Mini Review เที่ยวหาดใหญ่ กรุงเทพฯ อยุธยา ทำได้ไง
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางคือการได้ไปในสถานที่ๆ แปลกใหม่ ไม่ซ้ำเดิม เช่นเดียวกับคุณ สมาชิกหมายเลข 1534292 จากเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม ที่ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวหาดใหญ่ กรุงเทพฯ และอยุธยาแบบที่แทบจะใช้บริการการเดินทางครบทุกประเภท อ่านรีวิวการเดินทางของเขาแล้วก็สนุกดี น่าเดินทางตามมากๆ เลยค่ะ
สวัสดีครับ นี่เป็น Review แรกของผมนะครับ อาจจะใช้ภาษาตะกุกตะกักไปบ้าง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (มือใหม่หัด Review) มาเริ่มกันเลยนะครับ ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ครับ ซึ่งผมไปธุระที่กรุงเทพ เลยถือโอกาสไปเที่ยวเมืองมรดกโลก นั่งรถไฟเล่น การเดินทางใช้เวลาเพียง 2 วัน เริ่มแรกเดินทางจากหาดใหญ่โดยเครื่องบินเที่ยวเช้าสุด ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ และจากความตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องนั่งรถไฟ ชิล ชิล ไป จึงหาวิธีไปขึ้นรถไฟโดยการนั่งรถฟรีของสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสนามบินดอนเมือง (ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่จองเครื่องลงดอนเมือง) เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองก็สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปยังสถานีรถไฟได้เลย (นั่งรถฟรี ทริคประหยัดตังค์ อิอิ) อ่อ…บริการระหว่างสนามบินมีทุกวัน แต่เจ้าหน้าที่จะขอดู Boarding Pass ย้ำว่าฟรี (ติดมาจากรายการ หนังพาไป)
รถไฟที่วิ่งผ่านอยุธยา มีตลอดทั้งวันซึ่งขบวนที่ผมนั่งเป็นรถฟรี
จากสถานีดอนเมือง - สถานีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยขบวนรถไฟเพื่อสังคมหรือรถไฟฟรีนั่นเอง ผมมาถึงอยุธยา บ่ายโมงกว่าๆ ก็ทำการหาโรงแรมเพื่อ Check-in ซึ่งผมได้จองไว้แล้ว โรงแรมที่ผมพักคือ Phrakhun House
มาเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์กันเลยดีกว่า ผมได้ศึกษาข้อมูลคร่าวๆ มาบ้างแล้วเกี่ยวกับเมืองเก่าสมัยอยุธยา เมื่อเรียนทฤษฎีแล้วก็ต้องมาถึงเวลาภาคปฎิบัติบ้าง ลุยกันเลย ผมเหลือเวลาอีกครึ่งวันกับการเที่ยวอยุธยาเก็บเกี่ยวความรู้กับประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยผมเช่าจักรยาน ปั่นชิล ชิล ซึ่งทางโรงแรมจะจัดไว้ให้ สารถบอกไว้ได้ตอนจองโรงแรม ราคา 50 บาท/วัน
ปั่น ปั่น จักรยานไปไม่ไกลจากโรงแรมก็มาถึง วัดมหาธาตุ
เจอนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นชวนคุย ได้แต่ยิ้มกับพยักหน้า ภาษาต่างประเทศไม่กระดิกเลย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยมีน้อยมากผมอาจจะเป็น 1% ในวัดนี้ก็ได้ อ่อสำหรับค่าเข้าชมจ่ายครั้งละ 10 บาท/วัด สำหรับคนไทย
วัดมหาธาตุ
ผมว่าวัดนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่มาก ใช้เวลาเดินอยู่พักใหญ่กว่าจะเดินรอบ ผมเดินไปก็นานแล้วยังไม่เจอนักท่องเที่ยวคนไทยเลย เดินวนๆ อยู่ก็ยังเจอคุณตาคุณยายชาวญี่ปุ่นอยู่ ผมได้แต่ส่งยิ้มให้เป็นระยะ
วัดมหาธาตุ
สิ่งที่ห้ามพลาดคือ เศียรพระ หน้าวิหารเล็ก ดูมหัศจรรย์มาก
ข้ามถนนไปก็เจอ วัดราชบูรณะ ซึ่งอยู่ใกล้กัน ขนาดของวัดก็น่าจะมีความใกล้เคียงกับวัดมหาธาตุ
วัดราชบูรณะ
ปั่น ปั่น จักรยานออกไปเรื่อยๆ ผ่านวัดเล็กวันน้อยไปหลายวัด แวะบ้างไม่แวะบ้างเพราะวัดเยอะมาก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะเจ้าสมาร์ทโฟนตัวน้อยแบตเตอรี่เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว ปั่นวกไปวนมาถามทางไปเรื่อยๆ ก็มาถึงวิหารพระมงคลบพิตร และวัดพระศรีสรรเพชญ์
วิหารพระมงคลบพิตร
วัดพระศรีสรรเพชญ์
เห็นโมเดลแล้วขนลุก ถ้าวัดนี้ยังคงสภาพเดิมอยู่คงยิ่งใหญ่มาก
วัดพระศรีสรรเพชญ์
เดินถ่ายรูปเก็บข้อมูลจนพอใจ ก็มานั่งพักหน้าวัดลมเย็นๆ แต่แดดแรง นั่งดูนักท่องเที่ยวขี่ช้างเดินเที่ยว พักจนหายเหนื่อยก็ลุ่ยต่อ วัดต่อไปคือวัดพระราม อยู่ห่างจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ สักประมาณ 200 เมตร
วัดพระราม
มาต่อครับ หลังจากแอบหายไป ^^
หลักจากผมเดินวนๆ ถ่ายๆ รูป ก็นั่งที่วัดพระรามพักใหญ่เพราะเหนื่อยมาก เป็นการปั่นจักรยานที่ใช้เส้นทางยาวมากและปั่นตอนบ่าย กลางแดดร้อนๆ ผมนั่งที่วัดนี้ ณ ตอนนั้นเวลา 4 โมงครึ่งแล้ว อ่อวัดที่เปิดให้เข้าชมจะปิดทำการเวลา 5 โมงเย็นนะครับ ตอนนั้นผมว่าจะไปวัดใหญ่ชัยมงคลต่อ โดยเหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงกับระยะทาง 5 กิโลเมตร ตอนปั่นไปคือตั้งใจจะไปวัดใหญ่ชัยมงคล แต่ด้วยความล้า และเหนื่อยมาทั้งวัน สู้ไม่ไหวเลยเปลี่ยนใจไปตลาดน้ำอโยธยาเลย ตามแผนคือจะมาแวะตอนกลับ
เดินเที่ยวตลาดน้ำด้วยความเหนื่อยล้า เดินที่ตลาดน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เริ่มจะค่ำแล้วเลยรีบกลับเพราะปั่นจักรยานมา
ไม่ถึง 5 นาที ผมก็มาถึงโรงแรมพร้อมกับเสียสตางค์ 100 บาท ค่าเหมารถตุ๊ก ตุ๊ก (ตุ๊ก ตุ๊ก 3 ล้อ ไม่รู้ว่าที่นั่นเค้าเรียกตุ๊ก ตุ๊ก หรือเปล่า) ยอมรับว่าผมปั่นกลับไม่ไหว จริงๆ หมดแรง เหนื่อยๆ
กลับมาถึงโรงแรม ก็เอาของไปเก็บแล้วรีบวิ่งลงมาหาอะไรกินเพราะหิวมาก ที่ด้านล่างของโรงแรมจะเป็นร้านอาหาร ซึ่งร้าน Design สวยอยู่ เหมาะแก่การนั่งชิล ชิล มาถึงก็สั่งๆ เลยหิวจัด พี่ๆ เจ้าของร้าน 2 คน น่ารักมากเป็นกันเอง มีแซวด้วยว่า...ทำไม่เอาจักรยานใส่รถมา ชวนคุยเยอะแยะ เป็นกันเองดี ได้น้ำปั่นมาแล้วรีบกินจนลมถ่ายรูป แก้วน้ำน่ารักดี ออกแบบเป็นอักลักษณ์ของร้านแนววัยรุ่นหน่อยๆ อ่อ...ที่ผมพักนี้เป็นเกสต์เฮาส์นะครับห้องน้ำรวม แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรในห้องพักสบาย มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ครบ (พระคุณเกสต์เฮาส์)
สำหรับคนที่พักที่นี่ถ้าทานอาหารในร้านจะลด 10% นะครับ
หลังจากทานข้าวเสร็จผมขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเพื่อรอเวลา สัก 2 ทุ่มครึ่ง ว่าจะไปเดินตลาดวอคกิ้งสตรีท อะไรสักอย่างนี้แหละอยู่ไม่ไกลจากที่พัก พี่เจ้าของร้านบอกมาว่าไปเดินชิล ชิลได้ ทำไปทำมา ตื่นมาอีกทีเที่ยงคืนกว่า คร่อกฟี้ อดเดินเลย (หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้) ตื่นมาก็มานั่งจัดกระเป๋าเพราะตอนเช้าต้องรีบกลับไปกรุงเทพ
บอกเลยการตื่นเช้าเป็นอะไรที่ทำยากมาก ตื่นสายซะงั้นกะว่าไปถึงสถานีรถไฟสัก 8 โมง แต่...9 โมงแล้วเพิ่งตื่น เริ่มลังเลว่าจะนั่งรถตู้ไปกรุงเทพไหม แต่ตั้งใจมาแล้วว่าจะนั่งรถไฟ เลยยังเลือกนั่งรถไฟฟรีไปกรุงเทพ
ปล.อยากบอกว่าถ้ารีบห้ามขึ้นรถไฟ เพราะขบวนที่ผมขึ้นประกาศเข้าสถานีช้า 20 นาที นั่งปาดเหงื่อเลยครับ แต่..ไม่เป็นไร ความชิลมันมีมากกว่า
มาถึงกรุงเทพ ผมก็รีบทำธุรส่วนตัว เสร็จประมาณบ่าย 2 และแล้วเวลาก็เหลือตรงตามแผน ถ้าเวลาเหลือผมว่าจะไปดูนิทรรศการ NASA A HUMAN ADVENTURE THE EXHIBITION ไม่รอช้าก็ไปกันเลย อ่อค่าบัตรแพงมากแต่ไม่ใช่ปัญหาได้ศึกษารายละเอียดมา จะมีโปรโมชั่นและส่วนลดอยู่ตามกรณีของบริษัทที่เข้าร่วม ผมใช้เลขสมาชิกลูกค้าการบินไทย ซึ่งลดเหลือ 250 บาท ได้บัตรแล้วไปลุยอวกาศกันเลย
นิทรรศการมีหลายส่วนเดินไปเรื่อยๆ จะมีเครื่อง iPod ไว้กดเลขตามสถานที่ที่เราเดินเข้าชม ซึ่งเป็นนิทรรศการที่ให้ความรู้มากและสามารถเสริมสร้างจินตนาการสุดๆ ไปเลย ไปเอาข้อมูลมาแนบให้นิดนึง อธิบายเองไม่เก่ง ให้ Credit (www.thaiticketmajor.com)
โซนที่ 1 Gantry โซนทางเข้า โดยเลียนแบบทางเข้าสู่จรวด Saturn V อันทรงพลังที่ไปยังดวงจันทร์
โซนที่ 2 Dreamers เป็นโซนที่กล่าวถึงความฝันของมนุษย์ที่ต้องการศึกษาท้องฟ้าและดาราศาสตร์ และทุ่มเทชีวิตเพื่อแสวงหาวิธีการต่าง ๆ ในการสร้างฝันให้เป็นจริง กระทั่งมนุษย์สามารถเอาชนะแรงโน้มถ่วงด้วยการสร้างนวัตกรรมและออกไปสู่นอกโลกและเดินทางไปถึงดวงจันทร์ได้สำเร็จ
โซนที่ 3 Go Fever กล่าวถึงการที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้องเดินทางไปพร้อมกับบริบททางสังคมและประวัติศาสตร์ โดยในที่นี้ โครงการอวกาศเลยกลายมาเป็นประเด็นที่ประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต เคยใช้มาเป็นประเด็นในการแข่งขันเพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าใครก้าวหน้ามากกว่ากัน
โซนที่ 4 Pioneers กล่าวถึง การที่ผู้บุกเบิกค้นคิดนวัตกรรมครั้งประวัติศาสตร์ในการสร้างจรวดที่ทรงพลังที่สุดของโลกกระทั่งปัจจุบัน นั่นคือ Saturn V ที่สามารถเดินทางไปดวงจันทร์ได้สำเร็จ
โซนที่ 5 Endurance กล่าวถึงความมานะอดทนและนวัตกรรมการดำรงชีวิตของมนุษย์อวกาศ ตั้งแต่ การแต่งตัว อาหารการกิน และ ชีวิตประจำวันทั่วไป
โซนที่ 6 Innovation กล่าวถึง นวัตกรรมในอวกาศและโครงการสำรวจอวกาศต่าง ๆ รวมถึงนวัตกรรมอวกาศที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป
โซนที่ 7 Thai Innovation เป็นโซนที่รวบรวมนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับอวกาศของประเทศไทยมาจัดแสดง โดยนิทรรศการในส่วนนี้ได้รับความร่วมมือจาก ไทยคมและสำนักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ
GISTDA ที่จะนำอุปกรณ์ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศมาจัดแสดงร่วมอีกด้วย
ครับเป็นการเสร็จสิ้น MiNi Review การเดินทางระยะเวลาสั้นๆ (2 วัน) กับการมาทำธุระและแอบหนีเที่ยว ^^ แต่ใช้เวลาเขียน Review นานมาก
สิ่งที่อยากฝากไว้ อยากให้คนไทยทุกคนไปเที่ยวอยุธยาสักครั้งและอยากให้โรงเรียนทุกโรงเรียนนำเด็กๆ ไปเจอกับสถานที่จริง ผมรับรองว่าจะได้อะไรมากกว่าในห้องเรียนแน่ๆ
"เพราะชีวิตคือการเดินทาง" เปิดตา เปิดใจ แล้วจะ...เห็นอะไรมากขึ้น เจอกันใหม่ Review หน้านะครับ หมายเหตุ:ถ้าว่างนะ
อัลบั้มภาพ 55 ภาพ