นิราศสองช้าง ชุด โฉบเฉี่ยวเที่ยวกันไปในเมืองแห่งตำนานของเบเนลักซ์ ตอนที่ 2 Haarlem, Keukenhof, Delft

นิราศสองช้าง ชุด โฉบเฉี่ยวเที่ยวกันไปในเมืองแห่งตำนานของเบเนลักซ์ ตอนที่ 2 Haarlem, Keukenhof, Delft

นิราศสองช้าง ชุด โฉบเฉี่ยวเที่ยวกันไปในเมืองแห่งตำนานของเบเนลักซ์ ตอนที่ 2 Haarlem, Keukenhof, Delft
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เนเธอร์แลนด์ ประเทศนี้มีการออกแบบอาคารบ้านเรือนสวยสะดุดตาเหมือนอยู่ในเมืองเทพนิยาย ส่วนประเทศนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง แล้วคุณจะได้พบถึงความสวยงามต่างๆ ถ้าคุณได้มา ณ ที่แห่งนี้ ตามรอยคุณ ช้างน้อยคู่ช้างน้ำ ไปดูกันเลยค่ะ

สวัสดีครับ เรามาเที่ยวกันต่อครับ งวดนี้ช้างน้อยรีวิวสลับไปสลับมานะครับ สรุปว่าตอนที่แล้วเป็นตอยที่เราแวะ Amsterdam ก่อนจะต่อเครื่องไปไอซ์แลนด์ ตอนนี้เป็นตอนที่เราลงจากเครื่องจากไอซ์แลนด์ แวะมาที่ Amsterdam อีกหน แต่พอเราลงเครื่องบินมาปุ๊ป เราก็ขับรถที่จองไว้กับ Avis ออกมาเลยครับ ตรงไปยัง Haarlem เมืองเล็กๆของเนเธอร์แลนด์กันเลยครับ 

สารบัญความสุขของสองช้างครับ

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่1 : โหมโรง

http://pantip.com/topic/33561204

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่ 2 : จาก Reykjavik สู่ Golden Circle

http://pantip.com/topic/33576070

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่ 3: Majestic South Iceland

http://pantip.com/topic/33585928

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่ 4: Sunny East Fjords

http://pantip.com/topic/33607689

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่ 5 : Charming North Iceland

http://pantip.com/topic/33659714

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่ 6 : Scenic Western Iceland

http://pantip.com/topic/33726513

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** Self-Driving Made Easy in Iceland *** ตอนที่ 7 (จบ) : Amazing Sn?fellsnes Peninsula

http://pantip.com/topic/33754524

## นิราศสองช้าง ## ชุด *** โฉบเฉี่ยวเที่ยวกันไปในเมืองแห่งตำนานของเบเนลักซ์*** ตอนที่ 1: Amsterdam

http://pantip.com/topic/33788951 

ทำไมเราจึงเลือกมา Haarlem

เนื่องจากเราชอบเมืองเที่ยวเล็กๆกันครับ กับอยากหาที่พักที่ใกล้ๆกับ Keukenhof เพื่อที่วันรุ่งขึ้นเราจะได้เข้าชมสวนกันแต่เช้าเพื่อเลี่ยงกองทัพนักท่องเที่ยวที่จะแห่แหนกันมา Keukenhof  เราพักกันที่ Spaarne Dream Appartment Haarlem ซึ่งอยู่ใกล้ๆใจกลางเมืองเลยครับ ทำให้พวกเราเดินชมเมืองกันได้สบายๆ จากที่พักเลี้ยวซ้ายก็เจอ Grote Markt ใจกลางเมืองเลยครับ

หลังจากที่เช็คอินกันเรียบร้อย เราก็ชวนกันออกมาเดินเล่นเลยครับ อันดับแรกก็มาใจกลางเมืองกันก่อนครับ Grote  Markt (Market Square) จตุรัสที่แม่น้ำห้าสาย เอ๊ย ม่ายช่าย เป็นจตุรัสที่ถนนสิบสายมาบรรจบกันครับ สร้างมากว่า700 ปีแล้วครับ มีคนบอกว่าเป็นจตุรัสที่สวยที่สุดของเนเธอร์แลนด์ ในปัจจุบัน ห้ามรถวิ่งผ่าน พวกเราก็เลยเดินเล่นได้สบายใจ รอบๆจตุรัสมีอะไรให้ชมบ้างครับ ที่สะดุดตาสุดก็คือโบสถ์ใหญ่ยักษ์ Grote Kerk (Great Church) นี่แหละครับ

Grote Kerk นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่รู้จักกันดีในประเทศเนเธอร์แลนด์ เค้าบอกว่าศิลปินชาวดัตช์ในยุคทองก็ชอบวาดโบสถ์นี้อยู่ในแบคกราวน์อยู่ในรูปของตัวเองกันครับ ในโบสถ์มีออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูง 100 ฟุต มีท่อ 5,000 ท่อ Mozart ก็เคยมาเล่นออร์แกนนี้เมื่ออายุสิบขวบ แต่สองช้างไม่ได้แวะเข้าไปดูหรอกครับ

ถัดจากโบสถ์ใหญ่ เห็น Vleeshal (Meat Hall) สังเกตุได้จากลักษณะหน้าจั่วเป็นแบบ stepped gable สร้างในศตวรรษที่สิบเจ็ดอย่างงดงามโดยใช้หินที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อให้เป็นโรงขายเนื้อให้กับชาวเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสมัยนั้น สังเกตุได้จากผนังอาคารเป็นรูปหัวแกะและหัววัว

หัวแกะอยู่บน หัววัวอยู่ข้างล่างครับ

ถ้าเราหันหลังให้ Grote Kerk...มองไปยัง ฝั่งตรงข้ามของ Grote Markt ที่เห็นคือ Town Hall ศาลาว่าการเมือง สร้างตั้งแต่ปี 1100 ขณะที่ส่วนใหญ่ของยุโรปยุคกลางถูกปกครองโดยกษัตริย์ ดุ๊กหรือบารอน แต่ Haarlem ปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1425 แล้วครับ

ตรงมุมที่ถนน Grote Markt ตัดกับ Smedestraat เป็นที่ตั้งของ Hoofdwacht อาคารที่เก่าแก่ที่สุดในฮาร์เล็ม สร้างขึ้นในศตวรรษที่สิบสามเพื่อเป็นศาลากลาง ต่อมาเปลี่ยนไปเป็นกองยามรักษาการ จึงเป็นที่มาของชื่อที่เราเรียกกันในปัจจุบัน

กลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์ของ L. J. Coster ชาวฮาเล็ม เพื่อเป็นเกียรติที่เค้าสร้างเทคนิคการพิมพ์ที่ทันสมัย สี่สิบปีก่อน Gutenberg เข้าทำนองบลัฟกันว่าจริงๆแล้วคนนี้เป็นคนแรก

เข้าใจว่าผู้คนทั้งเมืองคงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แหละครับ

ส่วนของศาลาว่าการเมืองที่เห็นในภาพ เรียกว่า Vierschaar เป็นส่วนของศาลตัดสินคดีครับ สังเกตุได้ว่าที่หน้าบันมีรูปปั้นเทพีแห่งความยุติธรรมติดอยู่

หอคอยที่คอยเฝ้าระวังภัยในอดีต

กลางจตุรัสมีซุ้มขายปลา herring ดิบ มีคนแวะเวียนเข้ามาซื้อกันไม่ขาดสายนะครับ พวกเราโฉบเข้าไปสังเกตุการณ์ แต่เราไม่ชอบลองของแปลก ก็เลยไม่ได้ซื้อชิมครับ ฮี่ฮี่

เราชมสถาปัตยกรรมดัทช์ไปรอบๆครับ

เมื่อวนรอบจตุรัสกันแล้ว เราก็ชวนกันเดินย้อนกลับมาฝั่งแม่น้ำ เห็น Waag (Weighing House) สร้างขึ้นในปี 1598 เป็นด่านชั่งน้ำหนักสินค้าสำหรับเก็บภาษี ใช้งานจนถึงปี 1915 ตัวอาคารออกแบบสไตล์เรเนอซอง หน้าบันสองด้านที่เห็นออกแบบอย่างสมมาตรทำจากหินจากเบลเยียม มีหน้าต่างสีแดงฉาน เป็นที่สังเกตุได้แต่ไกล ใครจะมาอ้างว่าไม่เห็นเพื่อเลี่ยงภาษีไม่ได้ เท่าที่ช้ายน้อยสังเกตุดู จะเป็นแบบนี้แทบทุกเมืองนะครับ เข้าใจว่าน่าจะเป็นสัญญลักษณ์สากล

สังเกตุดู เห็นผนังอาคารด้านถนน Damstraat (ซ้าย) ติดตราประจำเมืองของฮอลแลนด์ ด้านถนน Spaarne (ขวา) ติดตราประจำเมืองฮาร์เลม

ถัดจาก Waag เป็น Teylers Museum สร้างปี 1784 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ครับ

ถัดจาก Teylers Museum เห็น Gravestenenbrug สะพานยกได้ 

ริมฝั่งน้ำอีกด้านของสะพาน มีบ้านเก่าแก่สร้างตั้งแต่ปี 1630 ที่มี stepped gables สวยงามเป็นเอกลักษณ์

ถัดมาอีกนิด เห็นหอคอยโบสถ์ Bakenesserkerk ซึ่งดูไปแล้วคล้ายหอคอยของโบสถ์ Grote Kerk มาก มีประวัติว่าตอนที่สร้างหอคอยของโบสถ์ Grote Kerk นั้น หอคอยมีน้ำหนักมากเกิน ทำให้โบสถ์ร้าว และหอคอยเอนออกมา ผู้ชำนาญการในสมัยนั้นจึงรื้อยอดหอคอยที่ทำด้วยหินจริงลงมา แล้วสร้างใหม่เป็นไม้แล้วหุ้มด้วยตะกั่วทาสีให้เหมือนหิน ส่วนหินก้อนใหญ่ๆที่รื้อลงมานั้น ก็นำมาสร้างหอคอยที่โบสถ์นี้ตั้งแต่ปี 1550 แทนครับ 

แล้วเราก็มาถึงจุดที่เป็นที่พักของเราครับ วิวที่เห็นก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ ถึงตรง คุณช้างน้ำบอกไม่เดินต่อแระจะขึ้นไปนอนเล่น ส่วนช้างน้อยขอเดินชมบ้านชมเมืองเค้าต่อ

ช้างน้อยเดินเข้าไปทางถนนคนเดิน ซึ่งเป็นถนนช๊อปปิ้ง

มีร้านแบรนด์ดังเรียงรายสองข้างทาง เดินแถวนี้ แล้วคิดถึงคุณช้างน้ำจัง เสียดายที่เธอไม่ได้มาด้วย ไอ้ครั้นจะเดินกลับไปตามให้มาเดินด้วย ก็ขี้เกียจอ่ะครับ 555

ผู้คนก็ไม่ได้เดินกันหนาแน่นมากนะครับ คนส่วนใหญ่ไปนั่งอยู่ที่จตุรัสกันหมด

มุมนี้สงบดีครับ

เดินจนทะลุถนนใหญ่ ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน

ถึงตรงนี้ ช้างน้อยขี้เกียจเดินย้อนกลับมาทางเดิม จึงเดินเข้าหาแม่น้ำ แล้วเลียบริมแม่น้ำมาเรื่อยๆครับ


บ้านเมืองสงบ น่าอยู่มากเลยครับ

เค้าบอกว่าที่นี่ก็มี Red Light District อยู่นะครับ แต่ไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารเหมือนที่ Amsterdam และช้างน้อยก็ไม่ได้สนใจเสาะแสวงหา แต่ก็เจอร้านแบบนี้ข้างทางได้เหมือนกันครับ

เดินเลียบแม่น้ำกลับบ้านกันต่อครับ กะเวลาแล้ว คุณช้างน้ำคงทำกับข้าวเสร็จแล้วหล่ะ 55

เวลาเดินต้องระวังจักรยานมากเหมือนกันครับ เห็นบ้านเมืองเค้าแล้วอิจฉาคนขี่จักรยานจริงๆ

สะพานยกได้มีหลายแบบนะครับ

เห็นวิวนี้ ก็แปลว่าเกือบถึงที่พักแล้วครับ

อาคารสีขาว หลังคาแดงที่อยู่กลางภาพ คืออพาร์ทเมนท์ของพวกเราครับ

apartment ที่พวกเราพักอยู่เหนือร้านขายไอศครีมที่มีชื่อ Tante Saar ติดอยู่ เราต้องขึ้นบันไดไปชั้นสองเป็นห้องนอน แล้วมีบันไดขึ้นชั้นสาม ให้เราครอบครองได้ทั้งชั้น เจ้าของบอกว่าอาคารนี้อายุหลายร้อยปีนะครับ พร้อมทั้งยกแฟ้มมาให้พวกเราหนึ่งแฟ้มเพื่อศึกษาสาแหรกของเจ้าของบ้าน แต่เราไม่ได้มาศึกษาประวัติศาสตร์กันก็เลยเก็บวางไว้ ไม่ได้เปิดดูเลยครับ

ครึ่งด้านหน้าของชั้นสามเป็นห้องนั่งเล่น ห้องใหญ่มาก วิวก็สวยครับ ครึ่งด้านหลังเป็นครัวอย่างดี ช้างน้อยไม่ได้ถ่ายรูปกลับมาครับ คุณช้างน้ำถูกใจที่พักที่นี่มาก

เมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไป

คุณช้างน้ำเตรียมสำรับกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว

วันนี้มีอะไรหม่ำบ้างครับ แกงเขียวหวานปลาแซลมอน หมูฝอย ไข่ต้ม น่ากินไม๊คร๊าบบบ

อันนี้ดอกไม้จริงนะครับ เพิ่มความอร่อยให้อาหารได้เยอะเลย

หลังจากอิ่มกันแล้ว ช้างน้อยก็เลยชวนคุณช้างน้ำไปเดินย่อยอาหารเพื่อเก็บภาพยามทไวไลท์กันที่ Market Square กันอีกรอบ ฟ้ายังมืดไม่ค่อยได้ที่ครับ

แต่ดูเหมือนลมจะตามพวกเรามาจากไอซ์แลนด์ ขอบอกว่าลมแรงมากเลยครับ พอๆกับที่ไอซ์แลนด์เลยครับ ถ้าวางขาตั้งกล้องไว้ก็สามารถปลิวได้ ช้างน้อยต้องโถมน้ำหนักตัวกดลงไปเลยครับ ขนาดนี้ลมก็ยังพัดจนกล้องไหว เริ่มประเดิม Town Hall ก่อน

ตามด้วย Grote Kerk

...และ Vleeshal

statue of L. J. Coster

พวกเราสู้ลมแรงไม่ไหว หนาวก็หนาว จึงชวนกันเดินกลับ แวะถ่ายแถวหน้าอพาร์เมนท์ของพวกเรากันแป๊ปนึง แล้วก็ชวนกันขึ้นไปฟังเพลงชมวิวบนห้องพักของพวกเราครับ

หมดไปอีกวันค่ะ คอยชมเช้าวันรุ่งขึ้นในตอนต่อไปเราจะพาไป Keukenhof และตรงไปยัง Delft อย่าพลาดการติดตามชมตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ ช้างน้อยคู่ช้างน้ำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook