เขาค้อ Low Season 3 วัน 2 คืน พักเขาค้อสวิสและร่มการเวก
เที่ยวเขาค้อ ไปเพชรบูรณ์ แวะร้านเก๋ๆ
ไปเที่ยวเขาค้อทั้งที ก็ขอแวะร้านอาหาร ร้านกาแฟริมทาง ชมภาพวิวสวยๆ พร้อมกับแนะนำที่พักบรรยากาศดี ราคาประหยัด ถ้าพร้อมแล้วไปพักผ่อนที่เขาค้อกัน ตามคุณ JamesAimBios ไปกันเลย
สวัสดีชาวพันทิพย์ทุกท่านครับครับ กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากที่หายไปนานเกือบปี ครั้งนี้ก็มีรูปมาฝากกันอีกครั้ง อาจจะสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง ทนๆ ดูกันหน่อยนะครับ
หลังจากคราวที่แล้ว ได้เคยลงรีวิวเขาค้อในฤดูฝนกันไปแล้ว ในกระทู้ http://pantip.com/topic/32797241 ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็เคยไปเที่ยวเขาค้อในช่วงฤดูหนาวมาแล้ว แต่ไม่ได้ลงรีวิวไว้ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ได้ไปเที่ยวเขาค้อในฤดูที่แตกต่าง และเป็นครั้งที่ 3 ของผม ซึ่งแน่นอนครั้งนี้ก็ถึงคราว "ฤดูร้อน" จะว่าเป็นฤดูร้อน ก็ไม่เชิงนะ เอาเป็นว่าเป็นช่วงฤดูร้อนที่ย่างเข้าช่วงฤดูฝนล่ะกัน
วันที่ผมเดินทางไปเที่ยวคือวันที่ 4-6 มิถุนายน 2558 เดินทางโดยมอเตอร์ไซต์คู่ใจเช่นเคยจาก ม.นเรศวร จ.พิษณุโลก เอาล่ะ ไปชมภาพกันเลยดีกว่า ปล. รูปอาจจะเยอะสักนิดนะครับ
5.00 น. ล้อหมุน เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า เพราะอยากไปเจอหมอกระหว่างทาง ขี่ออกมาซักระยะ ก็มาพักรถข้างทาง ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ถ่ายรูปหน่อยละกัน หนทางยังอีกยาวไกล
ออกเดินทางต่อมาซักระยะ เริ่มเจอหมอกแล้วววว ถนนดีขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก ทำให้ขี่ง่าย สนุก ปลอดภัยกว่าเดิม
ขี่มาเรื่อยๆ เจอวิวสวยตรงไหน ก็จอดตรงนั้น เดินชมวิว ถ่ายรูป ฟินสุดๆ
อีกมุม วางกล้องกับพื้น แล้วกดชัตเตอร์ แช๊ะๆ
จอดกันอีกแล้ว กว่าจะถึงปลายทางนี่รัวชัตเตอร์กันเพลินเลยครับ
ตรงนี้เป็นอีกมุมที่ผมว่าสวย จำไม่ได้ว่าตรงไหน แต่ถ้าเดินทางจากพิษณุโลก จะเป็นช่วงที่อยู่ก่อนถึง Route12 หน่อยนึงครับ
เอาล่ะ แวะเติมพลังกันหน่อยดีกว่า มากี่ครั้งก็แวะทุกครั้ง Route12 เช้าๆ คนยังไม่ค่อยมี เนื่องจากเป็น Low Season ด้วยแหละ
Hot Cappuccino กับอากาศที่เย็นเกินจะเป็นฤดูร้อน เดินชมวิวกันซักพักล่ะกัน
ก่อนจะไปเข้าที่พัก แอบเลยมาไหว้พระกันหน่อยดีกว่า วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นวัดที่สวยงามมาก ถ้าเจอหมอก จะรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์เลยที่เดียว
อีกมุม
นอกจากองค์พระธาตุ ก็ยังมีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ซึ่งตอนนี้ยังมีการปรับปรุงอยู่ จึงเข้าไปไม่ได้ มองจากมุมนี้งดงามมากครับ
อีกมุม
และอีกมุม
ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เลยไปอีกหน่อยดีกว่า กับที่นี่เลยครับ Moai@Khaokho
สั่งสตรอเบอร์รี่โซดาปั่น กับ บลูเบอร์รี่เค้ก สดชื่นมาก เค้กก็อร่อยดีครับ
ด้านหลังร้านมีวิวสวยๆให้ชมด้วย แต่ช่วงที่เราไปนั้นสายมากแล้ว แดดร้อนหน่อย แต่หากนั่งในร้านนั้นลมพัดเย็นสบายครับ
จากร้าน Moai เราย้อนกลับมายังแยกแคมป์สน เพื่อนมายังที่พักในคืนแรกนั่นคือ เขาค้อสวิส นั่นเอง
ช่วงนี้เป็น Low Season ทำให้มีนักท่องเที่ยวน้อย ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการ ในวันที่ผมได้เข้าพักไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ฮ่าๆ ส่วนตัวสุดๆ ส่วนในภาพเป็นห้องหมายเลย 20 และ 21
ห้องที่เราจองไว้คือห้องริมสุด หมายเลข 21 ที่สุดของความเป็นส่วนตัว ห้องนี้เป็นห้องแอร์ ซึ่งเราจองตั้งแต่เดือน พ.ค. ในราคา 900 บาท (ปกติจะอยู่ราวๆ 3,000 บาท)
เข้ามาดูในห้องพักกันบ้าง ห้องพักเป็นกระจกรอบทิศทาง สามารเปิดได้ตามสะดวก และมีผ้าม่านปิดอีกที ในห้องมีเตียงดังรูป มีชั้นวางของและราวแขวนเสื้อผ้า กระจกบานใหญ่ ห้องน้ำที่มีเครื่องทําน้ําอุ่นแบบแก๊ส ด้านหน้าเตียงมีทีวีแขวน ตู้เย็น กาน้ำร้อน กาแฟ และน้ำเปล่าในตู้เย็น 2 ขวด ซึ่งผมว่ามันโอเคมากๆ คุ้มมากๆ สำหรับราคานี้
และที่สำคัญเลยก็คือวิวด้านหน้านี่ซิ จะนอนชมวิวบนเตียงก็ยังได้ หรือจะไปนั่งชมวิวด้านหน้า ซึ่งมีเก้าอี้และโต๊ะไว้ให้ โอ้วววว ฟินอะไรขนาดนี้
หลังจากเข้าที่พัก ฝนก็ตกลงในช่วงบ่าย เลยถือโอกาสนอนเอาแรง จากนั้นประมาณบ่าย 3 ก็แว๊นต่อไปยังน้ำตกศรีดิษฐ์ ช่วงนี้น้ำน้อยครับ เลยเดินถ่ายรูปเล่นและซื้ออาหารไปนั่งทานบริเวณน้ำตก นักท่องเที่ยวน้อย แต่ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง
จากนั้นเราแว๊นกลับมาที่พักเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ส่วนภาพนี้เป็นภาพช่วงใกล้เย็น มีแสงลอดเยอะและมีเมฆไหลให้ได้ชมตลอด
ช่วงเย็น ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เหมาะแก่การดื่มด่ำบรรยากาศที่นี่มากๆ เพราะที่พักก็ดี วิวก็สวย
และที่สำคัญ ผมพาคนรู้ใจมาด้วย
วันนี้เลยเป็นวันที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุดอีกหนึ่งวันในชีวิต
ภาพวิวบ้าง
ชมพระอาทิตย์ตกเสร็จ ก็ได้เวลามื้อเย็น เราฝากท้องกันที่นี่ ครัวโม่งเม่ง
ต้มยำรวมมิตรทะเล
ปลาทับทิมผัดฉ่า
ปลาหมึกผัดพริกเผา
แล้ววันนั้น เราก็นั่งดูดาวกันหน้าที่พัก แล้วมาลุ้นหมอกตอนเช้ากันดีกว่า
แต่แล้ว...เช้านี้ไม่มีหมอก แต่ไม่เป็นไร เรามีแผนสองที่วางไว้คือ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ได้เห็นฟูจิเมืองไทยด้วย (หรือเขาย่านั่นเอง)
ซึ่งมันพิเศษตรงที่มันมีเมฆลอยอยู่เหนือยอดเขานี่แหละ สวยงามจริงๆ
เดินไปอีกด้าน จะได้เห็นวิว และหมอกไกลๆ พื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้เรียงสลับกันไปอย่างสวยงาม
นอกจากนี้มองไปด้านล่าง จะเห็นวิวถนนที่ทอดยาว + แสงเช้าที่สาดส่อง โอ้ววว
อีกใบกับ หัวใจ ฟูจิ
หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจ ก็กลับมายังที่พัก ซึ่งทางที่พักได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว เป็นข้าวต้ม หอม อร่อยครับ
ทานอาหารเสร็จ เราก็ขอนอนเล่นสักพัก ช่วงสายอาการเริ่มร้อนขึ้นมาอยู่ราวๆ 27-28 ํC และจะสูงขึ้นไปแตะ 30 ํC หน่อยๆ ในช่วง เที่ยงๆ บ่ายๆ แต่อากาศยังถือว่าเย็น และมีลมพัดตลอด
เรา Check-out ออกจาก เขาค้อสวิส แล้วเดินทางมาพักยัง ร่มการเวก ซึ่งห่างกันเพียงหน่อยเดียว
นี่คือบ้านพักของเรา ห้อง 103 ซึ่งเป็นห้องที่อยู่หน้าสุด ใกล้วิวที่สุด
เข้ามาดูห้องพักกันบ้าง เริ่มจากเตียงนอนนุ่มๆ และแน่นอนเป็นห้องแอร์ รอบด้านเป็นหน้าต่างแบบกระจก ซึ่งราคาก็อยู่ที่ 900 ต่อคืนเช่นกัน (ราคาปกติ 3,000 บาท)
ในห้องมีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น พัดลม น้ำเปล่า 2 ขวด ส่วนกาแฟ โอวัลติน มีไว้บริการด้านบน พร้อมทั้งมีเครื่องดื่มไว้จำหน่ายด้วย
ด้านหน้ามีโต๊ะไว้นั่ง และวิวที่สวยงาม เป็นวิวเดียวกับเขาค้อสวิส แต่จะอยู่สูงกว่า เอาล่ะ ขอนอนชมวิวก่อนล่ะกัน
เอาล่ะ ได้เวลาแว๊นกันต่อแล้ว จุดหมายปลายทาง พระตำหนักเขาค้อ แต่ก่อนอื่นขอแว๊ะเติมพลังหน่อยนะ
เพราะชีวิต ขาดคาเฟอีนไม่ได้
พระตำหนักเขาค้อ คือที่แรกที่เรามาเขาค้อ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว พร้อมทั้งหอบเต็นท์มากางเอง ซึ่งที่เด็ดที่สุดคือ ทางขึ้นช่วงสุดท้ายก่อนถึงพระตำหนัก ชันมากๆ จำได้ว่าวันนั้นต้องลงจากรถ และดันขึ้นมาเลยทีเดียว แล้ววันนี้ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย 555 เล่นเอาเหนื่อยเลย ดีนะที่ของไม่เยอะเท่าคราวที่แล้ว
ด้านบนมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่อยู่กลุ่มนึง เราก็เดินถ่ายรูปเล่น รำลึกความหลังกันไปปป อิอิ
กลับมาที่พัก นอนดูทีวีสลับกับชมวิว สบายใจ
พระอาทิตย์ก็ใกล้ลับขอบฟ้าไปทุกที
แสงเย็น อากาศเย็น
และเครื่องดื่มเย็นๆ อะไรจะเข้ากันได้ดีขนาดนี้
ช่วงทไวไลท์ ทำให้อารมณ์พีคได้อีกครั้ง
แอบเห็นฟ้าแลบไกลๆ
ช่วงกลางคืนที่ร่มการเวกจะมีไฟเปิดเป็นแนวยาวของจุดกางเต็นท์ สวยงามไปอีกแบบ ลาค่ำคืนที่สองไปด้วยภาพนี้ครับ
เนื่องจากมีลมแรงตั้งแต่เมื่อคืน และไม่มีฝน ทำให้เช้านี้ไม่มีทะเลหมอก
แต่ยังพอมีมาปลอบใจกันได้บ้าง อิอิ
อุณหภูมิช่วงเช้าอยู่ที่ 24 ํC กำลังสบาย ไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป อากาศดีสุดๆ
อีกใบ
เรา Check-out ออกจาก ร่มการเวกแต่เช้า เพราะวันนี้เราต้องเดินทางกลับแล้ววว ดนตรีนี่ขึ้นมาเลย อยู่ต่อเลยได้ไหมมมมมม
อ้ะๆๆ แว๊ะถ่ายรูปหน่อยดีกว่า ไปรษณีย์เขาค้อครับ
ตามด้วยไหว้พระก่อนเดินทางไกลเพื่อกลับ ม.นเรศวร ที่พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก - เขาค้อ
เปลี่ยนมุมหน่อย
ปิดท้ายก่อนกลับด้วย Pino Latte ร้านกาแฟวิวงาม ภาพนี้ถ่ายจากเส้นทางด้านบน ก่อนลงมาที่ร้าน
ร้านกาแฟอะไรหน้อ มาตั้งอยู่สูงขนาดนัก แต่วิวที่นี่งดงามจริงๆ
ถ่ายไปเรื่อย
บริเวณร้าน มีเก้าอี้รองรับมากมาย ลูกค้าที่นี่แน่นจริงๆ
สั่งกาแฟและบราวนี่หน่อยดีกว่า
เอาล่ะ ได้เวลาต้องกลับไปแล้วววว ลากันด้วยภาพนี้ครับ
สุดท้ายหวังว่ากระทู้นี้จะทำให้ทุกท่านที่ได้ชม อยากที่จะมาเที่ยวเขาค้อนะครับ เชื่อเถอะครับ ที่นี่มีดีกว่าที่คิด ที่นี่เที่ยวได้ทุกฤดูจริงๆ ซึ่งผมยังคงประทับใจทุกครั้งที่ได้ไปเยือน แล้วไว้เจอกันคราวหน้านะ...เขาค้อ ขอบคุณทุกท่านที่รับชมครับ
อยากให้ทุกคนเก็บเขาค้อไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกในการไปพักผ่อน ไปได้ทุกฤดูจริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ JamesAimBios
การเดินทาง เขาค้อ
รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 เส้นถนนพหลโยธิน เส้นทางไปสระบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางเลี่ยงเมืองสระบุรี เมื่อถึงสามแยกพุแคเบี่ยงขวา เข้าถนนสาย 21 มุ่งหน้าเข้าลพบุรี ใช้เส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 21 ตลอดเส้นทางผ่าน อ.ชัยบาดาล อ.ศรีเทพ อ.วิเชียรบุรี อ. บึงสามพัน อ.หนองไผ่ และ อ.เมือง มุ่งหน้าเข้า อ.หล่มสัก จนถึง สี่แยกพ่อขุนผาเมือง กม.261 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก ประมาณ 20 กม. จะถึงสามแยกแคมป์สน ถึงทางเข้าเขาค้อ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2196 ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีแหล่งท่องเที่ยว ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 5 ชั่วโมง
รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ มีรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์-หล่มสัก-เขาค้อ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ราคาประมาณ 300- 400 บาท
บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์ ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com