เที่ยวเพลินร้อยเอ็ด เมืองน่ารัก ไปแล้วฮักหลายเด้อ
ซัมเมอร์แล้วจะไปเที่ยวทีไหนดีนะ หลยคนคงวางแผนจะไปเที่ยวอย่างเกาะล้าน เกาะช้าง พัทยา หัวหิน สมุย หรือทะเลใกล้ๆ กรุงอีกหลายแห่ง ที่ลิสต์รายชื่อกันไว้เป็นหางว่าว แต่ไปเปลี่ยนทะเลช่วงนี้คนก็เยอะ ที่พักก็เต็ม เป็นอะไรคิดๆ แล้วก็รู้สึกอ่อนเพลียละเหี่ยใจขึ้นมาทันที
สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเจอประสบการณ์การเดินทางแบบ...แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว เบียดเสียดผู้คนให้เหน็ดเหนื่อยหัวใจ และชอบการเที่ยวชิลล์ๆ สบาย ไม่เร่งรีบ เราจะขอพาเพื่อนไปเปลี่ยนบรรยากาศจากการท่องเที่ยวริมทะเล ไปตะลุยแดนดินถิ่นอีสาน แวะสัมผัส และเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับวิชา 101
เอ้าๆ! หนึ่งศูนย์หนึ่ง งงกันเป็นไก่ตาแตกเลยล่ะสิ ไม่ไช่วิชาพื้นฐานที่เราเรียนสมัยมัธยมนะ แต่เป็นชื่อจังหวัดร้อยเอ็ด เมืองเกินร้อยสุดน่ารักแทนกันยังไงล่ะ
แต่ก่อนการไปเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ดดูเหมือนเป็นเรื่องลำบากยากเย็นของนักเดินทางที่ต้องนั่งรถทัวร์ยาวนานนับสิบชั่วโมง หรือถ้าขับรถไปเองก็อาจจะไวขึ้นมาอีกหน่อย
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย และ คุณสมฤดี ชาญชัย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด
แต่เดี๋ยวนี้การไปเที่ยวร้อยเอ็ดเป็นเรื่องง้ายง่ายกว่าที่เราคิดไว้ เพราะตอนนี้สายการบินแอร์เอเชีย เขามีให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด 2 เที่ยวบินต่อวัน ทุกวัน เลยทำให้การเดินทางมาเยือนเมืองร้อยเอ็ดใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ แถมยังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการพักผ่อนแบบไม่ต้องรีบร้อนมากจนเกินไป
มาถึงร้อยเอ็ดแล้วจะไปเที่ยวไหนดี? ถ้ายังนึกไม่ออก เราจะเป็นไกด์พาคุณเที่ยวรอบเมืองก่อนละกัน
เริ่มต้นจากการไปไหว้พระขอพรสิ่งศักสิทธิ์ประจำเมืองที่ชาวร้อยเอ็ดนับถือกันทั้งจังหวัดอย่าง "ศาลหลักเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด" ตั้งอยู่บริเวณกลาง "บึงพลาญชัย" ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ด และเป็นสวนสาธารณะประจำเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมเกือบทุกอย่าง
ศาลหลักเมืองเมืองร้อยเอ็ด เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวร้อยเอ็ดและจังหวัดใกล้เคียงนับถือ ในแต่ละวันจะมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมาก เพราะเชื่อว่าจะดลบันดาลให้มีความสุข ความเจริญ
จากนั้นออกเดินทางต่อไปยัง "วัดบูรพาภิราม" วัดไฮท์ไลประจำเมืองร้อยเอ็ด ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองจังหวัด วัดแห่งนี้เดิมชื่อ วัดหัวรอ เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นเป็นที่นัดพบ และพักแรมของพ่อค้าที่จะออกเดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ต่อมาในภายหลัง จึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบูรพาภิราม
วัดแห่งนี้มีของดีที่มาแล้วต้องไม่พลาดมากราบไว้ก็คือ "พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี" หรือที่ชาวร้อยเอ็ดนิยมเรียกว่า "หลวงพ่อใหญ่" สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2516 มีความสูง 118 ศอก หรือ59.20 เมตร และมีความสูงทั้งหมด (รวมฐาน) 135 ศอก หรือ 67.85 เมตร
แต่เดิมเมื่อแรกสร้างองค์พระนั้น ชาวบ้านตั้งใจจะให้องค์พระมีความสูง 101 ศอก แต่ด้วยฝีมือของช่างพื้นบ้าน จึงทำให้ไม่สามารถกำหนดความสูงขององค์พระได้แน่นอน จึงสร้างองค์พระได้สูงเกินกว่าที่กำหนด และเคยติดอันดับพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในประเทศไทยมาแล้ว
และด้วยความสูงเด่นเป็นสง่าของหลวงพ่อใหญ่นี่เอง จึงทำให้ใครมาเที่ยวร้อยเอ็ดก็ต้องแวะมาไหว้สักการะกันสักครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต เพราะมีความเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้จะได้อานิสงส์สูงเทียมเทียมฟ้า ทำรสิ่งใดก็สำเร็จสมปรารถนาด้วยประการทั้งปวง
หลังจากเที่ยวในตัวเมืองแล้ว หากใครยังทำบุญไม่หนำใจ เราแนะนำให้เดินทางต่อไปยัง วัดป่ากุง อ.ศรีสมเด็จ ที่นี่เพื่อนจะชมเจดีย์หินทรายองค์ใหญ่ ซึ่งจำลองบุโรพุทโธ(บรมพุทโธ) มรดกของอินโดนีเซีย มาไว้ที่ร้อยเอ็ด
เจดีย์แห่งสร้างโดยหลวงปู่ศรี มหาวีโร (พระเทพวิสุทธิมงคล) พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ที่ได้เดินทางไปเห็นความยิ่งใหญ่ของบรมพุทโธ และต้องการนำกลับมาสร้างเมืองไทยบ้าง
เมื่อกลับมาหลวงปู่ได้ปรารภให้ก่อสร้างเจดีย์ด้วยหินทรายธรรมชาติ แต่นำมาประยุกต์ให้มีความเหมาะสมกับสถานที่ ผสมผสานกับความเป็นไทย และภูมิปัญญาแบบท้องถิ่นท้องถิ่นอีสาน
โดยเจดีย์นี้มีรูปทรงแปดเหลี่ยม แบ่งออกเป็น 7 ชั้น กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร สูง 107 เมตร มีพระรายล้อมเจดีย์ทั้งหมด 136 องค์ ส่วนภายในมีพื้นที่สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดียเพื่อให้ชาวพุทธได้สักการะ ยิ่งได้มาเห็นกับตาตัวเอง บอกเลยว่าช่างยิ่งใหญ่อลังการและงดงาม หาคำเปรียบเทียบไม่ได้จริง
มาเที่ยวร้อยเอ็ด หรือที่เค้าเรียกกันขำๆ ปนน่ารักว่าแอลเอแดนอีสานนั้นมาแล้วต้องพักผ่อนอยู่นอนกันสักคืน เพราะร้อยเอ็ดนั้นที่เที่ยวบางแห่งก็อยู่ออกไปไกลจากตัวเมืองพอสมควร ซึ่งถ้าจะได้เที่ยววันเดียวให้ทั่วคงหมดแรงความสนุกก่อนพอดี
แต่อย่าเพิ่งนึกว่ามาเช็คอินร้อยเอ็ดแล้วจะไม่มีอะไรให้เที่ยวนะ เพราะในตัวเมืองร้อยเอ็ด นั้นมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวแบบวิถีชาวบ้านทั้งตลาดเช้า ตลาดเย็น ร้านอาหาร หรือแม้แต่ร้านแฮงค์เอ้าท์ให้นั่งชิลล์ๆ ยาวได้เช่นกัน
ตืนเช้าแล้วค่อยออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อ มีสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ แนะนำอีกหลายที่ อาทิ สถานแสดงพันธุ์สัตวน้ำเมือง ผาหมอกมิวาย ปรางค์กู่ แต่ถ้าใครอยากไปเห็นเมืองร้อยเอ็ดแบบ 360 องศาและสูดอากาศบริสุทธ์ท่ามกลางธรรมชาติและขุนเขา ก็ต้องแวะไปกันที่ "พระมหาเจดีย์ชัยมงคล" ที่ตั้งอยู่ใน ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ดโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทีต้องการสร้างเพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รวมทั้งอัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ชื่อดังสายอีสานและใช้ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของชาวพุทธ
เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่สุดอลังการ ด้วยความกว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร สูง 109 เมตร ซึ่งสัดส่วนความสูงและยาวขององค์เจดีย์นั้น มีความสอดคล้องกับชื่อจังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนความสูง 109 เมตร ก็เป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยส่วนยอดของเจดีย์ 9 ชั้นเป็นยอดเศวตฉัตรทองคำแท้หนัก 60 กิโลกรัม
ด้านนอกองค์เจดีย์ยังมีวิหารคดล้อมรอบ ภายในประดิษฐานพระสาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน 500 องค์
ศิลปะการตกแต่งพระมหาเจดีย์ชัยมงคลนั้น เป็นการใช้ศิลปะร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน (พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม) โดยเน้นแนววิจิตรศิลปะอีสานเป็นหลัก ลักษณะเป็นรูปทรง 8 เหลี่ยม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็ก 8 องค์ ด้านในแบ่งออกเป็น 6 ชั้น
โดยชั้นที่ 1 เป็นชั้นอเนกประสงค์ ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางพระพทุธศาสนา มีรูปหล่อขนาดใหญ่ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นพระประธาน ชั้นที่ 2 เป็นชั้นสำหรับประชุมสงฆ์ (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) มีพระพุทธรูปปรางปฐมเทศนาเป็นพระประธาน ผนังรอบด้านติดรูปหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นภาพขนาดใหญ่ แสดงอิริยาบถต่างๆ ของท่าน
ส่วนชั้นที่ 3 เป็นชั้นพระอุโบสถ มีพระพุทธชินราชหน้าตักกว้าง 101 นิ้ว เป็นพระประธาน ผนังรอบด้านมีรูปหล่อเหมือนของเกจิอาจารย์สายอีสานทั้งหมด 101 รูป (ขณะนี้มีอยู่ 32 องค์) ชั้นที่ 4 เป็นจุดชมวิว ด้านนอกจะเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์โดยรอบ
ชั้นที่ 5 เป็นพิพิธภัณฑสถาน (อยู่ระหว่างการรวบรวม) ที่บรรจุอัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ชื่อดังสายอีสานที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ทั้งหมด
และชั้นที่ 6 เป็นชั้นที่สูงสุด เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2540 อยู่เหนือขั้นบันได 119 ชั้น
การมาเดินเที่ยวและสัมผัสความงดงามของพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ยิ่งถ้าเป็นผู้สูงอายุกว่าจะขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้ ก็อาจใชเวลานานกว่านั้น เพราะบันได้ค่อนข้างชัน
สำหรับการเที่ยวร้อยเอ็ดในครั้งนี้บอกเลยว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่คาดคิดมาก่อน เมืองเล็กๆ ใจกลางภาคอีสานแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย โดยเฉพาะวัดนั้น หากใครชอบทำบุญต้องไม่พลาดมาเด็ดขาด
ส่วนหนุ่มสาวที่ชอบเดินทางเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ร้อยเอ็ดก็มีที่เที่ยว ที่กินใหม่ๆ ให้คุณได้เฮฮาไม่แพ้กรุงเทพเลยทีเดียว เอาเป็นว่าหากใครอยากเที่ยวแบบกินคุ้ม นอนสบาย รถไม่ติด มาร้อยเอ็ดไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
การเดินทางมายังจังหวัดร้อยเอ็ด
สามารถเดินทางมาได้โดยการนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินร้อยเอ็ด ซึ่งสายการบินแอร์เอเชียมีให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด 2 เที่ยวบินต่อวัน ทุกวัน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com โทร.0-2515-9999