แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเกาะเต่า แบบหลากอารมณ์ โหด มันส์ ฮา

แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเกาะเต่า แบบหลากอารมณ์ โหด มันส์ ฮา

แบกเป้ สะพายกล้อง ท่องเกาะเต่า แบบหลากอารมณ์ โหด มันส์ ฮา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไปติดเกาะด้วยกันไหม เกาะเต่า สุราษฎร์ธานี สถานที่แห่งความทรงจำของใครหลายๆ คน ใครเป็นสายลุยที่อยากลงใต้ไปเที่ยวเกาะ ขอแนะนำที่นี่ค่ะ อยากให้ตามติด คุณบาสสมาชิกหมายเลข 1376286 ไปเที่ยวเกาะเต่าด้วยกันค่ะ

(เป็นกระทู้เขียนใหม่จากอันเก่าครับ เนื่องจากอันเก่าตั้งประเภทกระทู้ผิด ฮ่าๆๆๆ)

สวัสดีครับ ชาวพันทิป ทุกๆ ท่าน อั้น อั้น อั้น อั้น อั้น (เพิ่มเอคโค่แบบสูงสุด) 

หมายเหตุ : อาจจะมีการรีวิว หรือ เล่าการเที่ยวเกาะเต่าเยอะแล้ว แต่ผมก็อยากจะเล่ามากๆ เพราะมันสุดๆ จริงๆ ครับ 

วันนี้จะมาเล่าการเที่ยวเกาะชนิดที่ว่าครบทุกรสชาด บอกก่อนเลยนะครับว่า การท่องเที่ยวของ จขกท. ที่เล่านี้ เกิดจากความเหนื่อยล้าจากการเรียน ปี 3 ตลอดทั้งปี แบบ non-stop service บริการจากอาจารย์ไม่มีวันหยุด !!!! และเห็ด เอ้ย เหตุเกิดจากความเหงา สไตล์หนุ่มโสดมานาน แล้วก็หาเวลาว่างได้ ไม่ตรงกับการทำงานพิเศษ เลยเกิดความอัดอั้น  ตันใจ อยากจะเที่ยว เลยหันไปชวนเพื่อนคนนั้น คนนี้ ก็ไม่มีใครไปสักคน เลยเอาวะ สุดท้าย ถ้าไม่ตอบตกลง ลุยคนเดียว !!!! เพราะในใจตอนนั้น มันร่ำร้องหาเธอ ว่า ... "แม่จ๋าาาาา หนูอยากเที่ยวววววววววว !!!!"

ปล.กระทู้นี้อาจจะมีคำหยาบอยู่บ้าง เพื่อเพิ่มความสนุกในการอ่านนะขอรับกระผม (กรุณานึกถึงละครข้าบดินทร์เข้าไว้ นี่ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดจริงๆ)


ต่อๆ เลยไปชวนเพื่อนต่างมหา'ลัย ผู้ลุยไปทุกที่กับผมตั้งแต่มัธยม หมอหมา ผู้น่ารัก โป๊ะเช้ะ !!!! มันตอบตกลงเว้ยเฮ้ย เลยตัดสินใจกันว่าจะไปเกาะเต่า เอาล่ะครับ เริ่มหาข้อมูล ด้วยเวลาอันน้อยนิดเพียงไม่กี่วัน หาไปหามา ก็งงสิครับ สรุปเกาะเต่ามันอยู่จังหวัดอะไร ??? ฮ่าๆๆๆๆ (โชว์โง่ครั้งที่ 1) ก็ได้ข้อสรุปมาว่า มันอยู่ อ.เกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครับ เอาล่ะ ความรู้ด้านภูมิศาสตร์เพิ่มขึ้นมาอีก 0.00001 เลเวล ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เตรียมข้อมูล เตรียมของ ลิสท์รายการของที่จะเอาไป รวมถึงชุด เพราะว่า ต้องถ่ายรูป !!! ช่าย ต้องถ่ายรูป ต้องถ่ายรูป (พยักหน้า 3 ที) เสร็จแล้วก็นับวันรอให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ คือวันที่ 3 มิถุนายน อ่อๆ ผมลืมบอกไปว่า ทริปนี้ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน และเป็นการไปแบบประหยัดมากๆ ความประหยัดต้องแลกกับเวลาครับ เราจะได้อรรถรสของคุณค่าในชีวิตมากๆ เลย (เกี่ยวกันตรงไหนวะ)

และแล้ววันนั้นก็มาถึง ... วันที่ 3 มิ.ย. อันตัวผมตื่นมาแต่เช้าตรู่ เรียกได้ว่า เป็นเช้าที่ขี้โกหก เพราะขี้ตู่ (ใครตามมุกทันตามมาเอารางวัลได้ 555 แต่ถ้าแป้ก ขออภัยในความไม่สะดวกตรงนี้ด้วยครับ)จัดแจงธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จ ก็นัดเพื่อนว่าให้ไปเจอที่หัวลำโพง เพราะผมเรียนอยู่นครปฐม ม. อะไร ไม่ต้องบอก 555 (อันนี้จะเป็นการโชว์โง่ครั้งที่ 1 นะครับ) เพราะว่า ... ผมอ่ะ รอขึ้นรถไฟสายใต้ที่นครปฐมก็ได้ แต่นี่โง่ไง อยากได้ฟีลหัวลำโพงก็ไปขึ้นมันหัวลำโพง เสียค่ารถแล้วก็เสียเวลาไปอีก (ก.ไก่ สามร้อยตัว)


หมายเหตุที่ 2 : กล้องที่ถ่ายรูปครั้งนี้ Nikon D5100 พร้อม Flashair SD cardและ กล้องถ่ายใต้น้ำราคาถูกที่ถ่ายได้ตามอัตภาพเพราะไม่มีปัญญาซื้อ GoPro

นัดเพื่อนไว้ประมาณเที่ยงก็ออกสัก 11 โมงน่าจะทัน จัดแจงกระเป๋า อะไรเสร็จเรียบร้อย เตรียมกล้อง ล้างเมม เรียบร้อย ก็ขึ้นรถตู้ แต่เชื่อไหมครับ นี่คือ รถตู้ กว่าจะออก 11.30 น. ผมนี่นั่งไม่ติดเบาะ ขาสั่นเหมือนคนปวดฉี่ เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเลยครับ กลัวไม่ทัน ออกไปได้ก็ภาวนาว่าขอให้ทัน ขอให้ทัน ... สรุป ไปถึง กรุงเทพฯ 12.15 เอาล่ะครับ สวมวิญญาณนักวิ่งชาวเคนย่า วิ่ง 4x100 เมตรจากใต้ทางด่วนพหลฯไป BTS เพราะต้องเลือกที่เร็วที่สุดแล้ว ... วิ่งไปถึงก็คว้าแรบบิทการ์ดออกมาแล้วขึ้นทันที ประจวบเหมาะรถมาพอดี เปลี่ยนสาย ลงสถานนี้ศาลาแดง ก็วิ่งอีกครับ วิ่ง !!!! ... ลงไป MRT ซื้อเหรียญก็วิ่ง แล้วโอ๊ยยย ไปหัวลำโพงอยู่ชั้นล่าง วิ่งไปนี่ผมเหมือนไปตากฝนมา เหงื่อท่วมเลย หมดกันสภาพหน้า ขึ้นมาถึง หัวลำโพง คุณพระ !!!! 13.00 น. พอดีเป๊ะ ! ไม่ขาดไปเกิน ก็วิ่งไปชานชาลาที่ 9 ขบวนรถ 171 ออกเวลาบ่ายโมง ความจริงมีรถไฟฟรีนะครับ แต่ต้องยื่นบัตรประชาชน คือเพื่อนผมกลัวไม่ทัน เลยไปซื้อรถนอนชั้น 2 ... เอิ่ม โดนไป 400 ความฝันไปแบบประหยัดสลายลง ณ วินาทีนั้น 400 บาท กับการลงแค่ชุมพร นี่เป็นการโชว์โง่ครั้งที่ 2

หมายเหตุ 3 : ท่านสามารถเช็ครอบเดินรถของการรถไฟได้ทางเว็บไซต์ หรือ 1690 ครับ แต่ขบวน 171 ออก บ่ายโมง ถึง สามทุ่มกว่าๆ ก็เป็นเวลาที่ลงตัว

ขึ้นได้ผมก็นั่งพักหอบยกใหญ่ พร้อมกับหัวเราะกับเพื่อนว่ามันหวุดหวิดจริงๆ เจ้าหน้าที่ก็เลยมาถาม ผมก็บอกว่าขึ้นมาจาก นครปฐม แกก็บอกว่า "ทำไมไม่รอขึ้นนครปฐมล่ะ มันผ่านนะไปใต้อ่ะ" ตึ่งโป๊ะ ! ผ่าางงงงงงง หน้าแหกไปสิครับ แนะนำนะครับ ไปรถไฟฟรีดีที่สุด ไม่ต้องมาเป็นแบบผม T^T นั่งรอรถไฟออก ... แต่มันก็ไม่ออกสักที ผมก็ถามว่าเป็นอะไร เขาบอกเช็คล้อ สรุป ออกไปเลท ไปเกือบ 1 ชั่วโมง ฮัลโหลลลลลล 1 ชม. ! O.o !แล้วเมื่อกี้ ผมวิ่ง 4x100 เมตร มาเพื่อ ??????? ... เหนื่อยฟรีไปอีก !!!

รถไฟออกก็ลัลล้าล่ะครับ ... แต่ผมเสียดายอย่างหนึ่งนะครับ ผมอยากนั่งรถไฟชั้น 3 เพราะมันจะได้พบปะกับผู้คนและได้พูดคุยมากกว่านี้ อันนี้รถนอนชั้นสอง ก็เป็นแบบ 2 คน เตียงบน เตียงล่าง เลยไม่ค่อยได้คุยกับใคร แต่ว่าก็ได้คุยด้วยสกิล และนิสัยถาวรที่เป็นผู้ชายช่างจ้อ และเพื่อนก็เป็นผู้หญิงช่างเม้าท์ เลยหันไปคุยกับเด็กข้างๆ สอบถาม ก็รู้ว่า ชื่อน้องกี้ เป็นเด็กสุไหงโกลก โหห !!! ไกลชิบ ผมเลยถามว่ามาคนเดียวหรอ น้องกี้บอก มาคนเดียว อายุ 15 ขึ้นรถไฟ ไปโกลกคนเดียว แล้วกว่าจะถึงก็ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ ผมก็คุยไป เพื่อนก็จ้อไป กับน้อง สรุปใจความได้ว่า พ่อแม่ทำสวนยาง มาส่งพี่สาวที่กรุงเทพฯ แล้วนั่งกลับคนเดียว ผมกับเพื่อนนะ ถามไปยาวเป็นประโยค น้องตอบกลับมาสั้นๆ แต่ได้ใจความมาก ผมก็หัวเราะ น้องน่ารักดีครับ ตลอดทางแบ่งขนมให้ผมกับเพื่อนตลอด ขนาดจะลงที่สถานีชุมพร ยังให้ขนมมาอีกคนละชิ้น ผมปฏิเสธบอกว่าเก็บไว้กว่าจะถึง น้องก็บอกว่ามีเยอะ แล้วก็ยิ้ม ผมก็เลยรับมา เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปน้องไว้ ไม่งั้นท่านจะได้พบกับหน้าตาน่ารักของเด็กโกลกคนนี้

สเต็ปที่สอง คือการลงชุมพร ผมถึงชุมพร ในเวลา 22.20 น. ซึ่งเลทไป 1 ชม. ธรรมชาติของรถไฟไทย แต่เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งไปในตัว ผมกับหมอหมาเพื่อนยาก เลยวิ่งไปหน้าสถานี หาพี่วิน แล้วบอกว่า "เกาะเจริญครับ" สนนราคา คนละ 80 บาท เลยเอาพี่ ให้ไวเลย กลัวไม่ทัน ฮ่าๆๆๆๆ

เกาะเจริญ เป็นบริษัทเรือนอน ที่ให้บริการไปเกาะเต่าครับ เรือจะออก เวลา 23.00 น. ทุกวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ ไปถึง เกาะเต่า ประมาณ 05.00 น. ของอีกวัน ความจริงมีหลายท่าให้เลือกนะครับ สำหรับเกาะเจริญ จะเป็นแพยนต์ ที่เป็นเรือบรรทุกของแล้วก็รถ ข้ามเกาะ แต่ดัดแปลงพื้นที่ด้านบนเป็นที่สำหรับนอน แต่ว่าตอนกลับผมขึ้นของอีกท่าหนึ่ง แต่ผมชอบของ เกาะเจริญ มากกว่าเลยอยากแนะนำ เพราะราคาเท่าๆ กัน คือ 400 แต่จะมีอีกท่าหนึ่ง คือ ท่าเรือท่ายาง เป็นเรือประมง เป็นเรือไม้ แล้วก็มีที่นอน สนนราคา 250 บาท ตามพี่วินแกบอกนะครับ  แต่สำหรับผม เลือกแพยนต์น่าจะปลอดภัยสำหรับชีวิตมากกว่า ฮ่าๆๆๆ ซื้อตั๋ว ล้างหน้า เพราะเหนียวหน้ามาก ไม่รู้สึกหิว ไม่ได้ซื้ออะไรตุน (ความฝันว่าจะนั่งจิบเบียร์เป็นอันยกเลิกเพราะเขาไม่ให้เอาแอลกอฮอล์ขึ้น) เดินขึ้นเรือ ก็ไม่ได้หวังมากเพราะว่าเป็นเรือสินค้า แต่ขึ้นไป โอ้โห คุณพระ คุณเจ้า !!! มันดีมากครับ ไม่รู้จะบอกอะไร มันเหนือความคาดหมาย เป็นบรรยากาศโรงแรมมาก เตียงสองชั้น มีแอร์ มีปลั๊กสำหรับชาร์ตไฟ เตียงละหนึ่งช่องบนหัวเตียง เอาล่ะ สวรรค์นักเดินทางอย่างหนึ่ง นาทีนั้นตื่นเต้นและง่วง จนลืมหยิบกล้องมาถ่ายบรรกาศ แต่ก็ไปจุ๊บรูปจากเน็ตมาแปะให้ครับ ขอบคุณสำหรับเจ้าของภาพไว้นะโอกาสนี้ด้วยครับ

บนเรือก็มีหลายสัญชาติครับ ทั้ง ไทย พม่า และชาวต่างหลายชาติ อยู่รวมกัน แต่ถึงเวลาเรือออก จะไม่มีใครรบกวนใคร พนักงานเรือก็ไม่กวน เงียบมากแปรงฟัน ล้างหน้า ทาครีม ตามประสาผู้ชายสำอางค์นิดหน่อย ก็กราบพระ 3 ครั้ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชาร์ตไอโฟนไว้ แล้วนอนนนนนน


ตื่นมางัวเงีย เพราะเสียงหวูดเรือดัง ก็พบว่า เวลา ตี 4 ครึ่ง ถึงเร็วกว่ากำหนด ครึ่งชั่วโมง ก็ปลุกหมอหมาที่นอนอย่างสบาย แล้วก็เก็บของลงจากเรือ ก็จะมีบริการรถ Taxi Car มายืนรอรับจำนวนมาก แต่ผมกับเพื่อนไม่กล้าขึ้นเพราะว่ากลัวมันแพง ก็เลยเดินไปหาเซเว่นเพราะ หิวมากกกกกกกก !!! เดินออกจากท่าเรือมาทางขวาแล้วก็จะเห็นครับ 7-11 แบบสวรรค์ เดินเข้าไปเลือกข้าวกล่อง อาจจะแพงกว่าบนฝั่งประมาณ 10-15 บาท ซึ่งถือว่าโอเค ไม่น่าเกลียด เพราะถ้านับเรื่องการขนส่งข้ามน้ำข้ามทะเลแล้ว ... หยิบข้าวน้ำพริกปลาทู พร้อมชาเขียวรสน้ำผึ้งมะนาวมาหนึ่งขวด ก็รอดไปอีก 1 มื้อ กินเสร็จ นั่งมองหน้ากับเพื่อน เพราะมาถึงเช้าเกิน บนเกาะไม่มีร้านอะไรเปิดเลย นอกจากเซเว่น โอ้ มันช่างเงียบเหงาอะไรแบบนี้ อยากจะไปนั่งร้องเพลง แต่ก็เกรงจะมีคนเขวี้ยงครกลงมา เลยนั่งเงียบๆ ทนไม่ไหว เดินไปหยิบแผนที่ มาดู เพราะว่าจองที่พัก แบบ Hostel ไว้ ก็พบว่ามันอยู่แถวๆ หาดทรายรี ... ตัดสินใจ เดินไปละกัน แค่ 2.5 กิโล ... แต่เชื่อไหมครับ ??????????????? 2.5 กิโล ถ้าทางธรรมดา มันจะไม่เท่าไร แต่นี่มันอยู่บนเกาะ ทางขึ้นเขา ลงเขา เพื่อนผมนี่บ่นตั้งแต่ขึ้นโค้งแรก ผมก็ด้วยความเป็นผู้ชายบ่นไม่ได้ ต้องบอกเพื่อน "เฮ้ย มุก ปลุกยักษ์ในตัวเอง เอ้า ฮึบ อย่ายอมแพ้ ! เอ้า ฮึบ !" เพื่อนผมชื่อมุกนะครับ ปลุกพลังได้ก็เดินกันต่อ พอมาถึงโรงแรมเวลาก็ เกือบ 6 โมงเช้า ออฟฟิศยังไม่เปิด แทบจะเอาหน้าซุกหัวเข่าแล้วร้องออกมาเป็นภาษาฮิบบรู ... เดินเข้าไปถามพนักงาน เพื่อนก็คุยกันคนละภาษาเพราะว่าพนักงานเป็นชาวพม่า* แต่ก็เข้าใจ สรุปว่า ออฟฟิศเปิด 7 โมง เวลาเช็คอินคือบ่าย 2 ผมว่าจะฝากกระเป๋า แต่ก็ต้องหมาโฮสเทลที่นี่ ... จะเป็นแบบ 8 เตียงรวมกันเหมือนหอพัก เป็นพัดลมครับ ราคา 350 บาท  ตามสภาพด้านล่างครับ

*บนเกาะพนักงานพม่าค่อนข้างเยอะ แต่ว่าภาษาอังกฤษดีมากกกกกกกก ผมนี่อายเลย

ผมนั่งรอไม่ไหวครับ แต่เพื่อนมันเหนื่อยเพราะเดินมาไกล ผมเลยเดินออกมาว่าจะไปเดินดูหาด แต่ไม่เจอทางเข้าหาดสักที เลยเดินไปกลับอยู่สองรอบ  เอาล่ะ หารถเช่าละกัน เดินไปหาร้านเช่า ก็ไม่มีเปิดเลยสักร้าน เลยผ่านร้านหนึ่ง เปิดประตูแบบแง้มๆ ก็เลยเอาวะ เดินเข้าไปดู  ถามพี่ว่าเปิดให้เช่ารถหรือยังครับ พี่บอกว่า เช่าได้ครับ ... ผมก็ใจชื้น ราคาเช่าอยู่ที่ วันละ 200 แต่แนะนำ ใช้สกิลการต่อครับ จะได้ 150 และจะต้องวางเงินมัดจำไว้ 2000 แต่ว่า แนะนำอีกครับ ถ้าเป็นคนไทย แค่เอาบัตรประชาชนให้เขาก็ได้ครับ เขาจะหยวนๆ ให้  ได้รถแล้ว ... บาสน้อยเตรียมตัวลุย !!!! แต่ก่อนออกผมถามพี่เขาไปว่า ... มีที่ไหนที่ตอนนี้พอจะอาบน้ำได้บ้าง พี่ก็บอกว่า มาอาบที่ร้านพี่ก็ได้ ผมก็ตาโต แล้วก็ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ ถามไปถามมา พี่เขาชื่อบอล ทำธุรกิจบนนี้ได้ไม่นาน เป็นธุรกิจที่จองตั๋วสำหรับข้ามไปเกาะนั้นเกาะนี้ ชื่อร้านคือ BP Travel แล้วกพี่บอลเปิดเป็นโฮสเทลแบบ โดร์มรูมด้วยครับ เป็นห้องเล็กๆ 4 เตียง แต่เป็น แอร์ ราคา 350 ... ผมนี่อยากจะร้องไห้ แล้วก็บอกพี่บอลว่า ผมขอโทษ ที่ผมไม่ Walk in เข้ามาหาพี่ เพราะพี่บอลช่วยเหลือผมกับเพื่อนตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะทุกเรื่องเลยครับ ร้านพี่บอล จะอยู่ในซอยเข้ามาหน่อย ถ้าออกจากท่าเรือแล้วเลี้ยวซ้ายมาเรื่อยๆ ตรงเข้ามาเรื่อยๆ แล้วก็จะพบเซเว่นที่อยู่เป็น 3 แยกครับ ให้เลี้ยวขวาเข้ามา ร้านพี่บอลจะเป็นป้ายแดงๆ ครับ ใหญ่ๆ หาไม่อยาก เป็นร้านเล็กๆ น่ารักๆ ตามภาพครับ

ขอจบไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ... มันจะเกินแล้ว 5555555555555
สำหรับใครที่อยากติดตามรูปภาพต่างๆ ของ จขกท. IG : bas_wangwat นะครับ คำเตือนก่อนฟอลโลว ไอจีนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่รูป จขกท. ซึ่งเป็นผู้ชายเตี้ยๆ ดำๆ คนหนึ่ง แต่ก็ชอบถ่ายรูป ชอบเที่ยว ฮ่าๆๆๆ แล้วเดี๋ยวมาต่อนะครับ ขอเวลาพิมพ์ก่อนนนนนน มันเยอะมากจริงๆ เรื่องราวของผม 

อาบน้ำเสร็จ โบกครีมกันแดด แบบทหารถือปืน แบกปูนไปโบกตึก เนื่องจากเป็นคนดำ ก็เลยกลัวดำไปมากกว่านี้ ไม่อยากเปลี่ยนเชื้อสาย ฮ่าๆๆๆ มานั่งฟังพี่บอลแนะนำสถานที่ ต่างๆ ว่าที่ไหนควรไป ที่ไหนไม่ควรไป พี่บอลก็ถามว่า"บาส ขี่รถแข็งไหม ?" บาสตอบกลับอย่างมั่นใจ "แข็งอยู่ครับ" พี่บอลก็เลยบอกว่า งั้นก็ไม่ต้องห่วง แต่ว่าก็ระวังหน่อยละกัน เพราะว่าเป็นทางบนเกาะ ค่อนข้างโหด ฟังถึงพอบอกว่า ค่อนข้างโหด เลยต้องงัดวิชา การขี่รถแบบเพชรบุรีดริฟท์ ขึ้นมาใช้ ... แต่มีหนังสือ Guide Book แนะนำครับ เล่มนี้ดีต้องบอกต่อ แล้วบอกไปเรื่อยๆ ... บนเกาะมีแจกฟรี แต่เป็นภาษาอังกฤษ บอกทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่ สากเบือ ยันเรือรบ ตามภาพไปเลย

ได้คำแนะนำเสร็จ ก็คว้าแฮนด์แล้วก็คว้าให้มั่น รับมอบหมวกกันน็อคคนละใบ ... พร้อมกับสตาร์ทรถ ... คำเตือน !!! Please mind your driving between yourself and policeman .... ที่เตือนแบบนี้เพราะ ค่าปรับโหดมากครับ !!! ผมไม่ได้โดนนะ  พี่บอลบอกมา ฮ่าๆๆๆๆๆ ได้รับคำเตือน ก็ขี่ไปที่แรกที่จะไปเลย แลนดึ มาร์ค ของเกาะเต่า หาดทรายรี หาดยอดฮิตที่ทุกคนต้องมา วนหาที่จอดรถอยู่ประมาณ 3 รอบ เพราะไม่กล้าจอดที่ไหนเลย ... ก็ได้ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง จอดเสร็จก็ลงไปถ่ายรูป  ถ้ามาทุกคนต้องเห็นครับ ... ต้นมะพร้าวที่มันโน้มลงมาแล้วหักเป็นแบบนี้ 

แล้วก็ ... หาดนี้เรือจอดเยอะครับ ... แต่ตอนกลางคืนจะกลายเป็น ปาร์ตี้โซนทันที บาร์ ร้านนั่งชิลล์ริมหาดแน่นขนัด ไม่ต่างกับข้าวสาร แล้วจะบอกว่า ... ไม่ต้องหาคนไทยนะครับ คนไทยนี่ rare item ที่หายาก ใครดร๊อปได้ เอาไปเลย รางวัลการตีบอส มีแต่ชาวต่างชาติ อีกสักรูปของหาดทรายรี น้ำใส ทะเลสวย ตอนเช้าจะยังไม่ค่อยมีใครเล่นน้ำครับ หาดนี้เหมาะสำหรับนั่งแช่น้ำเฉยๆ ไม่มีกิจกรรมอื่นๆ 

อ่อๆ สกิลการถ่ายรูปของ จขกท. อาจจะต่ำต้อยนะครับ แต่ก็พยายามทำให้มันสวยที่สุด เพราะทุกที่ที่เราไป เราก็อยากจะเก็บความทรงจำดีๆ มาด้วยกันทั้งนั้น ... ธรรมชาติสร้างความสวยงามมา เราก็มีหน้าที่ชมและเก็บภาพ แค่นั้นจริงๆ ครับ ถ่ายรูปเสร็จสรรพ ไปกันสองคนกับเพื่อน ดีอย่างไม่ต้องลำบากเซลฟี่ตัวเอง ฮ่าๆๆๆ ก็ได้รูปที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย ก็ไปที่จุดหมายต่อไป กางแผนที่ ... มาร์คจุด ต่อไปคือ John-Suwan view point พี่บอลบอกว่าจะเป็นจุดชมวิวฝั่งตะวันออกของเกาะ ที่เห็นได้ทั้งสองฝั่งและผมก็จำไม่ได้ว่า ... มันคืออะไรกับอะไร ... เรียกได้ว่า ... ความรู้ภูมิศาสตร์ก็ต้องขุดมาใช้ แม้จะร้างลาไปนานกว่า 3 ปี !!!! ผมขี่รถผ่านทางเข้าท่าเรือเลยไปครับ ... ตรงไปเรื่อยๆ ... ตรงไปอย่างเดียว อย่าเลี้ยวนะ ไม่งั้นจะ ........ หลง !!!! ดีที่ทางไม่โหดมากเท่าไร ... พอไปถึงก็จะมีป้ายห้ามเอารถขึ้นไปครับ ทางต่อไปคือ ... เดินด้วยขาสองข้าง และ แตะหนึ่งคู่ ปาดน้ำตาวันละ 4-5 ครั้ง ... เดินขึ้นไปนึกว่าทางจะสบาย ... โอ้โห มันสัตว์เลื้อยคลานที่คล้ายจระเข้มากครับ !!! ทางขึ้นไม่มีบันได ไม่มีปูน มีแต่รอยทางเดินที่เป็นดินลูกรังลื่นๆ ... กับหินก้อนใหญ่ เอาวะ กัดฟัน !!! แต่.... หมอหมาที่มาด้วย ... เกิดอาการข้อเข่าเสื่อม เดินตามผมแทบไม่ทัน ... และจุดพีคสุดคือจะขึ้นไปหินก้อนสูงสุดนี่แหละครับ ... มันชันและสูงมาก ผมก็ใช้วิชาตัวเบาที่ได้เรียนมาสมัยเป็นเด็กๆ ... จากการปีนต้นมะม่วงที่บ้านย่า ปีนขึ้นไป เหงื่อไหล ไคลย้อย แบบออกกำลังกายมาประมาณ 1 ชม. ... พอขึ้นไป พูดได้คำเดียวว่า ... พ่อเจ้าประคุณลุนช่องเอ้ยยยยยยยยย มันสวยมาก สวยจริงๆ ครับ วิวสองข้างแบบ... อื้อหือ งามจริง อื้อหือ งามจัง ... พร้อมกับแชะภาพเก็บไว้ 

อีกฝั่งหนึ่งไม่ได้ถ่ายหรืออะไรไม่รู้ครับ ลืม เลยเอารูปแบบครึ่งๆ กลางๆ เหมือนความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนมาให้ดู

ที่ชูแขนไม่ใช่อะไร เหมือนว่าเราได้ผ่านความยากลำบากเพื่อมาชมสิ่งที่สวยงามของชีวิตครับ ผมแนะนำนะครับที่นี่ ถ้าใครมีสกิลการปีนป่ายที่ดี ร้องเท้าแตะก็ใส่ได้ แต่ระวังกันนิดหนึ่ง ... แล้วคุณจะรู้ว่า ความยากลำบากถ้าผ่านมันไปได้ สิ่งตอบแทนก็มีค่ามากเหมือนกัน (พูดดี ขอปาดน้ำตาและปรบมือด้วยความปิติให้กับตัวเอง)

เดี๋ยวมาต่อครับ ... ทีละเล็กทีละน้อย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ 

ต่อนะครับบบ ... ชมที่จุดชมวิวเสร็จก่อนลง ... เพื่อนมุก หมอหมา หันมาบอกกับบาสว่า"บาส กูขอแวะซื้อโค้กด่วน .." ผมหันไปมองหน้าเขาแล้วก็หัวเราะ หน้าที่แต่งมา เต็มไปด้วยเหงื่อครับ ฮ่าๆๆๆๆ (ไม่ได้ขายเพื่อนแต่อย่างใด)
ผมก็พยักหน้า ... แล้วก็ขี่รถลงจากเขาเพื่อหาร้านโค้กให้นาง ถึงร้าน ได้เป๊บซี่คนละขวดเล็ก ... มุกบ่นว่า "ทำไม ไม่มีแบบใส่น้ำแข็ง ใส่ถุงวะ !!! ฮ่าๆๆๆๆ " กินเสร็จเติมน้ำตาลได้ ... ก็คว้ารถต่อแล้วกางแผนที่ ... จุดต่อไปที่จะไปคือ ... อ่าวม่วง ... ใช่ครับ อ่าวม่วง ชื่อไพเราะอะไรเยี่ยงนี้ ขี่รถกลับทางเดิม ไปทางร้านพี่บอลแล้วก็ขึ้นเขา ... ไปเรื่อยๆ คราวนี้แหละครับ ท่านผู้โชมมมมมม ทางที่พี่บอลบอกว่าโหด ... มันโหดจริงๆ ครับ โหดยิ่งกว่า การสอบไฟนอลวิชาหินของภาค ... ทางนี่ชันชนิดเกือบ 90 องศา ... แล้วก็เป็นดินลูกรัง ชนิดที่ว่าล้มไปตายเกิดเป็นฝรั่งแน่นอน หลุมบ่อนี่เยอะยิ่งกว่า หลุมสิวของ จขกท. ไม่สิ พอๆ กับดวงจันทร์เลยก็ว่าได้ เอาล่ะ วิชา เพชรบุรีดริฟท์ ได้งัดเอามาใช้แล้วล่ะ ผมมั่นใจว่า ผมเป็นผู้ชายตัวเตี้ย ขาสั้นคนหนึ่งที่ขี่รถแข็งพอ ... เลยกล้าขึ้นไป ... แต่เพื่อนผมนี่สิ บีบไหล่ผมตลอดเวลา ... แล้วก็มีเสียงว่า "เฮ้ย บาส" แบบเบาๆ น่ารักๆ มาตลอด ฮ่าๆๆๆๆ ... ผมก็บอก "เอาน่า มั่นใจในตัวพี่น้อง ตายก็ตายด้วยกัน ฮ่าๆๆๆ" ขี่ไปได้ เรียกว่า ฮอนด้าคลิก ที่เช่าจากพี่บอลมันเร่งดีจริงครับ ... ขึ้นไม่ยาก แต่ต้องผ่อนรถเป็นระยะๆ เดี๋ยวเครื่องน็อค ... ขึ้นไปถึงก็มาถึงทางแยก เลี้ยวซ้ายไปจุดชมวิว ตรงไปลงไปอ่าวม่วง ... ไปถึง แล้วก็เจอกับทางที่เรียกว่า ... ผมกับเพื่อนมองดูแล้วสตั๊นกันไปคนละ 10 วินาที ... คือมันชันมากครับ ชันชนิดที่ว่า ... "ลงไป กูจะตายไหม ?" ผมเลยหันไปถามเพื่อนว่า "เอาไง ?" เพื่อนตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่มั่นๆ พร้อมกับยิ้มแรง ... ว่า "กลับ !!!!" ผมเลยจำต้องเลี้ยวรถกลับ ... แล้วก็กลับไปที่ร้านพี่บอล ... แล้วก็เล่าๆๆๆๆๆๆๆ  พี่แป้ง น้องพี่บอลเลยบอกกลับมาว่า ... "ไม่ค่อยมีคนไปหรอก ทางมันโหด จะไปไปทางเรือง่ายกว่า" ผมกับเพื่อนก็เลย ถึงบางอ้อ กันทันที ... ตอนนั้นเวลา เกือบๆ เที่ยง เห็นแดดแล้วระเหี่ยใจ ... นั่งพักสักครู่ แล้วก็กางแผนที่ดู  พี่แป้งก็บอกว่า ... ลองไปอ่าวโตนดสิ กับ อ่าวหินวง ทางไม่โหดเท่าอ่าวม่วง ผมก็พยักหน้า บอกกับเพื่อนว่าไปอ่าวโตนดก่อนแล้วก็กลับมาเช็คอิน มุกตอบรับคำบาสทันที เออ ไป !!! คว้ารถอีก รอบ ล้างหน้าล้างตาเพราะเหนียวเหงื่อ ... ก็ขี่ไปทันที ขี่ไปได้สักพัก ก็เจอกับทางที่เรียกว่า โค้งเป็นสิบ ชันเกือบเก้าสิบ อีกครั้ง แต่ว่าทางนี้ดีหน่อยครับ เป็นทางที่เทคอนกรีตแล้ว ก็เลยเอ้อ ... สบายหน่อย ไม่ต้องงัดอะไรมาใช้มากมาย
ระหว่างทางไปอ่าวโตนด ก็จะมีทางแยกไปอ่าวลึก ซึ่งไปทางเดียวกัน แล้วก็มีทางขึ้นดูท็อปวิวแบบ 360 องศา (วาดแขนเหมือนช่อง 3) แต่เพื่อนบอกว่า "กูไม่ไปนะ จุดชมวิว กูขอลา" ผมก็พยักหน้า ลงมาถึงอ่านโตนดแล้ว !!! ต้องจอดรถแล้วเดินลงไปต่อ นิดเดียวไม่ไกล มาถึงอ่าวโตนดก็เป็น ... อ่าวที่มีหินอยู่มากมายครับ ฝรั่งจะชอบมานอนอาบแดด แต่คนไทยจะหลบแดด ฮ่าๆๆๆ ... แล้วก็มีดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น 

เป็นหาดเงียบๆ ครับ รีสอร์ทไม่เยอะ ... สบายๆ ... แต่ทรายที่นี่ค่อนข้างหยาบ เลยเจ็บเท้าแบบ เจ็บนิดๆ นะเจ็บนิดๆ นะ 

ส่วนใหญ่ชาวต่างจะชอบดำน้ำครับ ... ก็เลยพบค่อนข้างเยอะ ผมนี่เห็นแล้วเหมือนดูกระดาษสีขาว จะขาวกันไปไหน !!!!

รูปอ่าวนี้ค่อนข้างเยอะครับ ... เลยได้สวยๆ หลายรูป

เอาล่ะ ... เสร็จสิ้นกระบวนความพลังชีวิตใกล้หมด ... ขี่รถกลับโรงแรมเพื่อเช็คอิน ก็จ่ายไปเสีย 350 บาท ... รวมค่าประกันกุญแจอีก 300 เป็น 650 บาท ... ในห้องเป็นเตียงรวมครับ แบบหอพัก แปดเตียง สองชั้น ... พัดลม เข้ามานี่ร้อนอบอ้าว อ้าว อ้าว มากกกกกกกก  พักได้สักหน่อย ก็ล้างหน้าล้างตา กลับไปที่ร้านพี่บอลเพื่อดื่มน้ำ ... (นี่จะเป็นลูกน้องเขาแล้วจริงๆ ครับ พี่บอลใจดีมาก เปิดพัดลมให้ตลอด) หันมาถามมุก ... จะไปไหนต่อ ... มุกบอก ขอพักแปปหนึ่ง ก็เลย คิดๆๆๆ อยากจะไปจุดชมวิวอีกฝั่งหนึ่ง หันไปบอกเพื่อน เพื่อนโอเค ไป  ขี่รถออกมาเลี้ยวไปอีกฝั่งของจุดชมวิวแรก ... ไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนทางมันเริ่มขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ... เอาล่ะ ความชันระดับเกือบตั้งฉากมาอีกแล้ว ต้องงัดวิชามาใช้อีกกหลายกระบวนท่า ... ขึ้นไป ก็จะเจอทางแยก ตรงไปจะเป็น ทางเชื่อมไปเกาะนางยวนครับ จะมีเรือจอดรับอยู่  ถ้าเลี้ยวขวาขึ้นมา .. ก็จะเป็นทางขึ้นจุดชมวิว ... ขึ้นไปเรื่อย มีความรู้สึกว่า... "ทำไมมันสูงจังวะ !???" ขี่ไปจนเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มชันเกินไป ยังจะดันทุกรัง ... ขึ้นไป แต่ไม่ไหว รถเกือบล้ม หมอหมาผู้น่ารักกระโดดลงก่อนอย่างตกใจ ส่วนผม ... ต้องประคองรถครับ ไม่ให้ตกนาทีนั้น ทั้งชีวิตก็ห่วง รถก็ห่วง ... โอ๊ยยยยย อยากจะร้องไห้ แต่ด้วยเป็นผู้ชาย อกสามศอก อาจจะไม่ถึง ... ก็ต้องโชว์ความอดทน  แล้วทางมันเป็นลาดขึ้น จะกลับรถก็ลำบาก ต้องค่อยๆ ... เอาลงมาจอดที่จุดจอด จอดได้ ยอมรับเลย ขาสั่น ใจเต้น ... !!!! หันมาเห็นสีพ่นบนหินที่ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็น ... ว่า อันตราย !!!! ผมกับเพื่อนก็ อื้ม สีพ่นนี่เกือบจะกลืนกับสีหิน ... ผมนี่เกือบตายเพราะอีอันนี้แหละ !!! ... แต่จุดที่จอดรถจะมีหินให้ปีนไปดูวิวครับ ก็สวยไปอีกแบบ

ถ่ายรูปเสร็จ ก็รอให้ขาหายสั่น ฮ่าๆๆๆ ... ว่าจะกลับไปที่หาดแม่หาด ก็คือ ... ท่าเรือนั่นแหละครับ อยากจะไปถ่ายกับชิงช้าในตำนาน ก็เลยขี่รถลงจากเขา ... ส่วนมุกนั้น ... ขอเดินลงไปก่อน ... ผมก็ค่อยๆ ขี่ ... คราวนี้แหละครับ พี่บอลบอกมาว่า ... ระวังจะเจ็บแขน มันมาแล้วครับ เกือบระบม ขี่ไปถึงท่าเรือ ก็จอดรถแล้วเดินลงมาหาด หาดนี้จะอยู่ใกล้กับหาดทรายรี แต่ว่าเรือใหญ่จะเยอะหน่อย ... ก็เลยไม่ค่อยมีคนเล่นน้ำ เดินหาชิงช้า ... ในตำนานเพราะเห็นจากโพสการ์ด ฮ่าๆๆๆ ... ก็มาเจอจนได้ ... และแล้ว ก็ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด  เพราะเหนื่อยเหลือเกิน ... จากการตะลุยแดด จากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง 

หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ... ก็หันไปคุยกับเพื่อนว่าเอาไงต่อ เพราะเหนื่อยเหลือเกิน ดูนาฬิกาก็บอกเวลา 16.20 น. มีแพลนว่าจะเล่นน้ำ ... ก็เลยตกลงกันว่า ขอกลับไปพักที่โรงแรมก่อนแล้วกัน ค่อยออกมาตอนเย็นๆ จะได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย ... ก็เลยกลับโรงแรม ....  จบไปอีกหนึ่งพาร์ท ครับผม ... 

มาต่อนะคร้าบบบ ... ถึงไหนแล้วน้าาาา ... กำลังคิดว่าจะพยายามทำให้เสร็จคืนนี้ เดี๋ยวจะลืมไปหมด 5555 อ่อ... รอไปดูพระอาทิตย์ตก ... มานอนที่โรงแรม ก็มีฝรั่งเข้ามาพักทั้งหมด อีก 5 คน ชาย 2 หญิง 3 ต่างคนต่างมา 555
ผมกับเพื่อนก็ยังไม่กล้าจะคุยอะไรมากมาย เพราะด้วยตัวกระผมเองนั้น สกิลอิ๊ง ต้อยต่ำ ก็เลย นอนพักดีกว่า ... นอนไปได้รู้สึกตัวมาประมาณ 17.30 น. ก็เลยลงไปปลุกเพื่อนแล้วก็เตรียมตัวไปด้วยกัน ... แต่ออกจากโฮสเทลปุ๊บ ... พ่อเจ้าประคุณแดด เอ๋ย ยังไม่เลิกส่งพลังงานความร้อนมายังโลก ... แรงยิงกว่า 4G เมืองไทย ... แรงชนิดที่ว่า ... คนขาวอาจจะเป็นมะเร็งผิวหนังได้เพราะไม่มีเมลานินที่เพียงพอเหมือนผม 5555 แต่ก็เอาวะ ไปเถอะ ขี้เกียจรอแล้ว ... สตาร์ทรถไปได้ ... ก็มุงสู่หาดทรายรี ... จุดหนึ่งที่นิยมดูพระอาทิตย์ตก ... แต่พี่บอลบอกว่าจะมีอีกจุดที่สวย ก็คือขึ้นไปทางเดียวกับที่ผมเกือบตายนั่นแหละครับ ... ก่อนขึ้นไปกรุณาทำประกันด้วยนะครับ แต่สำหรับผมและเพื่อนแล้ว ... จุดนั้นเป็นอันต้องขอลาก่อน โบกมือแบบนางสาวไทย  ขี่รถมาจอดจุดเดินที่จอดเมื่อเช้า ... ก็พบว่า ... เอ๊ะ ทำไม ฝรั่งถึงเยอะจังเลยนะ ???? ... มันเป็นเวลาที่เตรียมปาร์ตี้และเล่นน้ำแล้วครับ ฝรั่งเลยเยอะ เรียกได้ว่า คนไทย คือ แรร์ไอเทมอีกเช่นกัน !!! ... ผมเดินไปเรื่อยๆ ก็สู้แดดไม่ไหว เลยหามุมนั่งหลบแดด ในขณะที่ฝรั่งอาบแดด

นั่งรอเวลาจนล่วงเลย หันไปถามคนอยากเล่นน้ำว่า เอาไง ... มันก็บอกเดินดูก่อน ผมก็เลยเดินไปดูตามหาด ... ก็ร้าน บาร์ ต่างๆ ก็เริ่มตั้งฐานที่มั่นแล้วครับ เบาะเริ่มเอามาปู ... เสื่อก็เริ่มมา ... ฝรั่งก็สั่งเครื่องดื่มมาดริ๊งค์กัน สนุกสนานฮาเฮ ...  อ่า...พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เป็นสัญญาณว่า แสงสว่างจะหมดไป แต่ไฟการเที่ยวของเราจะยังไม่หมดตาม เก็บภาพความประทับใจไว้สักหน่อย

อยากจะบอกว่า ตอนนั้นมันสวยมากจริงๆ ครับ ... กับวิว แบบนี้ ... ไม่รู้ว่าผมจะมีกี่ครั้งที่เห็นพระอาทิตย์ตกแบบสวยๆ แบบนี้

อีกสักมุมของการดูพระอาทิตย์ตก แต่เมฆวันนั้นเยอะไปหน่อย เลยบังไปบ้างบางส่วน ผมนั่งมองพระอาทิตย์ตกก็ได้แต่คิดว่า... เอ้อ บางทีเราอยู่ในสถานที่แปลกตา ไม่คุ้นชิน เราก็ได้พบอะไรแปลกใหม่ แล้วก็ปรับสภาพไปกับมัน ผมเดินเล่นอยู่สักพัก แล้วก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ... ในบางจังหวะชีวิต เราไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ ... แต่พอทำมันเรามักจะสนุกเสมอ ลองก้าวออกจากบ้านดูสักครั้งครับ ... ประสบการณ์ ความทรงจำใหม่ๆ ... มันรอเราอยู่ทุกที่แหละ

เสร็จแล้วก็กลับไปที่โฮสเทล เพราะอยากล้างตัวแล้ว ... มันเหนียวมาก ... เข้าไปอาบน้ำ ... ก็หวังว่าจะไปหาอะไรกินที่ไนท์บาร์ซ่า ที่ช่วงที่ผมกับเพื่อนไป เขาจัดงานขึ้นมาพอดี ... แต่ก่อนออก ดันได้มาพบปะพูดคุยกับฝรั่งคนหนึ่งคุยไปด้วยสกิลอังกฤษที่ต่ำต้อย แต่มุก เคยไปอยู่เท็กซัส มามันเลยเอาตัวรอดได้ ... ฮ่าๆๆๆ  นั่งคุย ก็รู้ว่า เป็นชาวแคนาดา ชื่อ Ray ... เป็นนักศึกษา อายุ 27 ปีแล้ว ... ก็เลยถามว่ามาที่นี่นานหรือยัง เขาก็ตอบว่า มาหลายเดือนแล้ว เพราะว่าที่นู่นเขาเบรคให้ 4 เดือน ผมเลยตาโต โหหหห สี่เดือนเลยหรอ ... ผมตอบไปว่า ที่นี่ 2 เดือนกว่าๆ เอง 

นั่งคุยไปคุยมา ... มุกก็ถามเขาว่า เรียนเกี่ยวกับอะไร ... เรย์บอกว่า เรียนเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ แล้วก็ถามพวกผมกลับ ผมเลยบอกว่าผมเรียนวิทยาศาสตร์ มุกเรียนสัตวแพทย์ ... เขาก็ชมใหญ่ว่าเก่ง เพราะว่าเขาบอกว่าสายวิทยาศาสตร์ที่นู่นจะเป็นที่นิยมและเรียนยากมาก ผมก็พยักหน้าแล้วหันมายิ้ม คราวนี้มาถึงจุดพีคและพีคสุดแล้วครับ ... เขาถามคำถามที่ผมกับเพื่อนถึงกับสำลัก เขาชมก่อนนะว่า
ผมสองคนน่ารักดี แล้วก็ถามว่า ... "พวกผมเดทกันมานานเท่าไรแล้ว ???" เท่านั้นแหละครับ ผมพุ่งเลย ... รีบปฏิเสธ  มุกรีบตอบว่า ... I like boysssssss !!! ... แล้วหันมามองหน้าผมอย่างมีเลศนัยน์ เรย์ก็เลยหันมาทำตาโตแล้วชี้ที่ผม
ผมก็หัวเราะแล้วก็ ... YeaHHHHHH !!! เขาก็หัวเราะ ก็คุยสนุกกันดีครับ เรย์ก็เล่าว่า มาที่ไทย แล้วก็ไปลาวไปเรื่อยๆ จนเข้ากัมพูชา แล้วก็มาที่นี่ ก่อนจะไปจบทริปที่เกาะพีพี ... ผมโคตรอิจฉาเขาที่เขามีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ ... เขาใช้เงินที่เขาหาเองมาเที่ยว ไม่ได้ลำบากพ่อแม่ เลย ผมนับถือจริงๆ ... การเรียนเขาก็หาเอง พ่อแม่ไม่ส่ง วัฒนธรรมแบบนี้ผมนับถือครับ มันดีที่เขารู้จักใช้และรู้จักเก็บ จนผมกับเพื่อนต้องบอกว่า We're hungry เรย์ก็บอกว่าโอเคๆ แล้วก็นัดแนะว่าพรุ่งนี้จะกินข้าวเย็นกัน ผมก็เออออๆ ห่อหมกไป ฮ่าๆๆๆๆๆ 

คว้ารถ ออกจากโฮสเทล สองสหาย ก็บึ่งเข้าสู่การหาอาหารท้องถิ่นกิน ... อาหารที่นี่ราคาสตาร์ท 60 บาทแล้วครับไม่ว่าจะคนชาติไหน แค่ร้านข้าวตามสั่งก็ 60 เมื่อเช้า ผมทานกระเพราหมูไป ก็ 70 แล้ว ... ผมก็อืมๆๆๆๆ ไปถึง..ไนท์บาร์ซ่า ให้ความรู้สึกเหมือนงานกาชาดสวนอัมพร มีของขาย มีบรรยากาศคล้ายงานวัด ผมเดินหาของกินก็มาหยุดที่ร้านป้าคนหนึ่งมีข้าวหลายอย่าง รวมถึงก๋วยเตี๋ยว ผมสั่งข้าวหมกไก่ เพื่อนผมกินข้าวขาหมู รสชาติ โอเค ถูกปาก ราคาก็ 70 บาททททท กัดฟันจ่ายไปก่อน แล้วก็เดินเล่น น้ำแก้วหนึ่งก็สตาร์ท 20 บาทแล้วครับ ผมก็คิดในใจ "ราคาสูงขนาดนี้แล้วคนท้องที่ล่ะ ทำยังไง ?" ก่อนจะเก็บคำถามนั้นไว้ก่อน เดินหาอะไรไปเรื่อยๆ เห็นว่ามีปาลูกโป่ง ... เดินไป อ่าวววว เจ้ง ขนของกลับแล้วเพราะคนไม่เล่นกัน ฮ่าๆๆๆ มีแต่บ้านลมที่เด็กๆ เล่น 

ผมกับเพื่อนเลยหันมองหน้ากันแล้วก็ตกลงกันว่า จะทำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ตามปัญญาของนักศึกษาสองคนตัวเล็กๆ จะทำให้กับพี่บอลแล้วก็เรย์ ก็เลยแวะร้านสะดวกซื้อ ตามหากระดาษวาดรูปและสีไม้ ราคาถูกที่สุด !!! ก็คว้าได้ แล้วก็ตรงดิ่งสู่โฮสเทล นั่งหน้าห้องระบายกันไปตามประสา ยุงก็กัด แมวก็กวน แต่ก็ตามประสาผู้ชายรักสัตว์ จับออกเลย !!! ... วาดไปวาดมา ออกมาเป็นศิลปะเด็กอนุบาลซะงั้น ฮ่าๆๆๆๆ แต่ก็พอใจอย่างน้อยก็ได้ทำให้ ตอบแทนที่พี่บอลดูแลผมอย่างดี ทั้งที่ผมแค่เดินไปขอเช่ารถ กับมิตรภาพดีๆ จากเรย์ ที่ได้มา 

เสร็จสิ้น ว่าจะไปเดิน Walking street แล้วก็ตามประสาผมผู้ชายสายปาร์ตี้ อยากจะชิว แต่เพื่อนหมอหมานั้น ไม่ไหวแล้ว เลยยกยอดเป็นพรุ่งนี้ เพราะว่าจอง one day trip รอบเกาะ แล้วก็เกาะนางยวน กับพี่บอลไว้ ราคา สนน 750 บาท ... ดำน้ำ 5 จุด .. รวมถึงไปเกาะนางยวนผมก็ใฝ่ฝัน แล้วก็หลับไปปปปปป  จบวันแรกครับ วันที่ 4 มิถุนายน ... สำหรับค่าใช้จ่าย ผมจะสรุปให้ตอนท้ายนะครับ เอาเฉพาะจำเป็น ส่วนนอกเหนือก็อาจจะแนบให้บาง 5555 

สักครู่จะมาเจอวันพรุ่งนี้ครับ 

ฮัลโหลลลลล ... สวัสดีเช้าวันที่ 5 สุดแสนจะสดใสด้วยดวงตาที่ปูดโปน ตั้งใจว่าจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ... แต่ก็ยอมใจกับความขี้เซาของตัวเอง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีตอน 7.00 น. เพราะเพื่อนปลุก ... ลุกขึ้นจากเตียงก็ตกใจ ฝรั่งมาตอนไหนวะ ? 5555... นอนกันแบบไม่มีใครยอมใครครับ ไม่รู้จะตื่นกันเมื่อไร ... ตามประสาคนไทยมีน้ำใจ ไม่ตื่นหรอ เข้าอาบน้ำก่อนเลย ฮ่าๆ อาบน้ำเสร็จ ก็ว่าจะไปเช็คเอาท์ออกจากโฮสเทล เพราะพี่บอลบอกว่าให้มารอที่ร้านพี่บอล ก็เลยไปเช็คเอ้าท์ประมาณ 8.00 น. แต่ว่า ยังไม่มีเงินค่ามัดจำกุญแจของพวกผมทอน เพราะ คนเก็บเงินทอนยังไม่มา !!! อะไรนะ ... ยังไม่มา ... แต่เปิดออฟฟิศแล้ว ผมเลยนั่งรอสักพัก ... ก็เลยตัดสินใจกับเพื่อนว่า จะเอาของไปไว้ที่พี่บอลก่อน ... แล้วค่อยกลับเข้ามา ... ก่อนเดินออก คนที่รับพวกผมเมื่อวานเดินเข้ามาแล้วก็เหมือนจะดุคนที่อยู่ตอนนั้น ครับ ผมกับเพื่อนก็มองตาปริบๆ ภาษาใต้ ฟังไม่ออกนิ ... แต่รู้สึกเหมือนจะด่ากันเลยนิ ... ใจเย็นๆ นะเธ๊ออออ คนไทยต้องรักกัน ... แต่จะฆ่ามัน เอาให้ตายนะ !! ล้อเล่นครับ ฮ่าๆๆๆ เอาของไปไว้ พี่บอลก็ยื่นตั๋วให้ แล้วพี่บอลก็บอกว่า พี่ลดให้เหลือ 700 นะ ... ผมกับเพื่อนนี่ตาโต ยกมือขอบคุณเลยครับ ถ้าตอนนั้นมีกรวยบายศรี ผมเปิดไปแล้ว ... พร้อมพวงมาลัย คารวะเลย ... อะไรจะใจดีปานนั้นนนนนนนนนนน  ผมนี่แทบจะกอดขาพี่บอลแล้วลูบเหมือนแมวน้อย ถ้าไม่เกรงใจคนอื่นจะมาเห็น ฮ่าๆๆๆๆๆ ... พี่บอลโคตรเป็นกันเองครับ ระหว่างนั้นผมก็ไปเช็คเอาท์ แล้วก็รับเงินคืน กลับมานั่งงีบได้สักพัก รถจากบริษัทก็มารับ บริษัททัวร์นี้ ชื่อ Diamond tour ครับ มันจะมีหลายบริษัท แต่ทุกที่จะราคาเท่ากันหมด คือ 750 เหมือนเป็นมาตรฐาน ... พอมารับ ก็ไปส่งที่ออฟฟิศบริษัท ... โอ๊ะ โอ๋ ...Where is Thai people ??? เควชชั่นมาร์คเต็มในหัว ไม่รู้จะอธิบายยังไง คิดถึงพี่ปั๊บขึ้นมาทันที หายนะเริ่มาเยือน ไกด์ก็เป็นชาวต่างชาติ เฮ้ ยูวววววว ... คนไทยเปล่าครับ ... เขาทักผมด้วยภาษาไทยแบบแปร่งๆ ผมก็พยักหน้า เขาเลยบอกกว่าค่าเข้าเกาะนางยวนสำหรับคนไทย 30 บาทครับ ... แต่ชาวต่างชาติจะ 100 แล้วก็เกาะนางยวน ห้ามเอาพลาสติกเขาไปนะครับ เป็นอันเข้าใจตรงกัน จ่ายเงินค่าเข้าเกาะ ... รับสน็อกเกิ้ลสำหรับดำน้ำ ... พร้อมกับสายรัดข้อมือสุดน่ารัก เป็นไหมพรมสีชมพู จนตอนพิมพ์ ผมยังไม่ได้เอาออกเลย ... มันสวยดี ... ตัดสีผิวผมสุดๆ  ครบถ้วนกระบวนความการจ่ายตังค์ ก็นั่งรอขึ้นเรือ ... เฮ้ ฝาหรั่งงงงง ... เยอะแยะไปหมดเลย ... ผมกับเพื่อนเลยนั่งหงอยสักพัก แล้วก็ถึงเวลาขึ้นเรือ 9.30 น. ขึ้นเรือ บนเรือจะมีน้ำชา กาแฟ ผลไม้ แล้วก็ข้าวกลางวันฟรีครับ ผมถือว่าคุ้มมากเลยนะ ถ้าหากไปแค่เกาะนางยวน อย่างเดียวก็ 400 แล้ว อยู่ทั้งวันก็ไม่มีอะไรทำ อ่าๆๆๆ ... แดดแรงเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ขึ้นเรือ ... เราจะออกไปแตะขอบฟ้า (พี่ตูนก็มา) ... เรือออกจากท่าพร้อมกันหมดทุกบริษัท ... ออกสู่อ่าวไทยอันกว้างใหญ่ จับจองที่นั่งบนเรือ พร้อมกับ เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด เคลงเอย มาก ... ถามว่าอะไร ... โคลงเคลงครับ (ขออภัยหากไม่ฮา)

ออกไปในทะเล มันจะฟ้าอะไรขนาดนั้น ... ฟ้า ฟ้า ฟ้า ถ้าไม่ส่งมา ให้เธอมีใจ ... บอกกันสักคำเป็นไร เอ้ยยย นอกเรื่องๆ ...คือมันฟ้า จริงๆ ครับ ... ฟ้ามากสวยมาก ... เรือก็ฟ้าไปอีก เลยฟ้าไปกันใหญ่ จบเรื่องฟ้าไว้เท่านี้ ฮ่าๆๆๆๆๆจุดแรกที่จะได้ดำคือ ... Shark Bay นะครับ หรือ อ่าวฉลาม อ๊ะๆๆๆ แค่ได้ยินชื่อฉลามก็น่ากลัวใช่ไหมล้าาา ??? แต่ไม่ต้องกลัวครับ ที่ผมไป ไม่เจอสักตัว (_ _") ความฝันที่จะได้ว่ายน้ำกับฉลามเป็นอันสูญสิ้นเป็นเถ้าธุลี ... ฉลามที่ว่าเป็นฉลามครีบดำนะครับ ไม่ทำร้ายคน เพราะเป็นสัตว์กินพืช ... น่ารัก น่าชัง ... จังซี้ละน้ออออออ ... เอาเป็นว่า ดูปะการังไปแล้วกัน ... งัดกล้องถ่ายใต้น้ำแบบกากๆ มา แล้วก็ว่ายน้ำครับด้วยสกิลว่ายน้ำที่ฝึกจากสระหลังบ้านตา ... ไม่ใส่ชูชีพด้วย ... ก็จะเห็นดังภาพ ปลาเยอะดีครับ ตัวเล็กตัวน้อย น่ารักดี

ดำไปสักพัก รู้สึก ยังไม่มีอะไร ... เลยขึ้นจากน้ำ ... สกิลดำน้ำนี่ สมัย ม.3 ก็ยังขุดมาใช้ ... สถานีถัดไป คืออ่าวลึกครับ ... จุดนี้บอกเลยว่า ถ้าเฟลจากที่แรก ... แล้วไม่ดำ .. ขอบอกว่าพลาดมาก ...เพราะที่นี่สวยจริงๆ ครับ สวยมากๆ ปะการังเยอะ ปลาแยะ ... น้ำใสๆๆๆๆๆๆ

เรียกได้ว่าจุดพีคอีกจุดหนึ่ง ที่ผมลงไปเพราะลุงคนขับเรือบอกครับว่าตรงไหนสวยตรงไหนไม่สวย ... พอผมขึ้นมากับเพื่อน ... ก็ยกนิ้วโป้งให้ลุง ... ลุงก็บอกว่า "ไม่รู้จะโกหกไปทำไม เพราะลุงเห็นมาตลอด ถ้าไม่สวยลุงก็บอกไม่สวยไปแล้ว"
ผมกับเพื่อนนี่อยู่บนเรือผมอยู่กับลุงที่ห้องคนขับตลอดครับ ฝรั่งก็มองงงๆ ฮ่าๆๆๆ ผมถามลุงว่า ลุงขับเรือมานานแค่ไหนแล้ว ... ลุงบอกว่า ตั้งแต่เกิดก็อยู่กับเรือ กินอยู่นอน ก็กับเรือ ผมก็พยักหน้า ชาวประมงโดยแท้ครับผมก็ถามว่า น้ำที่นี่ต้องใช้ยังไง ... ลุงบอกว่าต้องซื้อเอาทั้งหมด ... น้ำอุปโภคก็ลิตรละ 5 บาท ผมก็ตาโต โห ห้าบาทเลยหรอ ลุงบอกก็ใช่ ... ส่วนน้ำกินจะซื้อมาเป็นถังๆ เอา ... ผมก็คิดว่าที่นี่ค่าครองชีพสูงมาก แต่ก็คุ้มค่าจากเขาแล้วมั้งครับ ฮ่าๆๆๆๆ

จุดต่อไป คือ ... อ่าวหินวง ครับ จุดที่ผมกับหมอหมาจะมา แล้วหาทางเข้าไม่เจอ พี่แป้งกับพี่บอลบอกว่า ... ที่นี่สวยมาก ผมเลยอยากมา ... แต่มาไม่ได้ เป็นอันยอมแพ้ รอมาวันนี้เอา ... แล้วก็พอดำลงไป ... ก็ ... สวยมากจริงๆ ครับ ปะการัง ดอกไม้ทะเลเรียกได้ว่าสมบูรณ์มากๆ ครับ ... ปลาสวยงามก็เยอะ ผมเลยอดใจว่ายน้ำเล่นไม่ได้ มาถึงตรงนี้มีเรืออีกลำที่คนไทยเช่าเหมามา ทุกคนใส่เสื้อชูชีพกันหมด เขามองมาที่ผมว่าทำไมผมไม่ใส่ ผมก็บอกว่าไม่ใส่ครับ ว่ายน้ำเป็น เขาก็ชมว่าเก่ง ... ผมก็ยิ้ม แล้วก็ถึงเวลายลโฉมแล้ว ... อ่าวหินวงที่รักของ ช้านนนนนนนนนนนนนนน รูปเยอะมาก เลยครับบบ

แล้วก็หันไปใช้เพื่อนให้ถ่ายรูปให้ครับ กว่าจะได้ ทุลักทุเล เพราะเกือบหายใจไม่ทันอยู่นานพอสมควร

เป็นอ่าวที่ผมประทับใจที่สุดแล้วครับ ความสมบูรณ์ของมัน ความสวยงาม ... แต่ห้ามเหยียบปะการังและโขดหินนะครับ ... ห้ามโดยเด็ดขาด

สวัสดี ตอนบ่ายแก่ๆ ... จนเกือบเย็นแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆ พร้อมแล้วครับ ... พอดีตื่นไปสอนพิเศษแต่เช้า ... แล้วก็กลับมานอนต่อเพราะรู้สึกไม่อิ่ม ตื่นมาก็สี่โมงครึ่งแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงนะครับ มาต่อเลย


หลังจากที่ดำน้ำดูปะการังที่สวยงามของอ่าวหินวงเสร็จ ผมก็ขึ้นจากน้ำด้วยความปิตียินดียิ่งนัก เพราะสวยมากมาย พอขึ้นจากน้ำปั๊บ ... จอห์นไกด์ หนุ่มชาวต่างชาติ ก็แจกข้าวให้พวกผมคนละกล่อง ที่มันรวมอยู่ในทริป แต่เพื่อนผมนี่สิครับ หลังจากขึ้นจากน้ำแล้วมันเมากลิ่นน้ำมันเครื่องของเรือ ฮ่าๆๆๆ หน้านี่หมดกัน ตอนแรกนึกว่าเมาเรือ เลยขอยาจากลุงให้ พอมันกิน ... แล้วก็กินข้าว สรุปแล้วก็หาย ... ข้าวที่ได้ คือ ข้าวกระเพราหมู+ไข่ดาว ครับ รสชาติ ก็ฝรั่งกินได้ ทำกลางๆ จืดๆ ชืด ไม่เผ็ด มีฝรั่งสาว 2 คนไม่กล้ากิน ผมเลยบอกว่า "It's not spicy" เขาก็ยิ้มแล้วก็ขอบคุณ หลังจากเติมพลังเสร็จเรียบร้อย เรือก็ออกไปยังอ่าวต่อไปคือ อ่าวม่วง อ่าวที่ผมเล่าไปว่า ทางลงอันแสนหฤโหด ที่วิชา เพชรบุรีดริฟท์ ของผมช่วยอะไรไม่ได้เลย ... ก็อยากจะยลโฉมสักหน่อยว่า มันจะเป็นยังไง ... ระหว่างบนเรือ ผมโชคดีได้รู้จักกับ พี่สุกี้ ครับ ... เป็นสาวชาวไทย พื้นเพเป็นคนจังหวัดชุมพร แต่ไปทำงานที่เกาะสมุยมีสามีเป็นชาวอเมริกัน อยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ผมกับเพื่อนก็ดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้เจอคนไทยเหมือนกัน ผมนี่อยากจะปาดน้ำตาด้วยความตื้นตัน คุยไป คุยมา พี่กี้ บอกกับผมว่า มาเที่ยวได้หลายวันแล้ว แฟนอยากมา พอมาแล้วก็บอกว่า สมุยสวยกว่า ฮ่าๆๆๆ เพราะว่าเกาะเต่าส่วนใหญ่ฝรั่งที่มา จะมาดำน้ำกันเสียมากกว่า แล้วโรงเรียนสอนดำน้ำบนเกาะเยอะมากครับ สอนดำกันแบบจริงจัง บนเกาะนี้สามารถผลิตนักดำน้ำออกมามากมายหลายคน ถือว่าหลักสูตรดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ที่สมุยถ้าจะเล่นน้ำ มาให้เล่นเยอะกว่า แล้วพี่กี้แกก็ชวนผมกับเพื่อนไปเที่ยวสมุย ผมก็เลยบอกว่า ตอนแรกก็ว่าจะไปสมุย แต่ว่าเวลาไม่โอเค เลยมากันที่เกาะเต่าก่อน พี่กี้ก็เลยชวนไปสมุย แล้วก็ให้แอดเฟรนด์กันไป เวลาไปก็ทัก-ทายกันได้ ผมก็ขอบคุณ

เอาล่ะ เรือแล่นมาเรื่อยๆ ... ก็มาถึงอ่าวม่วง มาถึงผมก็พยายามมองหาคนครับ ว่ามีใครเล็ดลอดเข้ามาได้บ้างจากทางด้านบน ผลปรากฎว่า น้อยมาก เพราะว่าลุงที่ขับเรือบอกว่า ทางมันค่อนข้างอันตราย ไม่ค่อยมีใครมาหรอก ส่วนใหญ่มาเรือกันทั้งนั้น ผมก็พยักหน้า มิน่าล่ะ สมคำล่ำรือ จริงๆ เพราะในอ่าว รีสอร์ทน้อย แต่ก็สวย พอถึงอ่าวม่วง จอห์นก็บอกว่าสามารถกระโดดน้ำได้ ไม่ว่าจะข้างล่าง หรือชั้นสองของเรือ .....ผมก็ อ่าห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา งัดวิชา กระโดดน้ำจากกิ่งต้นมะม่วงริมสระหลังบ้านตา มาใช้ทันที วิ่งขึ้นข้างบน ถอดสน็อกเกิ้ล พร้อมกับเตรียมตัว เพื่อนหมอหมาผมรออยู่ในทะเล ตอนนั้นมันดีขึ้นแล้ว .... ขึ้นไปข้างบนขอทำใจ เพราะเป็นผู้ชายกลัวความสูง ฮ่าๆๆๆ ขาสั่นแบบ 9.0942 ริกเตอร์แต่ก็ทำใจ อยากกระโดด เทคตัวแบบ เครื่องบินเทคออฟ ท่าทางไม่คิด เพราะไม่เอาท่าสวย เอาสนุกเป็นพอ ... กระโดดลงไป ตู้มมม !!!! ลงไปลึกพอสมควร รีบตีขาขึ้นมาอย่างสนุกสนาน แล้วก็ว่ายฟรีสไตล์ 100 ม. กลับมาที่เรือ แล้วก็อยากกระโดดอีก แต่เกรงว่าจะไม่ทันได้ดูที่อื่นเลยต้องขึ้นเรือหยิบสน็อกเกิ้ล แล้วก็ดำน้ำตาทันที ... อ่าวม่วงน้ำค่อนข้างลึกครับ เลยเห็นอะไรไม่เยอะ กล้องก็จับอะไรไม่ได้ เลยคิดอะไรสนุกๆ ดำน้ำลงไปในทะเล แล้วให้เพื่อนถ่ายให้จากด้านบนดีกว่า ... คิดได้ก็เอาท่อหายใจออก แล้วนับ 1 2 3 !!! หายใจเข้าให้สุด บอกมุกว่า ขอรอบเดียวผ่าน พอดำลงไปรอบแรก ... อยู่ได้ไม่นานก็ขึ้น สรุป ... มุกเก็บไม่ได้ !!!! เลยจะยกเลิก แต่ว่า ... เฮ้ย มันต้องได้ดิเลยลงไปอีกรอบ คราวนี้แหละ เป็นอันพอใจในความพยายามของตนเอง ยิ้มกระหยิ่มย่องอยู่ในใจ ได้รูปสวยดี ฮ่าๆๆๆๆๆ แม้ขาจะกางไปหน่อยก็ตาม

ก็ได้ภาพมาประการละฉะนี้ ... เสร็จแล้วก็ว่ายน้ำเล่นเสียหน่อย เพื่อนก็อยากได้ภาพบ้าง แต่ดำลงไปไม่ได้ เลยถ่ายให้แบบบนน้ำนั่นแหละ มันก็โอเค เสร็จแล้วก็ขึ้นจากเรือ เพราะว่าจะได้ไป เกาะนางยวน น น นน นน  กันแล้ว ฮูเร่ !! ขึ้นมาก็พักร่างกาย ใส่เสื้อเพราะต้องเดินลงไปเกาะ  ก็ได้รู้จักกับป้าคนหนึ่ง เป็นคนต่างชาติ ชาติไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ... พูดอังกฤษไม่ได้ พูดได้แต่ภาษาสเปน ผมกับเพื่อนนี่งงกันไปสิครับ ดีที่แฟนที่สุกี้พูดได้ เลยให้เขาเป็นตัวช่วยของคนบนเรือแทน  นั่งเรือออกสู่เกาะนางยวน เกาะที่มีหาดทรายแวกขึ้นมาเชื่อมเกาะทั้งสามเข้าด้วยกัน

พอลงที่ท่าเสร็จปุ๊บ บอกได้คำเดียวครับว่าเกาะนี้ ร้อนบรม บรมมะโคตรร้อน ผมกับเพื่อนนี่จะไม่ลงกันอยู่แล้ว เพราะ ทนพิษแสงแดด ไม่ไหว แต่ เอาวะ นานๆ ที ... จำคำพี่แป้งไว้ว่า "มาทะเล อย่ากลัวดำ" เดินลง ก็ต้องไปรอที่ทางเข้าเกาะ เพราะต้องรับตั๋ว ที่จ่ายเงินไปเมื่อเช้าพร้อมกับใครน้ำของห้ามเข้าเกาะมาก็ต้องเอาวางไว้ อันได้แก่ ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก เพราะบนเกาะจะไม่ให้มีขยะอยู่เลย

พอเดินเข้าเกาะรับตั๋วเรียบร้อย ก็มีเวลาถึง 4 โมงเย็น ผมก็ดูนาฬิกาของมุก บอกว่า ... ตอนนี้ บ่าย 2 อื้ม สองชั่วโมงเต็มๆ บนเกาะนี้ เลยหยิบกล้องมา แล้วก็ว่าจะขึ้นไปดูจุดชมวิว ... ที่เขาร่ำลือกันว่า ทางขึ้นสุดแสนจะเหนื่อย ... แต่ก็เก็บรูปจากท่าเรือมาได้ สีน้ำสวยมากกกก ... บนเกาะจะมีเตียงสำหรับให้นั่งบนหาดด้วยครับ เรียงไปตามความโค้งของหาด แต่ผมไม่นั่ง เพราะ แพง !!! ฮ่าๆๆๆ

 

เดินไปถึง ... ทางขึ้นก็บอกได้คำเดียวว่า ... โอ๊ะโอ๋ ให้มันได้อย่างนี้สิ ... บันไดนับร้อยขั้น แต่ก็คิดในใจ ยังดีกว่าที่ จอห์นสุวรรณ แหละวะ ฮ่าๆๆๆ ... เก็บพลังชีวิตเสี้ยวสุดท้ายของวันไว้เพื่ออันนี้เลยนะครับ อยากขึ้นไปชิมบรรยากาศที่สวยงามสักครั้ง เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เดินสวนกับคนต่างๆ แต่ละคนนี่หายใจกันทางจมูกอย่างเดียวไม่ได้แล้วครับ ... ออกทางปากมาด้วย พร้อมกับเสียงหอบกันทุกคน ยังๆ บาส ยังไม่ถึงขั้นนั้น ... ด้วยกล้ามเนื้อขาที่ค่อนข้างเยอะ และแข็งแรง เลยไม่ส่งผมมาเท่าไร แต่หมอหมา นั้น.... ขึ้นได้ครึ่งทาง

"บาสสสสสสสสสส กูเหนื่อยยยยยยยยยยย" ผมก็ต้องปลุกพลังกายของมันในช่วงสุดท้ายของชีวิตมันขึ้นมาอีกครั้ง บอกมันไปว่า"คิดเสียว่า ... ฝรั่งหล่ออยู่ข้างบน" บอกได้เท่านั้น มันหายใจเข้าแล้วก็เดินตามผมมา อีกไม่กี่ขั้นเท่านั้น เหงื่อแตกออกเป็นเม็ดๆ ... พร้อมกับแขนขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ใครอยากผอม แนะนำวิ่งขึ้นลงจุดชมวิวนี้ครับ คุณได้ไปเลย หุ่นที่ดี มันดีมากนะซาร่า !!!!

เดินขึ้นไปก็จะพบกับผู้คนมากมาย ... ผมก็ต่อคิว ... พอถึงคิว ก็ต้องรีบถ่าย เพราะถ่ายเยอะไม่ได้ มีสายตาพิฆาต จากอาจุมม่า มองจิก มองแรงด้วยการไม่วางตา ... ถ้าหากผมถ่ายนานกว่านี้ อาจจะโดน ผมบิดลอน หยิกหยอยนั้นฟาดหน้าเอาได้ ถ่ายตัวเองเสร็จ ถ่ายเพื่อนเสร็จ ก็เสร็จพิธี แต่บอกเลยว่า ... สวยงาม ... สมค่าเหนื่อยอีกแล้วครับ ท่านผู้โชมมมมมมมมมมม

น้อยนักที่เราจะเห็นหาดทรายแบบนี้ ... เป็นอีกครั้งที่ผมคิดว่า ... ความเหนื่อย พอเราได้แลกไปแล้ว ... สิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มค่าเสมอเราตั้งใจทำอะไรแล้ว ไม่มีคำว่าเหนื่อยฟรี แน่ๆ ...

ถ่ายเสร็จก็ทนพิษแสงแดดไม่ไหว เลยวิ่งลง ว่าจะไปถ่ายรูปข้างล่างสักหน่อย แต่ว่า คนเยอะเกิ๊นนนนน ... บวกกับน้ำลง เลยถ่ายได้ไม่สวยเป็นอันสูญสิ้นการถ่ายรูปแบบ ไม่มีความหวัง ฮ่าๆๆๆๆ ข้างล่างจะมีบาร์น้ำดื่มครับ แต่ผมกับเพื่อนไม่ได้เอากระเป๋าตังค์ลงมา เลยต้องอดทน ฝืนใจ ฝืนคอแห้ง กันไปแบบเหนื่อยอ่อน ... เดินลงมาก็เดินดูรอบๆ เกาะ เสียหน่อย เดินอ้อมไปเรื่อยๆ ... น้ำเกาะนี้สวยมากครับ เป็นน้ำที่ใส แปลกนะ อยู่ติดกับเกาะเต่า แต่น้ำก็แตกต่างกันก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ... เดินไปเรื่อยๆ ... ก็มีมุมถ่ายรูปเยอะครับ เลยจัดแจงช่วยกันถ่ายรูป แต่รูปวิวส่วนใหญ่ผมจะถ่ายเอง ฮ่าๆๆๆ 

เดินถ่ายรูปกันสักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่า ... พลังชีวิตใกล้หมด เหมือนเล่มเกมส์แล้วโดนบอสจะฆ่า ต้องวิ่งกลับมาหลบแดด แดดเมืองไทยที่แรง ทำตัวแรงแบบนี้ แม่ไม่ว่าหรอเธ๊ออออ อยากถาม แต่ก็ได้แต่คิดในใจ ฮ่าๆๆๆๆ

กลับมานั่งพักหลบแดดที่ชายคา เพิงที่มีอยู่ ... เวลาก็ บ่าย 3 โมง อีกหนึ่งชั่วโมง หิวน้ำก็หิว เลยได้แต่อดทน แต่ก็มาเจอเรย์อีกครั้งแล้วก็คุยกันอยากสนุก ส่วนเพื่อนผมก็นัดแนะกันกินข้าวเป็นที่เรียบร้อย เหมือนว่าก่อนจากกันนั่งพูดคุยกันเสียหน่อย เป็นพิธี

นั่งรอจนได้เวลาขึ้นเรือ ก็กลับ ... ลาก่อนเกาะนางยวน เกาะที่เฝ้าถวิลหา มาตลอดชีวิต ขอบคุณที่ทำให้มันสวยงามได้ขนาดนี้ อันนยองงงงง แล้วถ้ามีโอกาส บาสจะกลับมาใหม่น้าาาา โบกมือบ๊ายบาย ก็ขึ้นเรือที่โคลงเคลงกลับ พอถึงบริษัท ก็ไปส่งที่ร้านพี่บอลอีกครั้ง พอไปถึงก็จัดแจงอาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัวกันให้เรียบร้อย เพราะนัดกับเรย์ไว้ตอน หกโมงเย็น สักครู่ครับ เดี๋ยวมีต่อ สตอรี่นี่ยาวมากกก 

ต่อนะครับ ........................

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งพักสักหน่อย จัดแจงทาครีมบำรุง ใส่เสื้อผ้า แล้วก็นั่งพักสักครู่ ... นั่งคุยกับพี่บอลว่าเจออะไรมาบ้าง ก็สนุกสนานวันนั้นหลานชายแกมาอยู่ด้วย เลยได้คุยกันนิดหน่อย หลานแกชื่อ น้องฟลุ๊ค ครับ เป็นเด็กร่าเริง แต่พูด "ครับ" ทุกคำ พี่บอลก็พูดกับหลานแก ครับ ทุกคำ ทุกประโยค ขนาดดุ แกยังครับเลย แกดุเหมือนไม่ดุ แต่ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ได้ยินมาประโยคหนึ่ง"ฟลุ๊คครับ ถ้าดื้อแบบนี้กลับบ้านไปเลยครับ" เท่านั้นแหละครับ น้องฟลุ๊คเงียบเลย แต่น้องเขาไปตักลูกน้ำยุงมา แล้วให้ปลากิน แต่ปลาไม่กินตัวโม่ง ... น้องเลยถามว่า ทำไม มันไม่กิน ... เอาล่ะ ความรู้ชีววิทยาของบาสและมุกก็ต้องเอามาใช้ แต่หน้าที่นี้มอบให้มุกครับเพื่อนผมก็อธิบายด้วยเสียงร่าเริง ไปกับน้อง อธิบายเสร็จ น้องก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ เลยเอาเป็นว่า ได้เวลานัดแล้ว เดินออกจากร้านพี่บอล ไปตามสถานที่นัด ... พอดีกับ เรย์มาพอดี เลยจัดแจงเดินหาร้านอาหารกิน ... แต่ว่ามื้อนี้อยากจะกินแบบเอาใจเรย์หน่อย แต่เรย์ก็บอก"อะไรก็ได้ แล้วแต่พวกผม" ผมเลยบอกว่า พวกคุณแล้วแต่พวกผม แต่ผมแล้วแต่มุกมันครับ เรย์ก็หัวเราะ เดินร้านนั้นร้านนี้ก็ไม่พอใจ เพราะราคา อาหารค่อนข้างแพง เพื่อนผมเลยเปิดหารีวิวเอาซะเลย ... ตัดสินใจไปร้านที่ชื่อว่า Barracuda เป็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นครับ ... นั่งสักพักก็ได้โต๊ะ ... แต่พอเอาเมนูมาปั๊บบบบบบบบ ... โอ้ละน้อออออ หายนะเอยยย เมนูภาษาอังกฤษล้วนๆ ผมก็หันไปถามพนักงานชาวพม่า ผู้มีสกิลภาษาอังกฤษดีมากว่า "Do you have Thai language menu?" พนักงานบอกว่าไม่มี ผมก็อื้มมมม ต้องงัดทักษะ การอ่านและแปลขึ้นมาใช้ไปอีก หันไปบอกเรย์ว่า ผมต้องอ่านแล้วก็ต้องแปลเป็นภาษาไทยในตัว เรย์ก็หัวเราะ ไม่รู้จะกินอะไร เพราะราคาแพงทุกอย่าง เลยสักสเต๊ก ปลาทูน่า ขนาด 125 กรัม ... พนักงานก็ถามว่า ... "What's cooked ?" ผมเอ๋ออเลย ขอความช่วยเหลือจากเรย์ เรย์ก็บอกว่า จะเอาให้เนื้อมันสุกขนาดนั้นไหน ผมก็ถึงบางอ้อ บางละมุง ทันที ... บอกว่า เอาปกติครับ พร้อมกับสั่งน้ำแอปเปิ้ล ตามประสาผู้ชายชอบกินน้ำผลไม้ เปล่าหรอก โง่ ลืมไปว่ามันก็มีโค้ก แต่ว่าเรย์นั้นซดเบียร์เลยครับ เขาบอกว่าขึ้นเรือจะได้หลับเลย ... ผมก็บอก "I think so" ระหว่างรออาหาร ซึ่งนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มุกก็คุยกับเรย์ ไปเรื่อยๆ อยากรู้อะไรก็ถาม เรย์ถามผมมาว่า มาเที่ยวนี้ขอเงินพ่อแม่ มาหรือเปล่า ผมก็ส่ายหน้าบอกว่า ผมทำงานพิเศษ แล้วเก็บเงินมาเอง ... เขาก็ชมว่าเก่ง ... เหมือนกับเขาครับ ทุกก็บอกว่า อยากไปแคนาดาสักครั้ง ... เรย์ก็บอกว่า ถ้ามาเดี๋ยวพาเที่ยวเอง ผมก็ยินดี แต่ไม่รู้จะได้ไปเมื่อไร

รอนานจนอาหารมาเสิร์ฟ ก่อนกินก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย ... อาหารของเรย์ได้ก่อนผม แต่เขาบอกว่ารอทานพร้อมกัน เพื่อนผมเลยหันไปบอกว่า "sorry,it's Thai style" เรย์ก็หัวเราะแล้วบอกว่าเขาเข้าใจ ที่ผมถ่ายไว้ไม่ใช่อะไรนะครับ นานๆ จะกินแพงแบบนี้ ราคาของผม จานนี้ 280 บวกกับน้ำแอปเปิ้ล 60 เรียกได้ว่า กินมื้อนี้ไป กลับไปเป็นยาจกแน่นอน แต่ผมก็คิดว่านานๆ จะมีเพื่อนชาวต่างชาติ 

กินไปคุยไป ... บนโต๊ะมีส้อมอยู่สองอัน เล็กอันหนึ่ง ใหญ่อันหนึ่ง ... ผมก็งงไม่รู้จะใช้อันไหน เพราะเล็กแบบส้อมปกติ เรย์ก็เลยบอกว่า อันเล็กสำหรับขนมหวาน อันใหญ่สำหรับเมนคอร์ส ผมก็พยักหน้าแล้วก็ โชว์โง่ไปอีกครั้ง ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่อยากจะนึกเลย เด็กไทยเจ้าบ้านสองคน ให้ฝรั่งนักท่องเที่ยวมาสอนการกินอาหาร ผมก็ถามไปถามมา จนได้ข้อสรุปที่โง่อีกครั้งคือ


"เรย์ ชอบอาหารไทย !!!!" ผมนี่อยากจะร้องไห้ รู้แบบนี้ พาไปกินอาหารตามสั่งตรงข้ามร้านพี่บอลก็ดี ฮ่าๆๆๆๆ แล้วก็ได้ใจความว่า เรย์ชอบแกงเขียวหวาน แล้วก็ชอบแบบเผ็ดๆ ด้วย ... ผมกับเพื่อนก็บอกว่า เดี๋ยวจะส่งผงแกงเขียวหวานไปให้ ที่แคนาดา ฮ่าๆๆๆๆๆ

อาหารก็รสชาติโอเคครับ ... ฟิวชั่นของจริง ผมกินไปนี่ รู้เหมือนน้ำเกรวี่จะรสชาติพอๆ กับ ต้มจิ๋วบ้านเรา ฮ่าๆๆๆ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ... ทุกการพบเจอก็ต้องมีการลาจาก ... ทานอาหารเสร็จผมก็เดินมาส่งเรย์ที่บริษัทที่พาขึ้นเรือนอน
ผมกับมุก ยืนสั่งลากันอยู่สักพักใหญ่ บอกว่าขอบคุณที่เราได้เจอกันนะ ... ขอบคุณที่ร่วมเติมความทรงจำให้กัน แล้วก็กอดกันไปคนละที ฮ่าๆๆๆๆๆ

ส่งเสร็จผมก็เดินกลับมาที่ร้านพี่บอล ... เวลาเหลืออีก 3 ชม. นั่งคุยกับพี่บอลสักพัก พี่บอลน่ารักครับ เวลาฝรั่งเข้ามาถามว่า พี่บอลพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ... พี่บอลจะบอกทุกครั้งว่า ได้นิดหน่อย แต่ผมว่าพี่บอลพูดเก่งมากกกกกกกก แต่โคตรถ่อมตัว ผมถามพี่บอลว่าทำไมบอกว่าได้นิดหน่อย พี่บอลบอกว่า ... เราแค่สื่อสารกันรู้เรื่องก็พอแล้ว พี่ไม่ได้เก่งอะไรหรอก ผมก็พยักหน้าแล้วก็ว่าจะไปเดิน Walking street ที่เมื่อวานไม่ได้ไปเดิน ... จับกล้อง คว้ากระเป๋า ก็เริ่มทัวร์ ถนนสายปาร์ตี้ ที่ฝรั่งแฮปปี้ เวลามีเครื่องดื่ม พอเดินเข้าไปแปลกครับ ... ทำไมคนเยอะจัง ... ได้คำตอบว่า ฝรั่งเพิ่งกลับมาจาก full moon party ที่พงัน ผมก็ถึงอ้อออ มีโอกาสจะไปบ้างสำหรับผู้ชายสายปาร์ตี้อย่างผม ... วันนั้นรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว ยังไงก็ต้องจิบเบียร์ให้ได้บรรยากาศ ผมเลยบอกมุก ไม่ไหวแล้ว เดินเข้าไปซื้อเลย ผมถามว่าราคาเท่าไรครับ ? เบียร์ขวดเล็ก เขาตอบว่า "คนไทย 60 ครับ ฝรั่ง 80" อื้มมมม โชคดีที่เป็นคนไทย ฮ่าๆๆๆๆ เดินไป จิบไป ก็ฟินสิครับ
ได้บรรยากาศมากๆ 

ตลอดทางเดินก็มีฝรั่งเรียก "hey boy hey boy" ตลอด ผมก็เดินเข้าไปทักทายนิดหน่อย แล้วก็เดินออก แล้วก็ไปซื้อโปสการ์ด ที่ไปที่ไหนผมต้องซื้อ ผมเลือกมาแผ่นละ 20 ห้าใบ ก็จ่ายไปร้อยหนึ่งแล้วก็เก็บ ก่อนจะบอกเพื่อนว่า ยังไม่ได้เดินลงไปดูหาดทรายรีตอนกลางคืนเลย ก็เลยตกลงเดินลงไป ... ก็หาดปาร์ตี้จริงๆ ครับ มีร้านแน่นเรียงเต็มหาด แล้วก็ทุกๆ 2 ทุ่ม จะมีการโชว์ควงไฟ ที่เป็นเหมือนลายเซ็นต์ ไปแล้วตามประสาผู้ชายชอบปาร์ตี้ ได้ยินเพลงขึ้นมานี่ ผมแทบจะดิ้นบนหาดทรายแล้วครับ อย่าให้เปิดหมอลำนะ ... เซิ้งแน่นอน ครับผม !!!


เก็บภาพได้ไม่สวยมากนัก แต่ก็พอใจ ... 

เขาก็โชว์ตกบ้าง พลาดบ้างไปตามประสาครับ รู้มาว่าเป็นชาวพม่าทั้งสิ้น พี่บอลบอกว่า ... เวลากลางวันพวกเขาว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็ควงเล่นกัน จนได้มาโชว์ อืมมมมม ใช้เวลาว่างได้เป็นประโยชน์ ... เสร็จแล้วผมก็เดินเล่นริมหาด เจอกลุ่มเด็กไทย จะเข้าไปทัก แต่ก็ไม่กล้า เพราะมากันเยอะเกิน กลัวโดนรุม ฮ่าๆๆๆ ... เสร็จแล้วก็จะขึ้น ... แต่หาทางขึ้นไปเจอ เลยเดินลัดเข้าบาร์ไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ



กลับไปที่ร้านพี่บอล ... เพื่อให้พี่บอลไปส่ง รู้สึกใจหายครับ ที่ต้องกลับแล้ว ยอมรับว่าไม่อยากกลับเลย แต่มันก็ต้องกลับ เตรียมของ อะไรเสร็จ พี่บอลก็จะไปส่ง แต่นึกว่าพี่บอลจะเอารถมอไซค์ไปส่ง แต่บอกว่าเอารถยนต์ไป ผมนี่แทบกราบอีกครั้ง อะไรจะประเสริฐ ขนาดนั้น ระหว่างทางเดินไปรถ พี่บอลก็บอกว่า ... วันนั้นที่ผมเข้าไปติดต่อ ปกติ ... พี่บอลยังไม่ลงมาร้านเพราะมันเช้ามาก แต่วันนั้นคิดยังไงไม่รู้ลงมาร้าน แล้วเห็นผมเดินผ่านไปสองรอบ แต่ไม่กล้าทักเพราะคิดว่าเป็นคนจีน หรือคนญี่ปุ่น ผมก็เลยบอก เอ่อ พี่บอลดูตาบาสด้วย กับสีผิว ฮ่าๆๆๆ ... ผมก็เลยบอกว่า พรหมลิขิตบันดาล มากเลยพี่บอล ฮ่าๆๆๆๆ ... พอไปถึงรถ ก็โอ้โห รถสะอาด ผมว่าพี่บอลต้องไม่เคยไปส่งใครด้วยรถตัวเองแน่ๆ พี่บอลบอกว่า รถคันนี้พี่ใช้ส่วนตัว ผมก็คิดในใจ ใช้ส่วนตัว แต่เอาไปส่งพวกผม โคตรใจดีอ่ะ ... (ใครไปเอารีวิวนี้ให้ดูก็ได้นะครับ)

พอมาถึงท่าเรือ เรือนอนเป็นอีกของบริษัทครับ ได้ตั๋ว ได้เตียงเสร็จ ก็สั่งลา เป็นอีกครั้งที่อยากร้องไห้ แต่มันร้องไม่ออก มันดีใจ และตื้นตันมากกว่า"ขอบคุณพี่บอลในทุกๆ เรื่องบนเกาะ ทำให้การมาเกาะเต่าครั้งนี้มันเต็มไปด้วยทุกอารมณ์จริงๆ ... ถ้ามีโอกาส ผมจะกลับไปหานะครับ"

ขึ้นเรือ ล้างหน้า แปรงฟัน สวดมนต์ เรือออก 23.00 เหมือนเดิม ...

เสียงหวูดเรือดัง ... พร้อมกับการสั่งลาเกาะเต่าที่รักแบบใจหาย ทุกอย่างบนเกาะนี้มันสวยงามในความทรงจำของผม การประสบพบเจอกับทุกคนมันสนุกมาก มันสวยงามมากกว่าการได้มาเที่ยว ในการเดินทางทุกครั้ง ผมไม่เคยโฟกัสเรื่องจุดหมายปลายทาง ผมจะโฟกัสกับการเจออะไรระหว่างทางมากกว่า ... ตั้งแต่ขึ้นรถไฟมาวันแรก จนมาถึง เรือนอนออก ในตอนนั้น ทุกเรื่องอยู่ในความทรงจำเสมอ ผมจำได้ตอนที่วิ่งขึ้นรถไฟ จนถึงเรือออก จำได้ทุกเหตุการณ์ ... และ "ผมจะไม่มีวันลืม" 

"ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะมีกี่ครั้งที่เราได้ทำอะไรแบบนี้ ลองตัดความกลัวออกจากตัวเองดูครับ ก้าวออกจากบ้าน อย่าจมปลักอยู่กับที่เดิมๆ อย่ายึดมั่นในชีวิตแบบเดิม การได้พบเจอ ได้พูดคุยกับคนอื่น สร้างมิตรภาพที่สวยงามได้เสมอ เพียงแค่คุณก้าวพ้นประตูนั้นออกมา"


นอนบนเรือนอนได้ตื่นมาอีกที เรือถึงฝั่งแล้ว ... ก็มีรถมารับ ไปสถานีรถไฟ ... มาถึงก็รู้ว่ารถไฟมา 7.00 เลยมีเวลา และได้รถไฟฟรีแล้วครับตอนนี้ดีใจ ตื้นตัน บรรยากาศรถไฟ สุดคลาสสิก !!!!


คราวนี้ไม่โง่แล้วครับ ... ลงที่นครปฐมเลย ... ฮ่าๆๆๆๆ เสร็จแล้วก็มีเวลา ผมไปล้างหน้า ล้างตาแล้วก็เดินออกมาหาอะไรกิน แต่มีแบงค์พันไม่กล้าซื้อร้านไหนเลย ... แต่ก็ซื้อจนได้ ... เลยได้ข้าวเหนียวหน้าหมู ห่อน้อยน่ารัก มา ห่อหนึ่ง ห่อละ 12 บาท เป็นราคาที่แฮปปี้มากกกกกก 

ระหว่างนั่งรอรถไฟ .. ผมก็นั่งถึงเรื่องราวที่เจอบนเกาะทุกเรื่อง ... พยายามกลั่นออกมาให้เป็นรีวิวนี้ให้ดีที่สุด แล้วก็ขึ้นรถไฟกลับ ม. ด้วยความทรงจำที่เต็มเปี่ยม และรอยยิ้มที่มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงมัน

ขอบคุณความไม่พร้อมที่ทำให้รู้ถึงความเร่งรีบของชีวิต
ขอบคุณรถไฟไทย ที่มีสเน่ห์เสมอที่ได้สัมผัส ไม่ว่าจะนานแค่ไหน การขึ้นรถไฟ แม้จะน่าเบื่อกับเวลา แต่ก็มีค่ากับความทรงจำ
ขอบคุณน้องกี้ เด็กโกลก ผู้มีน้ำใจ แบ่งขนมให้แบบไม่หวง พี่หวังว่าจดหมายของพี่ทั้งสองจะถึงพ่อแม่น้องนะครับ
ขอบคุณพี่บอล กับทุกเรื่องที่ช่วยเหลือพวกผมตลอดเวลา 2 วันที่อยู่บนเกาะ
ขอบคุณความยากลำบาก ที่ทำให้คิดเสมอว่า มันมีอะไรสวยงามรออยู่ที่จุดหมายเสมอ
ขอบคุณสกิลการขี่รถ ที่ช่วยชีวิตให้รอดมาได้จากทางบนเกาะ
ขอบคุณเรย์ เพื่อนชาวแคนาดาที่สุภาพ และสนุกสนาน ที่เต็มเมมโมรี่ให้สวยงาม
ขอบคุณเพื่อนมุก ที่ร่วมเดินทางและลำบากไปกับทริปนี้ (สัญญาว่าครั้งหน้าจะลากไปอีก)
ขอบคุณทุกอย่างบนเกาะเต่า ขอบคุณธรรมชาติที่สวยงาม ขอบคุณที่สร้างมันให้พวกเราได้พวกเจอ ขอบคุณความทรงจำทั้งหลาย ที่อยู่ในความทรงจำสวยงามทุกครั้งที่คิดถึง

และ ขอบคุณทุกคน ที่ติดตามกระทู้นี้ครับ หวังว่า ทุกคนจะสนุก และ ยิ้มไปกับมัน ถ้ามีโอกาส ผมไปเที่ยวแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ ... วันนี้ สวัสดีครับ

"ความท้าทายของชีวิต อยู่ที่เรากล้าที่จะไปเจอกับมัน"

สรุปค่าใช้จ่าย (ในส่วนที่จำเป็น) ต่อ 1 คน

รถไฟไป-กลับ : ฟรี
ค่าเรือนอนไป-กลับ : 800 บาท
ค่าวินไปท่าเรือ : 80 บาท
ค่าที่พัก : 350 บาท
ค่าเช่ารถ : 200 บาท
ค่า one day trip : 700 บาท
ค่าเข้าเกาะนางยวน : 30 บาท
ค่ารถกลับไปสถานีรถไฟ : 50 บาท
ค่าน้ำมันเติมรถ : 110 บาท (แล้วแต่เราเติมครับ)
รวมสิ่งที่จำเป็น 2320 บาท


ในส่วนค่าของกิน แล้วแต่คนนะครับ
ค่าอาหาร : 670 บาท
ค่าเบียร์ : 60 บาท

แค่นี้นะครับ ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบ 

ขอบคุณข้อมูลจากคุณบาสสมาชิกหมายเลข 1376286 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook