นอนหาดไก่แบ้ เกาะช้าง ทั้งสวย ทั้งสงบ
เกาะช้างยังคงเป็นเกาะหนึ่งที่ใครๆ อยากเดินทางไปท่องเที่ยว เนื่องจากใกล้กรุงเทพฯ และมีหลายหาดให้เลือกพักผ่อน สำหรับคุณยำยำรสต้นหอมผักชีไม่มีค่ะ จากห้องบลูแพลนเน็ต เว็บไซต์พันทิป ที่ไปเที่ยวเกาะช้างมา ก็เข้ามาบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร ใครที่วางแผนไปเที่ยวตราด แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปกิน เที่ยว นอนที่ไหนก็ลองดูนะคะ
เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2558 ที่ผ่านมานี้ วางแผนทริปไปเที่ยวเกาะช้างมาค่ะ เป็นทริปฉุกละหุก ไม่ได้จองอะไรไว้ยกเว้นตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน เจอที่ไหนนอนที่นั่น สนุก และประทับใจสุดๆ ได้นอนทั้งที่ตัวเมืองจังหวัดตราดและเกาะช้างอย่างละคืนค่ะ
ทำรูปมาเล็กไปหน่อย ขออภัยนะคะ T_T
เริ่มทริป
สตาร์ทจากอนุเสาวรีย์เวลา 15.00 น. ค่ะ เนื่องจากเราไปงานเลี้ยงของบริษัทมาตอนเช้า เลยมานัดเจอเพื่อนที่อนุเสาวรีย์ แล้วเดินหาว่าต้องขึ้นรถตู้ที่ไหน ถามๆ ไปเรื่อยๆ ก็พบว่า ต้องขึ้นที่ฝั่งห้างเซ็นจูรี่ค่ะ มีทั้ง 2 คิว ก็ลองถามดูนะคะ ว่ามีคิวไหนใกล้ที่สุด
ตัวเราไปฝั่งที่ลงสะพานลอยแล้วยูเทิร์นกลับมาค่ะ (เพราะมีคิวใกล้กว่า) ขึ้นตอนบ่าย 3 ตอนแรกกะว่าไปถึงตราดก็คงสักไม่เกิน 1 ทุ่ม จะได้ต่อรถไปขึ้นเรือนอนเกาะช้างได้ แต่ผิดคาดค่ะ T__T เพราะดันเจอรถที่แวะๆ จอดส่งผู้โดยสารตลอดทาง แถมรถต้องต่อคิวเติมแก๊สนานๆ อีก 2 รอบ กว่าจะถึงขนส่งตราดก็ 2 ทุ่มแล้วค่ะ
นอนตัวเมืองตราด 1 คืน
โชคดีเรามีพี่ชายอยู่ที่นั่นมารับที่ขนส่งไปหาที่พักได้ค่ะ แต่ถ้าใครไม่มี ก็มีรถมาสด้า (ที่นั่นเรียกอย่างนี้ หรือเราจะเข้าใจกว่าถ้าเรียกว่า "รถกะป๊อ") มารับ แต่คงต้องเหมานะคะ ถ้าคนน้อยต้องต่อราคากันเองเน้อ อันนี้ไม่รู้จริงๆ
พี่ชายพาเราสองคนไปเลือกโรงแรมค่ะ มีที่น่าสนใจ ในตัวเมือง ชื่อ S.A Hotel (ไม่ชัวร์เรื่องชื่อนะ) ที่นี่ดูดีนะคะ แต่ร้านรวงไกล้ๆ ปิดหมดแล้ว กับอีกที่นึง ที่เราเลือกเพราะความหิวล้วนๆ เลยค่ะ "โรงแรมเมืองตราด" ติดกับตลาดโต้รุ่ง ฝั่งตรงข้ามถนนมีเซเว่น และเดินไม่ไกล ก็เจอคิวรถที่จะไปส่งท่าเรือ (คิวรถมีถึง 1 ทุ่มนะคะ ถ้าใครมาไม่ทันก็จงหาโรงแรมนอนเหมือนเราเถิด)
โรงแรมเมืองตราด
