ชีวิตช้าๆ ที่วังเวียง
ทริปนี้เดินทางคนเดียว ได้ตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่น 0 บาท จ่ายแค่ค่าภาษีสนามบิน กับ ค่าธรรมเนียมการจอง เบ็ดเสร็จตั๋วใบนี้ตกขาละ 170 บาท กับ วันหยุด 3 วัน บินไปลงอุดรธานี ถึงสนามบินอุดร ต่อรถจากสนามบินไปขนส่งเก่าอุดร แล้วจัดการจองรถเพื่อไปลงเวียงจันทน์ จากเวียงจันทน์ต่อรถไปวังเวียง ตั้งใจมาพักผ่อน พักร้อน ค่อยๆไป ค่อยเดินทาง ค่อยๆเที่ยว เดินทางตั้งแต่แต่เช้า ต่อเครื่องต่อรถ จนมาถึงวังเวียงตอนเย็น เรียกได้ว่า นั่งรถกันเมื่อยเลย เริ่มคิดในใจ เป็นทริปพักผ่อนของเราจริงรึเปล่า หรือเป็นทริปฝึกความอดทนกันแน่ แต่ก็ได้เห็นอะไรข้างทางตลอดทาง ก็นับว่าสนุกดี
เช้าวันที่ 2 นี้ตื่นแต่เช้า เพื่อถ่ายวิวในเมืองวังเวียง ดีที่เมื่อคืน มาพักเกสเฮ้าของบุญแต่งเกสเฮ้า แล้วเค้ามีตึก 4 ชั้น ที่ทำเป็นดอม ก็เลยขอขึ้นไปถ่ายวิวข้างบน
วันนี้ ตั้งใจจะไปลอยห่วงยาง ถามคนลาวว่าเค้าไปลอยกันตอนไหน คนลาวบอกว่า บ่ายโมงกำลังดี ฝรั่งก็ไปลอยเวลานี้กัน เราลืมไปว่าเราไม่ใช่ฝรั่ง สีผิวดูดแดด ตัดสินใจผิดออกไปตอนบ่ายตามที่คนลาวแนะนำ ปรากฏว่า ผิวเข้มหนักกว่าเดิม และการลอยห่วงช่วงบ่ายนั้น สาหัสมาก แดดแรงมาก ดูดพลังไปหมดเลย กว่าจะลอยถึงตำแหน่งที่ต้องขึ้นจากน้ำ ก็ใช้เวลาไป 3ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงทางขึ้น แทบเป็นลมแดด ผิวไหม้ หมดแรง
ค่าลอยห่วงยางนั้น ราคา 55,000 กีบ ค่ามัดจำห่วงยาง 60,000กีบ มีรถไปส่งถึงตำแหน่งที่ปล่อยห่วงยาว แต่ตอนกลับ ต้องไปส่งที่ร้านเอง จะกลับตอนไหนก็ได้ แต่ต้องก่อน 6 โมงเย็น ถ้ามาหลัง 6 โมงเย็น จะต้องเสียเงินเพิ่ม โดยหักจากค่ามัดจำนั่นเอง
ตอนแรกฉันคิดว่า ลอยห่วงคงง่าย ลอยไปเรื่อย ๆ ชมวิว แต่ฉันกำลังคิดผิด บางช่วงน้ำไหลนิ่งมาก ห่วงยางไม่ลอย นั่งสงบ ทั้งมือโบก เอารองเท้ามาโบกเป็นไม้พายจนเหนื่อย ครั้นจะแวะขึ้นร้านข้างทางก็มีแต่ร้านเหล้าทั้งนั้น คิดว่า จะไปหาร้านข้างหน้า ปรากฏว่าร้านที่คอยดักนักท่องเที่ยว มีแค่ช่วงแรกๆทั้งนั้น ถามว่าขายข้าวไหม ไม่มี มีแต่ร้านเหล้า เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ กลางๆทางมีแต่ป่า วัด ถ้าใครคิดจะไปลอยห่วงควรออกเย็นๆเลย ถ้าไม่อยากเปลี่ยนสีผิว หรือไปพายเรือคายัคแทน ฉันว่าน่าจะสนุกกว่าการลอยห่วงนะ ยิ่งมาคนเดียว ลอยคนเดียวมันไม่สนุกเลยแฮะ มาหลายคนน่าจะสนุกมากกว่า
หลังจากจบการลอยห่วง ฉันรีบกลับเกสเฮ้าอาบน้ำ และออกไปหาข้าวอบแพะ ที่ร้านนาซิมเพิ่มพลัง หลังจากเจอแดดดูดพลังไปหมดแล้ว
ข้าวหมกแพะ มีคนแนะนำไว้ว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อร่อยมาก จนบอกต่อๆกันมา ร้านนาซิม มี 2 ร้านที่วังเวียง ร้านที่ไปกินนี้ อยู่ตรงปากซอย 5 ตรงที่รถจากเวียงจันทน์มาปล่อย ร้านนาซิมอีกร้านเป็นร้านอาหารและที่พักอยู่ด้วยกัน ถ้าได้ไปเที่ยววังเวียง ต้องลองไปทานกันนะคะ
กินของคาวเสร็จ มาต่อของหวานใกล้ๆปากซอยกลับบังกะโล ตั้งใจชิมโรตีกล้วย มีหลายร้านให้เลือก
ลืมบอกไป คืนนี้เปลี่ยนที่นอนริมน้ำซอง ชื่อที่พัก บังกะโล ออเทอไซค์ ห้องพัก เป็นห้องพัดลม ห้องน้ำในตัว ราคาห้องพัก 400 บาทต่อคืน ช่วงที่มา อากาศตอนกลางคืนเย็นๆ ลมพัดตึงๆทั้งคืน สบายมาก
หน้าที่พัก มีศาลาให้นั่งชมวิว มีโต๊ะที่ฝรั่งนิยมมานอนตากแดดกันริมน้ำซอง
พรุ้งนี้เช้าต้องกลับบ้านแล้ว จองรถอินเตอร์บัสไว้ นั่งจากวังเวียง ส่งถึงอุดรเลย รถหวานเย็นจริง ๆ รถมารับไปส่งขนส่งอีกทีตอน 8.30 น. จริงๆ ตามกำหนด รถต้องออก 9โมง แต่ปรากฏว่า รถออก เกือบ 11 โมงเห็นจะได้ กว่าจะถึงอุดรก็ เกือบ 5 โมงเย็น ใครที่คิดจะมาเที่ยววังเวียง แล้วต่อเครื่องกลับ ต้องเผื่อเวลามาก ๆ ฉันจองเครื่องบินไว้ กลับ 4 ทุ่มเลยมีเวลาอีกหลายชั่วโมงเลย เลยตัดสินใจไปเดินห้างเซนทรัลอุดร ก่อน แล้วดูหนังอีกซักเรื่องฆ่าเวลา ก่อนเรียก 3 ล้อให้ไปส่งที่สนามบิน แล้วก็ทริปนี้ก็จบอย่างช้า ช้า เหนื่อย เหนื่อย เรื่อย เรื่อย
ค่าใช้จ่ายทริปนี้ ประมาณ 3,500 บาท แพงไปนิดหน่อย เพราะว่า อาหารลาวแพง วัตถุดิบนำเข้าจากไทยหลายอย่าง ประกอบกับ ไปช่วงที่ทัวร์เกาหลีลงที่วังเวียง ทุกอย่างก็เลยปรับราคาขึ้นตามไปด้วย ถ้าไปหลายคนน่าจะถูกกว่านี้ ไว้หาเวลาไปสัมผัสวังเวียงอีกครั้งพร้อมกับเพื่อนๆ น่าจะสนุกและราคาถูกลงกว่านี้
เอื้อเฟื้อเรื่องราวและภาพถ่าย นางสาวสุจิตรา เชาว์ดี
เว็บไซค์ https://www.facebook.com/sujitrach
เพจตะลอนเที่ยวไปกับตาล https://www.facebook.com/438192926268514