวง หมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร, ตาก, และ ลำปาง ไปถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 696 กิโลเมตร
เริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทางถนนเชียงใหม่-ลำปาง (ทางหลวงหมายเลข 11) ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 70 กิโลเมตร เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 128 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสาย 1088 ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 33 เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสาย 1188 ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงม่อนแจ่ม
ถนนขึ้นม่อนแจ่มค่อนข้างชัน ขับช้าๆ ระวังรถสวน ม่อนแจ่มเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม แนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่หรือเย็น จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
- การเดินทางโดย รถไฟ
ราคาตั๋วรถไฟไปเชียงใหม่เริ่มต้นที่ประมาณ 700 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของที่นั่งและชั้นโดยสาร สามารถซื้อตั๋วรถไฟได้ล่วงหน้าทางออนไลน์หรือที่สถานีรถไฟ รถไฟไปเชียงใหม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ที่นั่งปรับเอนนอน ห้องน้ำ เครื่องปรับอากาศ และตู้อาหาร
รถไฟขบวนด่วนพิเศษอุตราวิถี เป็นรถไฟที่เร็วที่สุด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12-13 ชั่วโมง ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 18:10 น. และถึงสถานีเชียงใหม่ เวลา 07:15 น.
รถไฟขบวนด่วนพิเศษที่ 9 เป็นรถไฟที่รองลงมา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13-14 ชั่วโมง ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 20:45 น. และถึงสถานีเชียงใหม่ เวลา 08:45 น.
รถไฟขบวนท้องถิ่นที่ 109 เป็นรถไฟที่ช้าที่สุด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 14-15 ชั่วโมง ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 22:30 น. และถึงสถานีเชียงใหม่ เวลา 10:30 น.
- การเดินทางโดย รถโดยสารประจำทาง
จะมีรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ( หมอชิต 2 ) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวันๆ ละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง โดยมีรถทัวร์ให้บริการหลายบริษัท เช่น นครชัยแอร์, สมบัติทัวร์, เอราวัณทัวร์, กรุงเทพทัวร์, เชิดชัยทัวร์, ปิยะทัวร์, เนวินทัวร์, ทรัพย์ทัวร์, รุ่งเรืองทัวร์
รถโดยสารประจำทางออกเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ไปม่อนแจ่ม อัตราค่าโดยสารประมาณ 150 บาท
- การเดินทางโดย เครื่องบินไปเชียงใหม่
การเดินทางโดยเครื่องบินไปเชียงใหม่ มีสายการบินให้บริการดังนี้
- นกแอร์ (Nok Air)
- ไทยแอร์เอเชีย (Thai AirAsia)
- ไทยสมายล์ (Thai Smile Airways)
- ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air)
- บางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways)