ดอยอ่างขาง เที่ยวชมความงามไร่สตรอเบอรี่ สัมผัสอากาศเย็นๆ บนดอย

ดอยอ่างขาง

 

ทริปนี้เกิดจากความละอายใจส่วนตัว เนื่องจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วไปเชียงใหม่ปีละ 2 ครั้ง แต่ไม่เคยไปขึ้นดอยไหนแบบนอนค้างคืนสักที เลยเกิดแรงฮึดขึ้นมาว่า เอาหล่ะ ถึงเวลาโบกมือลาตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขึ้น "ดอยอ่างขาง" สักที

ความเป็นมาของ สถานีเกษตรหลวงอ่างขางถือกำเนิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2512 เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ทางเฮลิคอปเตอร์ ผ่านยอดดอยอ่างขางแห่งนี้ และทอดพระเนตรลงมาเห็นกลุ่มบ้านเรือนดูคล้ายชุมชน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมา ได้ทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ จึงทรงมีพระราชดำรัสที่จะเปลี่ยนทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร พร้อมกับริเริ่มสร้างโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณดอยอ่างขางใกล้เคียง นักท่องเที่ยวสามารถยังสามารถเลือกซื้อผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูกในโครงการหลวงฯ และชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาวได้ด้วย และภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีที่พักให้บริการ และกิจกรรมมากมายให้ได้ทำอีกด้วย (อ้างอิง : การท่องเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย)

การเดินทางไปดอยอ่างขาง

การเดินทางไปดอยอ่างขางโดยรถยนต์ส่วนตัว : ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ตลาดแม่ข่า เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สูงและคดเคี้ยว ต้องใช้รถสภาพดีและมีกำลังสูง คนขับชำนาญ

การเดินทางไปดอยอ่างขางโดยรถประจำทาง : เช่ารถสองแถวได้ที่ตลาดแม่ข่า รถประจำทาง จากอาเขตช้างเผือก นั่งรถสายเชียงใหม่-ฝาง, เชียงใหม่-ท่าตอน, เชียงใหม่-แม่อาย มาลงหน้าทางขึ้นดอยอ่างขาง แล้วต่อรถสองแถวอีก 25 กิโลเมตร

เช้าวันเดินทาง เราก็ไปที่สถานีขนส่งช้างเผือก เพื่อขึ้นรถตู้เชียงใหม่ - ฝาง ได้รอบ 9 โมงเช้าพอดี ค่าตั๋ว 150 บาท มีบัตรเข้าห้องน้ำ บัตรรับน้ำ 1 ขวด ตอนแวะพักที่ อ.เชียงดาว ให้ด้วย นั่งมึนๆ ง่วงๆ ไป 3 ชั่วโมง ก็ถึงวัดหาดสำราญ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง

สถานีขนส่งช้างเผือก

จากนั้นก็เดินเข้าวัด ไปเจอพี่ๆ วินสองแถวสีขาวขึ้นดอย ตามสเต็ปที่เคยอ่านรีวิวเจอมา ราคาเหมา 1,400 บาท ถ้าจะไปดูพระอาทิตย์ ชมไร่สตรอเบอรี่ บลาๆๆๆๆ ก็ 1,900 บาท ณ จุดนั้นเป็นลมแป๊ป ขอเดินไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ รอคนมาหารด้วยดีกว่า โชคดีที่หลังจากนั้นสักพักใหญ่ มี 2 สาวน่ารักจากจังหวัดระยอง มาช่วยหารค่ารถด้วย ไม่งั้นวันนี้คงไม่ได้ไปไหนแน่ๆ

จุดกางเต็นท์

ทางขึ้นดอยอ่างขาง ก็โหดสมค่ารถมากค่ะ นั่งไปประมาณ 45 นาที พี่คนขับก็จอดตรงจุดกางเต็นท์ ให้ 2 สาวไปลงทะเบียนจองที่นอนไว้ก่อน จากนั้นก็พาพวกเราไปที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ค่าเข้าชม คนละ 50 บาท ใครชอบถ่ายรูปดอกไม้ พูดเลยว่าฟินมาก หากใครสนใจที่พักของสถานีเกษตรอ่างขางสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ Angkhangstation ซึ่งมีตั้งแต่บ้านพักเป็นหลังไปจนกระทั่งเต๊นท์

สถานีเกษตรหลวง ดอยอ่างขาง

ส่วนไฮไลท์ของเรา "สวนบ๊วย" ก็สีเขียวสวยสดใส ข้างทางใกล้ๆ กัน ก็มีดอกนางพญาเสือโคร่ง โชคดีมากที่ยังเหลือให้ได้ดูด้วยนะ ถึงจะเหลือนิดเดียวก็เถอะ

ภายใน สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง กว้างมาก กว่าจะแวะแต่ละจุด กว่าจะถ่ายรูปเสร็จ พี่คนขับก็แวะส่งเราลงที่พักในตอนที่ฟ้ามืดแล้ว แอบถามเค้าว่าส่งพวกเราเสร็จแล้วจะขับรถลงดอยมั้ย ก็ได้ความว่า จะค้างคืนบนนี้เลย เพราะไม่คุ้มค่าน้ำมัน

สวนบ๊วย ดอยอ่างขาง

พอตอนเช้า 6 โมงเป๊ะ พี่คนขับรถก็มารอหน้ารีสอร์ทหล่ะ หนาวมาก กอไก่ล้านตัว ก่อนจะซิ่งไปรับ 2 สาวที่จุดกางเต็นท์ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านขอบด้ง ซึ่งช่วงที่รอให้สว่าง พวกเราก็นั่งกินปาท่องโก๋ที่ร้านโจ๊ก ชา กาแฟ หมั่นโถว ไปเบาๆ

จากนั้นก็ไปต่อที่ไร่สตรอเบอรี่ บ้านนอแล บอกตรงๆ ตรงนี้พระอาทิตย์ขึ้นสวยกว่าจุดชมวิวอีก แต่กล้องจากโทรศัพท์ iPhone 4S ของเราก็กากเกินจะถ่ายทอดความงามของมันออกมาได้ทั้งหมด

ปิดท้ายทริปด้วยการไปฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ซึ่งจากจุดนี้ชายแดนพม่าอยู่ใกล้แค่ขอบรั้วกั้น เห็นธงของเมียนมาร์ปลิวไสวอยู่ลิบๆ

จากนั้นพี่คนขับรถสองแถว ก็บึ่งพาพวกเรามาส่งที่วัดหาดสำราญในตอนเกือบ 10 โมงเช้า เสียดายที่เค้าไม่ยอมไปจุดชมวิวม่อนสน อย่างที่ตกลงกับเราไว้เมื่อวาน (อันนี้เคืองนิดหน่อย) พอจ่ายเงินเสร็จ ก็ข้ามถนนมารอรถบัสสีส้มคันใหญ่เข้าเชียงใหม่ ค่าเสียหาย 75 บาท ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ก็ถึงขนส่งช้างเผือก แต่แอบงงเบาๆ ทำไมเวลาเดินทางเท่ารถตู้

เราโบกมือลา 2 สาวน่ารัก จากจังหวัดระยอง ที่ย่านนิมมานเหมินทร์ ก่อนแบกกระเป๋าหนักๆ ไปหาที่กินข้าว กินขนม รอเวลาขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ จบทริปเที่ยวคนเดียว (อีกแล้ว) ไปอีกครั้ง...

แนะนำ : 10 ของอร่อยย่านถนนนิมมาน ไม่ไปลองถือว่าพลาด!!