สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองเหนือ "ฮักเมาเจียงฮาย"
เมืองเหนือยังไงๆ ก็ยังคงน่าเดินทางไปพักผ่อน สำหรับคุณม่วงมหากาฬจากเว็ปไซต์ พันทิป ดอทคอม นักเดินทางที่เก็บภาพความประทับใจ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวเที่ยวเชียงราย พะเยา มาเล่าสู่กันฟังได้อย่างน่าประทับใจ อ่านแล้วแทบอยากจะออกเดินทางไปทันที พร้อมแล้วแพคกระเป๋าออกเดินทางไปกับเขาเลยครับ
ที่ปลายขอบดอย เบื้องหน้าคือสายหมอกและความหนาวเย็น
ดอกไม้เมืองเหนือเบ่งบานสลับสีต้องแสงแดดอุ่น...รอรับการมาเยือน
สิ่งเหล่านี้คือความใฝ่ฝันสำหรับนักเดินทางในฤดูหนาว...ที่ผมเรียกมันว่า “มนต์เสน่ห์เมืองเหนือ”
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
บทบันทึกการเดินทางฉบับนี้ผมเริ่มต้นที่ จ.เชียงราย เมืองแห่งสายหมอกและดอกไม้
แม้จะมาเยี่ยมเยือนอยู่หลายครั้ง แต่ผมก็ยังคงหลงเสน่ห์อยู่ดี
“ไร่เชิญตะวัน”ในวันนี้ ต่างจากวันวานที่ผมเคยได้มาสัมผัส
ดอกทิวลิปหลากสีสัน ช่วยเติมแต่งให้สวนที่ดูสวยอยู่แล้ว กลับเพิ่มความสดชื่นเป็นทวีคูณ
นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาจำนวนมหาศาลในช่วงวันหยุดสิ้นปี
สิ่งที่ได้รับจากที่นี่ นอกจากคำสอนทางพระพุทธศาสนาแล้ว
ความอิ่มใจ ความร่มรื่น ความสวยงามของขุนเขา และความหนาวเย็น
สิ่งเหล่านี้คงเป็นเหตุผลของความสุขในการได้มาเยี่ยมเยือน
“พาน” อำเภอเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยขุนเขาน้อยใหญ่ ก่อนก้าวเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย
ความสวยงามของดินแดน และแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงต้องตามหาคำตอบ
ฤาจะเป็นได้แค่เพียงทางผ่าน...
“วัดพระธาตุจอมแว่” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมศรัทธา คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอพาน
ตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่น แลเห็นได้จากระยะไกลเหนือขุนเขาเมื่อย่างก้าวเข้าสู่เมืองพาน
ยามนี้นาข้าวในฤดูหนาวได้ถูกเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นลง
เหลือไว้เพียงกลิ่นไอดิน สายหมอก และร่องรอยของความผูกพันในวิถีชีวิต
หลายครั้งหรือเกือบจะทุกครั้ง เวลานั่งเขียนบันทึกการเดินทางสำหรับผมแล้วนั้น
ความสุขและความทรงจำที่งดงามเมื่อนึกย้อนกลับไป คุณค่าของสิ่งเหล่านี้มิได้เลือนหาย
คงเหมือนกับมุมเล็กๆ ในชนบท วิถีชีวิตที่ดูเรียบง่าย
ณ ยามเช้าที่วัดเล็กๆ แห่งหนึ่งในอำเภอพาน
ความผูกพันของผู้คนก็มิได้ห่างหายจากความศรัทธาเช่นเดียวกัน
เสียงสวดมนต์ในท่วงทำนองที่แตกต่างไปจากภาคกลาง
ความหนาวเย็นในยามเช้าเข้ามาปะทะผิวกาย แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้สดับรับฟัง
ยามเช้าในชนบทกับในตัวเมืองของอำเภอพาน
ความแตกต่างอาจจะคล้ายคลึงกับหลายจังหวัด
จากตัวเมืองพานที่ค่อนข้างหนักไปทางความเจริญ ธุรกิจการค้าขายเป็นหลัก
สู่ชนบทที่ทำไร่ทำนา ปลูกพืชสวน ลำใย เห็ด ยางพาราเป็นส่วนใหญ่
เป็นความแตกต่างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สิ่งของที่จำเป็นเท่านั้นที่ต้องหาซื้อจากตัวเมืองพาน
ส่วนพืชผักปูปลาหาได้จากท้องถิ่นที่เพาะปลูกกันเอง รวมไปถึงการหาของป่าตามดอยที่ไม่ไกลจากบ้านนัก
สำหรับบันทึกการเดินทางของผมในครั้งนี้ อาจจะแตกต่างจากบันทึกการเดินทางที่ผ่านมา
เพียงเพราะจุดมุ่งหมายในการเดินทางของผมที่ต้องการไปยังดินแดนที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก
“บ้านปางขอน” คือจุดหมายสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
หมู่บ้านบนดอยสูงที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงรายมากนัก
หากแต่ความแตกต่างอย่างเด่นชัดคงเป็นรูปแบบของสังคมเมืองกับสังคมในชนบท
เส้นทางที่ทอดยาวลัดเลาะไต่ระดับความสูงชัน รถสวนกันลำบาก
สองข้างทางเพาะปลูกพืชสวน กาแฟ ท่ามกลางความสูงชันและหนาวเย็น
จุดเด่นของบ้านปางขอนคงเป็นดอกนางพญาเสือโคร่งที่เบ่งบานไปทั่วดอย
รวมถึงทะเลหมอกที่อลังการตา แม้วันนี้จะไม่มีทั้งสองอย่าง แต่ผมกลับตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
คุณลุงเจ้าของกระท่อมปลายดอยเดินมาทักทายพร้อมกับสื่อสารภาษามือ..
“วิวที่นี่สวยสุดยอด” เป็นภาษามือที่คุณลุงกำลังสื่อสารกับผม พร้อมชี้ไปที่ทิวเขาด้านหน้ากระท่อม
และมันก็งามจับใจอย่างที่คุณลุงสื่อสารจริงๆ
ภาพของสายหมอกจางๆ ปกคลุมตัวเมืองเชียงราย
แสงสีทองจากดวงตะวันสาดส่องทำให้ผืนหมอกเป็นสีทองอร่าม
เป็นความรู้สึกสุขใจจนยากที่จะบรรยาย
ลานไม้ไผ่ที่เอาไว้ตากเมล็ดกาแฟ กับวิวที่อยู่เบื้องหน้า
วิถีชีวิตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติถ้าหากพอเพียง พอใจ ชีวิตก็เป็นสุข
แสงแรกของวันสาดส่องเรืองรองที่ขอบฟ้า
เผยให้เห็นขุนเขาสลับซับซ้อนตรงเบื้องหน้า
ภาพที่เห็นอาจไม่แตกต่างจากจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นจากที่อื่นๆ
แต่สิ่งที่พิเศษสำหรับที่นี่คงเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบ
กาแฟรสเลิศ ขุนเขาสีชมพู ที่กำลังเริ่มต้นนับหนึ่ง
และผมเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้ต้องโด่งดังและมีผู้คนมาเยี่ยมเยือนกันอย่างไม่ขาดสายต่อไป
ทั้งที่รู้มาก่อนหน้าแล้วว่าดอกนางพญาเสือโคร่งของบ้านปางขอนจะยังไม่บาน
แต่ผมก็ยังมา เพียงเพราะว่าอาจจะโชคดีได้พบบ้างประปราย
แต่โชคก็ไม่เข้าข้างผม เพราะยังไม่มีดอกนางพญาเสือโคร่งบานซักต้นหรือแม้แต่ซักดอกเดียว
คงต้องมาในราวกลางเดือนมกราคมและต้องไปที่สถานีเกษตรที่สูงบ้านปางขอน
ซึ่งห่างออกไปราว 5 กิโล เพราะที่นั่นเป็นดงนางพญาเสือโคร่ง
เจ้าหน้าที่บอกว่าหากจะไปสถานีเกษตรที่สูงบ้านปางขอนต้องใช้รถโฟร์วีลเท่านั้น
ผมเลยตัดสินใจเชยชมความงามแค่ที่นี่ ที่บริเวณ อบต.ห้วยชมภู เท่านี้ผมก็สุขใจแล้ว
ดวงตะวันสาดส่องแสงสีทองอย่างเข้มแข็ง มันเป็นภาพที่เรียกความรู้สึกตื่นเต้น
ผมไม่รู้หรอกว่าเบื้องล่างคือที่ไหน แต่ผมรู้.. รู้อย่างแจ่มชัดว่าความสุขอยู่ที่นี่
รั้วบ้านของชาวบ้านกั้นขวางความสวยงาม
แต่ความสุขใจมิอาจถูกกีดขวาง
แสงสีทองค่อยๆ จางลง ความสว่างเริ่มเข้ามาแทนที่
สรรพสิ่งเริ่มต้นดำเนินชีวิต และผมก็คงต้องจากลาจากที่นี่
หากนิยามของการเดินทางมิได้จำกัดอยู่ที่การท่องเที่ยว
การได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนคงช่วยเติมเต็มให้การเดินทางสมบูรณ์แบบ
แววตาใสซื่อที่มองลอดรั้วออกมาเหมือนตั้งคำถามว่าพวกเรามาทำอะไร
ห้วงเวลานี้หรืออีกไม่กี่ปีนี้อาจจะใช่
แต่ผมเชื่อว่าเมื่อที่ใดเริ่มโด่งดัง แววตาอาจเปลี่ยนไป
หรืออาจจะมองมาด้วยความเคยชินกับคนแปลกหน้า
“ไร่บุญรอด” คือจุดหมายต่อไป เพราะไม่ไกลจากบ้านปางขอนนัก
แม้ผมจะเคยมาเยือนที่นี่แล้ว แต่ผมก็ยังอยากมาอีกอยู่ดี
สายๆ ของวันนี้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก
แตกต่างจากวันวานที่ผมเคยมาเยือน
อาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่ ผู้คนเลยยังไม่มากนัก
เช้าวันนี้อากาศเย็นสบาย ไม่มีแสงแดด
ทำให้เดินท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
จุดเด่นของไร่บุญรอดก็คงหนีไม่พ้นดอกไม้สวยๆ
รวมถึงไร่ชาที่ทอดยาวเป็นแถวๆ อย่างเป็นระเบียบ
ความรู้สึกของความคุ้นเคยเริ่มกลับมาอีกครั้งพร้อมๆ กับความสุข
ไร่ชาในมุมมองที่กว้างไกล เป็นความรู้สึกของความสบายใจเมื่อได้มอง
ธุรกิจควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวเริ่มเป็นที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ไร่ชาต่างๆ โปรโมทเชิญชวนให้เข้ามาท่องเที่ยวซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
อย่างน้อยคนท้องถิ่นก็จะได้มีงานทำ
จากธุรกิจเล็กๆ ที่ทางการส่งเสริมให้ชาวเขาได้ปลูกชาเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น
สู่ธุรกิจที่เติบใหญ่ ควบคู่ไปกับการพักผ่อนท่องเที่ยว
ไร่บุญรอดในวันนี้ยังคงสร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มเปี่ยม
ด้วยบรรยากาศสบายๆ ดอกไม้นานาพันธุ์ และไม่เสียค่าเข้าชม
จึงมีท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย
เส้นทางอีกหนึ่ง สู่ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ อลังการด้วยหมู่มวลดอกไม้
จากภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราว ประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายดึงดูดใจให้ผมอยากมาสัมผัส
“ดอยตุง” คือดินแดนในเทพนิยายที่ผมคิดฝัน
เส้นทางที่ลัดเลาะสู่ที่สูงไม่ยากลำบากมากนัก
สองข้างทางกับวิวในมุมมองที่สวยและสูง จนมีผู้คนมาแวะพักกางเต็นท์ค้างแรม
สวนแม่ฟ้าหลวง ในวันนี้ยังคงความสวยงาม สดชื่นด้วยหมู่พฤกษา
ดอกไม้นานาพันธุ์ประดับประดาดงดอยให้เป็นดั่งสรวงสวรรค์ น่าสัมผัสเชยชม
นักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวจำนวนค่อนข้างเยอะ
สีหน้า แววตา และรอยยิ้มบ่งบอกถึงความสุขที่ได้มาเยี่ยมเยือน
เช้าวันใหม่ที่อากาศสดใส หมอกบางๆ ปกคลุมไปทั่วผืนนา
ผมกำลังย้อนรอยความคุ้นเคยอีกครั้ง เพราะชื่นชอบในบรรยากาศของที่นั่น
และอยากเก็บภาพถ่ายและภาพความทรงจำให้มากกว่าครั้งวันวาน
“อุทยานแห่งชาติแม่ปืม” อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา แตกต่างจากครั้งวันวานที่ผมเคยได้มาสัมผัส
สายหมอกนำมาซึ่งความสดชื่น และความสวยงามให้เหมือนเป็นดินแดนในฝัน
ในครั้งก่อนผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาที่อุทยานแห่งนี้ซะทีเดียว
ด้วยความที่ไม่เคยได้ยินชื่อดินแดนแห่งนี้มาก่อน
และระยะทางที่แสนใกล้ ทำให้ผมลองแวะเข้ามาเยี่ยมชม
จากเดิมที่ตั้งใจแค่แวะทักทาย ความรู้สึกนั้นได้เปลี่ยนไป
บรรยากาศ ความร่มรื่น หมูมวลแมกไม้ และสายน้ำ
มันเพียงพอที่ทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจเป็นการกางเต็นท์ค้างแรม
อ่างเก็บน้ำแม่ปืม ดูไปก็คงไม่ต่างจากอ่างเก็บน้ำทั่วไปนัก
แต่ที่พิเศษในแบบที่แตกต่าง เห็นจะเป็นสายหมอกที่ปกคลุมทิวเขาและล่องลอยละเลียดผิวน้ำ
ในชีวิตของการเดินทาง ผมมีโอกาสได้พานพบกับดินแดนที่สวยงาม
สายน้ำ ขุนเขา ที่พานพบดูใกล้เคียงที่สุดกับดินแดนที่สวยงามในแบบ “ปางอุ๋ง”
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผมก็ยังรู้สึกลึกๆ ในใจว่าที่เหล่านั้นยังไม่ใช่
และหากจะมีซักที่ที่ใกล้เคียงที่สุด ผมก็คิดว่าที่นี่แหละ "ใช่"
ในมุมเล็กๆ ยังมีสิ่งสวยงามซ่อนอยู่ เปิดมุมมอง ให้โอกาสกับเวลา
แล้วเราอาจได้พานพบกับสิ่งที่สวยงามที่สุด
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านบันทึกการเดินทางของผมจนจบ ขอบคุณและสวัสดีครับ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP