ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็โต๊กกกก พรำ ชวนเที่ยวดอยอินทนนท์หน้าฝนค่ะ
ขึ้นเหนือไปเที่ยวบนดอยอินทนนท์พร้อมลุยในช่วงฤดูฝน
เตรียมพบกับบรรยากาศแบบชุ่มฉ่ำ ถ้าใครเบื่อไปทะเลแล้วขอแนะนำให้ตามคุณ ซุปจี ไปขึ้นดอยสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินเล่นตามเส้นทางธรรมชาติกันค่ะ
สวัสดีค่าาา ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาค่ะ (29 พ.ค - 2 มิ.ย) ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นพอดี ที่อยากไปช่วงนี้ เพราะค่าที่พัก ค่าเช่ารถและอื่นๆ ถูกมากกก และอยากไปพักที่ตีนตกค่ะ เพราะอยากนอนฟังเสียงลำธารกะเสียงฝนตก (แลดูพร่ำเพ้อ) ไปมา 2 ครั้งแล้ว ก็ยังคงติดอกติดใจ แต่โทรไปจองตอนนั้นที่พักเต็ม ซะงั้น บวกกับรีวิวของคุณ tamrong http://pantip.com/topic/32143904 ที่เราเคยดู ซึ่งในรีวิวนั้นดูสดชื่น ชุ่มฉ่ำมาก แล้วก็เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่เราจะไปพอดี (และคุณ tamrong ได้สอนการถ่ายรูปด้วย) ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ดอยอินทนนท์แทนค่ะ
ดอยอินทนนท์เป็นยอดดอยอินทนนท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่กลับขึ้นชื่อว่าเป็นดอยที่เที่ยวง่ายและสะดวกสบายที่สุด เพราะทุกที่สถานที่เที่ยวเด่นถูกเชื่อมต่อด้วยถนนลาดยางอย่างดี มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง ระกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีเนื้อที่ประมาณ 482.4 ตารางกิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 2,330 เมตร
การเดินทาง
รถส่วนตัว : จากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 107 เชียงใหม่-หางดง-สันป่าตอง-จอมทอง กิ่งอำเภอจอมทองจะมีทางเลี้ยวขวาเป็นถนนลาดยางขึ้นสู่ดอยอินทนนท์
โดยสารรถสาธารณะ : ขึ้นรถโดยสารสาย ‘เชียงใหม่ - ฮอด’ ที่ตลาดประตูเชียงใหม่(ฝั่งตรงข้าม) ไปลงที่วัดพระธาตุจอมทอง แล้วขึ้นรถที่คิวจอด
พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่าาาาา
อุปกรณ์ถ่ายรูป: Fuji-xa2 เพิ่งเคยใช้กล้องก็ครั้งนี้แหละค่ะ ปกติใช้แต่มือถือ หากรูปไม่สวยรึมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ติชมได้น้าาา
วันแรก
เราไปถึงเชียงใหม่ ประมาณบ่ายสอง คืนนี้เราพักที่วิคตอเรีย นินมานค่ะ หลังจากหาไรทาน มีเวลาเหลือนิดหน่อย เพราะต้องรีบกลับมาดูสุดแค้นแสนรัก ตอนจบ เลยไปอ่างแก้ว มช.มาแป๊บนึงค่ะ
ปล. แถวนิมมาน เรื่องอาหารการกินนี่สะดวกสบายมาก แต่ถ้าเดินไปจะง่ายกว่า เพราะที่จอดรถนั้นหายากเหลือเกิน
วันที่2
วันนี้เราจะขึ้นดอยอินทนนท์ค่ะ ตอนเช้ามีเวลาว่าง เลยแวะไปวัดอุโมงค์มาค่ะ เสียดายช่วงที่เราไปฝนยังไม่ค่อยจะตกเพราะช่วงหน้าฝน จะมีมอสขึ้นตรงกำแพงของวัดค่ะ สวยมาก
จากนั้นก็ไปนั่งกินกาแฟ+ขนมที่ร้าน Libraryค่ะ บรรยากาศชิลๆดีค่ะ ส่วนรสชาดกาแฟกับขนมนี่เราเฉยๆค่ะ
มาถึงการขับรถขึ้นดอยอินทนนท์นั้น เป็นสิ่งนึงที่เราแอบเป็นกังวล เพราะกลัวว่าทางลำบาก รถเล็กจะขึ้นได้รึป่าว ปรากฎว่า ถนนดีมากกก เราใช้ ford fiesta ค่ะ ถามคนขับ (แฟน) นางบอกขับง่ายมากก แค่อย่าใช้เบรกเยอะ พยายามใช้การเปลี่ยนเกียร์แทนการใช้เบรค ขับประมาณ 30-45 นาทีก็ถึงโครงการหลวงดอยอินทนนท์ค่ะ
เราพักบ้านสิริภูมิ Bค่ะ ราคา 1,100 บาทค่ะ หน้าโลว์ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ (หากอยากดูข้อมูลเพิ่มเติม ตามลิ้งนี้เลยจ้าา http://www.thairoyalprojecttour.com/?p=4001) ปล. บ้านพักไม่มีแอร์นะคะ ไม่มีพัดลมด้วย เพราะตอนที่เราไปวันแรกอากาศแอบร้อน ไปถึงบ้านปุ๊บ วางของ หยิบกล้องเดินออกไปถ่ายรูปเลย จากบ้านพักนี่เดินไปน้ำตกสิริภูมิใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีค่ะ
ถ่ายได้ 3-4 รูปฝนก็ตกค่ะ หนักด้วยย พอฝนซารีบเดินกลับห้องเลยค่ะ ก่อนที่นางจะตกอีกรอบ
ระหว่างทางเดินกลับห้องพัก
มาที่อาหารการกิน ทุกมื้อเราฝากท้องที่โครงการหลวงหมดเลยค่ะ เพราะอาหารราคาไม่แพง และอร่อย
ส่วนมื้อที่เหลือไม่ได้ถ่ายเลยค่ะ แต่อีกหนึ่งเมนูที่แนะนำคือ หมูอบ หมั่นโถวฟักทองค่ะ รสชาดละมุนมากกกก
ช่วงกลางคืน ตามแปลงดอกเบญจมาศจะมีการเปิดไฟ เพื่อเป็นการรักษาอุณหภูมิให้ดอกไม้ค่ะ สวยดี
วันที่ 3
ตื่นตี 5.00 ไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างทางจะเจอด่านตรวจ 1ด่าน แค่โชว์บัตรเข้าอุทยานที่ได้มาวันแรกก็เข้าไปได้แล้วค่ะ
รอซักพัก เมฆก้อกลืนพระอาทิตย์ไปเลยยย ก็เลยตัดใจ ขับรถขึ้นไปบริเวณข้างบนดอยเลยค่ะ
บอกเลยว่าอากาศดีมากกกก คือ 12 องศา ไม่คิดว่าจะเจออุณหภูมินี้ในไทย อยู่กทม.นี่ร้อนแทบละลาย
ไปเดินเล่นเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันค่ะ เช้าๆคนยังไม่เยอะ
เดินเสร็จก็กลับไปกินข้าวเช้าที่โครงการหลวงค่ะ แล้วก็พักผ่อนค่ะ เพราะเริ่มง่วงแระ
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
ช่วงบ่ายนี้ เราจะไปออกแรงกันหน่อยค่ะ ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เค้าเปิดให้บริการพอดีค่ะ เพราะหลังจากนี้จะปิด เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู และเป็นช่วงฤดูฝน จะเปิดให้บริการอีกทีช่วงปลายๆปีค่ะ ต้องมีไกด์นำทางนะคะ ค่าธรรมเนียมกรุ๊ปละ 200 บาทค่ะ ระยะทางประมาณ 3 กม. ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชม.
การเดินกิ่วแม่ปานนี้ จะมีจุดให้ศึกษาธรรมชาติ 21 จุด (ไม่แน่ใจจำนวน) ซึ่งการเดินทางช่วงแรกจะเป็นการเดินเข้าป่าค่ะ ค่อนข้างทึบ มีทางชัน สลับกับบันไดเป็นระยะๆ เดินไปได้สักพักก็เริ่มไม่พูดจากันแล้ว เหนื่อยค่ะ ฟังคุณไกด์พูดอย่างเดียว
น้ำตกที่เจอระหว่างทาง
พอหลุดป่ามาแล้วก็จะเจอกับบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆค่ะ ค่อยยังชั่ววว เพราะบริเวณนี้มีลมพัด มีหมอก สบายตัว เพราะช่วงแรกนั้น ค่อนข้างชื้นๆ
ช่วงนี้จะเดินกันชิลๆ เลยค่ะ ชิลลลลลมากกก อากาศดี มาถึงจุดชมวิวยอดฮิต ที่ทุกคนที่มาต้องถ่าย วันที่เรามา มองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ หมอกหนาเต็มไปหมด แต่ก็ฟินไปอีกแบบ
ต่อไปจะเป็นทางเดินช่วงสันเขา หรือที่เรียกกันว่ากิ่วค่ะ ทางช่วงนี้เป็นทางลงเดินง่าย แต่ต้องใช้ความระวังนะคะ เพราะเป็นเหวทั้ง 2ด้านค่ะ
หลังจากนั้น ก็จะเป็นการเดินเข้าป่าอีกครั้ง เพื่อจะไปที่ทางออกค่ะ ระหว่างทางก็จะเจอป่าแบบนี้ โดยมีฝนเป็นระยะๆ
เดินเสร็จนี่เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน เพราะปกติไม่ออกกำลังกายยย + แก่
จบไปอีกหนึ่งวัน
ต่อค่ะ วันที่4 วันสุดท้ายแล้ววว
ระหว่างทางมีเวลา เลยแวะไปศูนย์ประมงค่ะ คนขับรถอยากไปดูปลาสเตอเจียน
เจอน้องไซบีเรียน
ปลาสเตอเจียนน้อย
แล้วก็แวะไปน้ำตกแม่ยะค่ะ เราตาม gps ไป ปรากฏว่าเป็นทางที่คนปกติเค้าไม่ไปกัน เพราะเป็นทางที่ตัดเข้าหมู่บ้าน ทางแคบมากกก กว่าจะไปถึงนี่ใช้เวลาอยู่เหมือนกันทางเดินขึ้นน้ำตกประมาณ 800 ม.ค่ะ
แวะกินข้าวที่เก๊าไม้ล้านนาค่ะ เราว่ารสชาดอาหารเฉยๆ เมื่อเทียบกับราคา แต่บรรยากาศที่พักดีค่ะ
ปิดท้ายกันตอนค่ำค่ะ เราไปเวียนเทียนที่วัดโลกโมฬีค่ะ
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ หวังว่ารีวิวจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะเดินทางและหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ
เป็นไงกันบ้างคะกับการขึ้นดอยอินทนนท์ไปเที่ยวในฤดูฝนเรียกว่าอากาศดีเลยทีเดียวใช่ไหม
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ ซุปจี