โรงแรมเมืองตราด ตั้งอยู่ใกล้เทศบาลเมืองตราด และมีตลาดอยู่ติดกับโรงแรม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเพราะมีทั้งแหล่งอาหารและรถโดยสาร
ทางเข้าโรงแรมเข้าข้างๆ ตลาดเลยค่ะ มีป้ายหน้าโรงแรมอย่างในรูปเลย
สำหรับเราที่อยู่เชียงใหม่เมืองท่องเที่ยว และเจอที่พักถูกๆ มาเยอะมาก ถือว่าโทรมมากค่ะ แต่ก็ทำใจ เพราะตัวเลือกไม่เยอะ
ราคา โรงแรมเมืองตราด ห้องพักมี 2 type แบบห้องพัดลม คืนละ 350 บาท และห้องแอร์ คืนละ 500 บาทถ้วน ต้องวางเงินมัดจำ 200 บาท ขึ้นห้องแล้วเอาสัมภาระไปวางแล้วค่อยหาอะไรกินที่ตลาด
(รูปภาพภายในโรงแรม ดูแล้วนึกถึงบ้านอากงเลย : อันนี้เรื่องส่วนตัวละ อิอิ)
(รูปภาพภายในห้องพักค่ะ ..เอิ่ม ก็สะอาดนะ แค่เก่าเอง อยู่ได้แหล่ะ มีคนอยู่ด้วยนี่นา)
ห้องพักอย่างที่เห็นค่ะ เราเลือกห้องแอร์ 500 บาท แอร์ก็เย็นพอได้ค่ะ เสียตรงที่ติดตลาด ทั้งที่อยู่ชั้น 4 แต่ก็มีเสียงเล็ดลอดมาจากฝั่งตลาดอยู่ตลอดทั้งคืนและถึงเช้า เพราะมีตลาดเช้าด้วย
นอนอิ่ม ไปอีกคืน เติมพลังละ
เดินทางไปเกาะช้าง จาก อ.เมือง ตราด
วันนี้ตื่นแต่เช้า 6 โมงเช้า เช็คเอาท์แล้วลงมาก็พบว่าที่ตลาดเต็มไปด้วยของสด ร้านข้าวแกง และร้านอาหารที่เปิดเต็มเอี้ยด คนเยอะเต็มไปหมด เลยหาอะไรกินที่นั่นแหล่ะ ซัดเกาเหลาเลือดหมู กับ ข้าวหมูแดงกันไป รสชาติก็พอประทังชีวิตได้ค่ะ แล้วเดินทางต่อ
เมืองตราด
ออกจากซอยเดินเลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวถึงตรงหน้าเทศบาล ก็เจอคิวรถกะป๊อ เอ้ย รสมาสด้า สีฟ้าๆ เขาคิดราคาเหมา 200 บาท ไปส่งที่ท่าเรือเฟอร์รี่ พอดีไปช้าไปหน่อย เลยลืมถามว่าท่าเรือไหน (ตั้งใจจะไปอ่าวธรรมชาติ) เรือจะออกทุกต้นชั่วโมงค่ะ นี่เราไปตกลงกับลุง ปาไป 7.35 น. แล้วลุงกลัวจะไม่ทัน ไม่พูดมากละ ซิ่งเลย
ใกล้ถึงท่าเรือ เตรียมเงินไว้เลยค่ะ ค่าเรือเฟอร์รี่ไปเกาะ เที่ยวละ 80 บาท ซื้อทั้งขาไปและกลับเลย ตกคนละ 160 ขากลับจะกลับกี่โมงก็ได้ ให้มาขึ้นที่ท่าเรือเดิมเท่านั้นเอง ซื้อแล้วรถก็พาไปส่งท่าเรือเลย (ระหว่างที่กำลังคุยกับคนขายตั๋ว คุณลุงก็เร่งยิกๆ)
ถึงท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์ ที่จะไปจอด ณ แหลมงอบ ตอน 8.08 น. เจอเรือเพิ่งออกตัวไปจากฝั่งไม่เกิน 1 เมตร แหม่ มันเจ็บใจมาก T__T โอเคเราผิดเอง ก็ต้องรอค่ะ เรือจะออกอีกที 09.00 น.
ขึ้นเรือแล้ว มีร้านขนมขายด้วย มีขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก มาม่า บุหรี่ น้ำอัดลม น้ำเปล่า น้ำผลไม้ เบียร์ ไว้ขายบนเรือนะคะ
จากหมอกที่ท่าเรือ มองเห็นข้างหน้า น่าจะเป็นภูเขาหรืออะไรสักอย่าง เรือเดินไปสักครึ่งชั่วโมง เกาะช้างก็ค่อยๆ เผยตัวออกมาแหวกสายหมอก เมื่อเห็นเกาะช้างเต็มๆตา ก็ถึงแล้วค่ะ ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยต์ ณ แหลมงอบ
ต่อด้วยขึ้นแท็กซี่เกาะช้าง เป็นรถสีขาว เขียนคำว่า TAXI ตัวโตๆ ขึ้นไปเลยค่ะ แล้วบอกว่าลงที่ไหน เค้าจะไปรับคนต่อที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติแล้วพาเข้าเมืองทีเดียว
ค่ารถแท็กซี่เกาะช้าง คิดตามระยะทางไกล้ ไกล ค่ะ อย่าง ถ้าหาดทรายขาวก็ 60 คลองพร้าวไม่แน่ใจ เราไปหาดไก่แบ้ คนละ 80 บาท หาดที่ไกลออกไปราคาก็แพงขึ้นอีกหน่อยค่ะ +20 บาท ถึงหาดไหนพี่คนขับก็จะลงมาบอก หรือถ้าใครจองโรงแรมไว้แล้วเค้าก็จอดให้ตรงจุดค่ะ
บริเวณที่พัก ที่เกาะช้าง ฝั่งที่เป็นหาดทราย จะเป็นโรงแรมที่พักเรียงๆ กันไป ส่วนด้านหลัง ฝั่งที่รถวิ่ง จะเป็นร้านค้า ร้านอาหารทั้งสองฝั่งถนน เท่าที่สังเกต หาดทรายขาวจะมีที่พักเยอะที่สุด ทั้งฝั่งติดหาดและไม่ติด หาดยาวมาก คนก็เยอะมากค่ะ คลองพร้าว จะมีชุมชน มีโรงเรียน และมีโรงแรมเครือใหญ่ๆ มาเปิดที่คลองพร้าวหลายเจ้า ส่วนไก่แบ้ จะคล้าย ๆ หาดทรายขาว มีร้านค้าเยอะแยะเรียงราย ส่วนฝั่งทะเลก็มีโรงแรมเปิดเรียงๆ กัน
หาที่พัก หาดไก่แบ้ แบบ backpacker
พอรถจอด คนขับบอกถึงหาดไก่แบ้แล้ว ก็ได้เวลาจุงมือกันหาที่พักแล้วค่ะ เดินถามทีละเจ้าๆ เลยค่ะ ย่านชุมชนถูกจองจนเต็มหมด ถ้าไม่เต็ม อย่างต่ำที่เจอก็คืนละ 1500 up ซึ่งแพงกว่างบของเรา (จัดมาไม่เกิน 1000) เดินมาไกลเลย เห็นซอยนี้
เลยเสี่ยงเดินเข้าไปค่ะ ทีแรกก็กลัวว่า โอ้ยยย ท่าทางจะแพง เดินถาม 3 ที่ ก็ขั้นต่ำ 1800 แล้วค่ะ เลยเดินต่อ แล้วถามเจ้าที่ 4 แหม่มไก่แบ้ บิช รีสอร์ท
แหม่มไก่แบ้บิช รีสอร์ท
เป็นที่พักแบบบังกาโล เรีอนไทย และมีโรงแรมแยกออกมา
บังกาโล ห้องแอร์ คืนละ 1800 โรงแรม คืนละ 1900 เราฟังแล้วหน้าก็เหี่ยวค่ะ แต่พี่เค้าบอกว่า "..เดี๋ยวก่อน ตอนนี้มีห้องพัดลม สนใจมั้ยน้อง คืนละ 700" เราได้ยินปุ้ป ตาใสปิ้งงงง รีบตอบตกลงแบบทันทีทันใด 555
ได้ห้องพักเรือนไทยหลังเล็กๆ ข้างในที่พักพอดีกับเตียง 5 ฟุด ยาวออกมาด้านข้างให้วางของหน่อย แล้วมีห้องน้ำในตัว ไม่มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น มีแค่ทีวี น้ำอุ่น ก็พอละจร้า
แหม่มไก่แบ้
ชายหาดหน้าแหม่มไก่แบ้บีช รีสอร์ท สวยมาก จนเราบรรยายไม่ถูกค่ะ ถึงจะอยู่ในซอยที่ต้องเดินนิดนึง แต่ไม่ควรพลาด เป็นบริเวณหาดทรายเนื้อเนียนนุ่มเท้า ยาวหลายกิโลเมตร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ และทั้งหมด ยกเว้นเราสองคน ไม่ใช่คนไทย เพราะฉะนั้นจะเห็นแต่บิกินี่ๆๆ และคนอาบแดดอยู่ ตลอดทาง แต่สงบดีมากค่ะ ทะเลบริเวณนั้นไม่ลึกเลย แค่เอว น้ำทะเลสีฟ้า กับทรายสีขาวๆ เดินไปสุดหูสุดตาก็ไม่ลึกสักที คนน้อยๆ เล่นน้ำใสๆ ได้อย่างสะใจจนเหนื่อยแฮ่ก บริเวณนี้จะมีพวกกอสาหร่ายรวมตัวกันอยู่เยอะค่ะ ก็หลีกๆ เลี่ยงๆ สักหน่อย
กิจกรรมทางน้ำส่วนใหญ่นิยมล่องเรือไปดำน้ำดูปะการังกัน เราเลือกจะเล่นน้ำอยู่ไกล้ๆ ดูผู้คนเดินไปมา ที่นี่ไม่มีบานาน่า โบ้ท หรือห่วงยางให้เช่า บริการเหมือนหาดยอดนิยม คงเพราะน้ำตื้นมาก (แค่เอว ยาวไปตลอดชายหาด) แต่มีบริการที่น่ารักมากคือ ขี่น้องช้างเล่นน้ำค่ะ น่ารักสุดๆ เขาจะให้นักท่องเที่ยวขี่หลังช้างเด็ก แล้วเล่นน้ำกัน ช้างก็รู้งาน เดี๋ยวก็ดำลำงน้ำให้คนตกหลัง เดี๋ยวก็เล่นกัน อุ้มคนขึ้น ใครดูก็น่ารักน่าชังมากค่ะ เป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ เพราะตอนจะไปถามก็ไม่เจอ
เราเล่นน้ำแล้วสำรวจหาดไปเรื่อยๆ ค่ะ พบว่ามีหลายรีสอร์ที่ตั้งเรียงราย ส่วนใหญ่ก็เป็นบังกะโล เน้นรูปแบบธรรมชาติ ไม่ได้ถ่ายรูปนะคะ เพราะเล่นว่ายน้ำไปดูวิวไป ฟินมากค่ะ ตั้งใจไว้ว่าจะทำรีวิว แต่ลืมถ่ายรูปเลยค่ะ มัวแต่เก็บความงามไว้กับตาแลใจ แต่ถ่ายออกมาไม่กี่รูปเอง
กลับมานอนแผ่พุงอ่านหนังสือที่ริมหาด รีสอร์ทก็มีเก้าอี้อาบแดดไว้บริการ และมีชิงช้าไว้ให้โยกเล่นค่ะ หลังจากอาบน้ำแล้วเราเลยเลือกอ่านหนังสือแล้วดูวิวไปเรื่อยๆ รอจนค่ำ
เรื่องอาหารการกินที่หาดไก่แบ้ จากรีสอร์ทเดินกลับเข้าไปย่านร้านค้า มีร้านอาหารน่าทานให้เลือกเยอะเลยค่ะ ทั้งร้านอาหารไทย อาหารฝรั่ง ติดที่ว่างบน้อยเนี่ยสิ จัดงบมาไม่เกิน 700 ถ้าเข้าร้านอาหารไทย กินอาหารทะเลก็ปาไปจานละ 250 เป็นอย่างต่ำค่ะ เลยเลือกเดินดูเรื่อยๆ ..แล้วมาเจอร้านนี้เลย ร้านกุ้งกระทะ โอววว ช่วยชีวิตอิชั้นมาก
ร้านนี้เดินมาไกลหน่อยค่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับโลตัส ที่ร้านมีทั้งคนไทย คนต่างชาติมาทานอาหาร มีพนักงานทั้งคนไทย คนงานประเทศเพื่อนบ้าน และ PR ร้านที่เป็นฝรั่งอีกตะหาก
อาหารการกินเปรมมากค่ะ ทั้งอาหารมาตรฐานร้านหมูกระทะ ความสดก็ระดับในเมือง ไม่ต่างกันค่ะ อาหารทะเล มีทั้งปลาหมึก (เป็นหมึกเนื้อหนาๆ ยาวๆ เรียกว่าหมึกหอม? เนื้อไม่เหนียวนะคะ เอามาย่างแล้วกำลังดี) กุ้งตัวใหญ่สะใจค่ะ และอาหารทอด ข้าวผัด ของหวาน ผลไม้ ได้มาตรฐานเหมือนในเมืองเป๊ะ ราคา 199 บาทไม่รวมน้ำ สบายกระเป๋าถูกอกถูกใจคร่า
อิ่มแล้วก็เลยเดินกลับที่พัก ระหว่างทางก็ไปเดินเล่นริมทะเล ที่ริมทะเลไม่มีเสียงอึกทึกจากผับบาร์มารบกวน เงียบสงบ มองไปก็มืดสนิท เห็นเพียงแสงรำไรของเรือหาปลา และดาวบนฟ้าเท่านั้น เรานั่งเล่นกันที่โต๊ะมองดูอยู่นาน ไม่ได้ลงไปริมหาดเพราะป็นช่วงน้ำขึ้น แล้วก็กลับที่พักค่ะ
เช้ามาตื่น 8.00 น. แล้วเช็คเอาท์ เพราะอยากไปท่าเรือก่อน 10 โมง แวะซื้อข้าวกล่องกับมาม่ามาทานหน้าเซเว่น แล้วโบกรถ Taxi ให้พี่เขาไปส่งท่าเรือที่เรามา (เซ็นเตอร์พอยต์) ค่าโดยสาร 80 บาท ไปถึงท่าเรือ คราวนี้เราไม่ต้องซื้อตั๋วเพราะซื้อไว้ตอนขามาแล้ว (ได้ข่าวว่าซื้อทีหลังจะแพงกว่า) ขึ้นเรือได้เลยไม่ต้องบอกกล่าวใคร ขากลับเขาจะตรวจตั๋วค่อยให้เขาดูค่ะ
รูปจากบนเรือ มองดูข้างเรือดีๆ เจอหอยเม่นด้วยค่ะ
แล้วเกาะช้างก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา ไปซ่อนตัวอยู่ในเงาหมอกอีกครั้ง
ถึงท่าเรือ ก็มีรถมาสด้าสีฟ้ามารับ บอกเขาไปส่งที่ขนส่ง ค่าเดินทาง 60 บาททุกคนทั้งไทย ฝรั่ง เห็นฝรั่งแอบมีต่อด้วยแฮะ สงสัยไม่ไว้ใจ
กลับ กทม. ด้วยรถตู้เหมือนเดิม ค่าโดยสาร 270 บาท ลงอนุสาวรีย์ แวะเติมแก๊ส 2 ที่แต่ไม่เสียเวลาเหมือนเมื่อวาน ถึง กทม. 4 โมงเย็น แวะทานข้าว แล้วต่อ Taxi กลับเชียงใหม่ทันไฟลท์ 1 ทุ่มหายห่วงจร้า