ปีนัง บินเดียว เที่ยวคนเดียว ..ก็เฟี้ยวได้ (เดินทางทุกรูปแบบ ครบทุกรสชาติ)

ปีนัง บินเดียว เที่ยวคนเดียว ..ก็เฟี้ยวได้ (เดินทางทุกรูปแบบ ครบทุกรสชาติ)

ปีนัง บินเดียว เที่ยวคนเดียว ..ก็เฟี้ยวได้ (เดินทางทุกรูปแบบ ครบทุกรสชาติ)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไปเยือนมาเลเซียกันไหม ไปปีนัง ชมความ Art และได้คมนาคมแบบหลายรสชาติอีกด้วย ถ้าพร้อมที่จะท่องโลกต่างแดนกันแล้ว ก็ตามคุณ topz_anuwat ไปกันเลยค่ะ

สวัสดีครับ สวัสดีเพื่อนห้องบลูแพลนเน็ตและเพื่อนทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ากระทู้นี้จะพยายามรวบรวบทุกรูปแบบของการเดินทางมาให้เพื่อนๆนะครับ จะบอกข้อมูลทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทาง โรงแรม การใช้เงิน และการเที่ยว (ในแบบสไตล์ผมนะ ฮ่าๆ) ปกติผมเป็นคนที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและยิ่งได้อ่านรีวิวทริปปีนังจากเพื่อนๆ ก็เริ่มสนใจที่อยากจะไปเที่ยวด้วยตัวคนเดียวดูบ้าง และสุดท้ายก็สมใจอยากเลยครับบบ !!

สิ่งเริ่มต้นของผม คือ
- การดูโรงแรม ที่พัก ในปีนังและตั้งราคาไว้ใจว่าไม่เกินราคา 700 บาท / คืน
- เลือกโรงแรมในปีนัง ที่ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางคืนปีนัง นั่นก็คือตึกคอมตาร์ นั่นเอง
- เลือกวิธีการเดินทางในปีนัง ว่าจะไปได้ในรูปแบบไหนบ้าง และสิ่งที่ผมเลือกก็คือการเดินทางด้วย เครื่องบิน / รถตู้ / รถเมล์ / เรือ / และรถไฟ (ครบทุกรสชาติจริงๆ)
- ศึกษา หาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ในปีนัง แพลนอะไรหลายๆอย่างไว้ในหัวครับ
- จัดทริปการเที่ยวด้วยตัวเองว่าวันไหนเราจะทำอะไร จะไปไหนบ้างในปีนัง

เมื่อได้ครบตามนี้ เราก็เริ่มไปลุยกันเล้ยยยยยยย!!

แต่การเดินทางไปปีนัง คนเดียวมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่การไปเที่ยวคนเดียวยังไงให้สนุกนี่สิยากมว๊ากกกก!! เพราะฉะนั้น ทริปนี้มันต้องมีโจทย์กันซะหน่อย

โจทย์ที่ 1 เดินทางให้ครบทุกรุปแบบ
โจทย์ที่ 2 ตามล่าหาภาพ Street Art
โจทย์ที่ 3 อยู่ต่างประเทศ 5 วัน แต่แลกเงินไปเพียง 1,350 บาท !!  ใช่ครับ อ่านไม่ผิด 1,350 บาท (ประมาณ 150 RM)
#แค่คิดก็สนุกแล้ววว ฮ่าๆ

วันที่ 1 (วันเริ่มต้นของการเดินทาง) 15 / 06 / 2015 

(ผมได้ทำการจองตั๋วของสายการบิน Thai Lion Air ไว้ ในราคา 595 บาท และผมเลือกที่จะ Check In Online ล่วงหน้า 24 ชั่วโมงวิธีการ Check In ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ สามารถระบุที่นั่งได้ทุกที่ ยกเว้น! แถวประตูฉุกเฉิน ผมทำการจองที่นั่ง 26A ไป) เริ่มต้นที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต โดยผมเลือกที่จะนั่งรถเมล์ไปสนามบินครับ โดยรถเมล์ที่ไปถึงสนามบินก็มีทั้งสาย 29 39 510 และ Shuttle Aus สาย A1 A2 ครับ (อันนี้ค่ารถคนละ 30 บาทนะ)

ผมถึงสนามบินตอนประมาณ 07.00 น. แต่เครื่องออกเวลา 09.50 น. และ Gate ก็ยังไม่ออก แล้วเวลาที่เหลือหล่ะ ..ทำอะไรดี !? ผมเลือกที่จะไปสอบถามกับพนักงานของสายการบิน Thai Lion Air ครับว่า Gate จะออกตอนกี่โมง และผมอยากจะขอเปลี่ยนที่นั่ง !! และสุดท้าย ผมก็ได้เปลี่ยนที่นั่ง ซึ่งผมคิดว่า มันน่าจะเป็นที่ที่ดีสุด เพราะมันคือทางออกประตูฉุกเฉินครับ

ที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับผมของสายการบิน Thai Lion Air คือที่นั่งแถวที่ 32A เพราะเบาะข้างหน้ามีเพียง 2 เบาะเท่านั้น ทำให้ผมเหยียดได้ยาวววววว สบายยยยยยย และมันกว้างมว๊ากกกกกกกกกก!!

นอกจากที่นั่งจะกว้างแล้ว และยังได้วิวที่สวยมากกกครับบ เพราะเห็นปีกเครื่องบินพอดิบพอดีครับ เป็นไงครับวิวสวยมั้ยหล่าาาาาาา

เวลา 11.25 น. เราก็มาถึงสนามบินหาดใหญ่ ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยที่ผมรีบบบมากกก เพราะว่ากลัวไม่ทันรถตู้รอบเวลา 12.30 น. เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เลย แต่ก็จะบอกข้อมูลแทนนะครับ

- เมื่อถึงสนามบินหาดใหญ่ให้ออกมาทางหน้าสนามบิน
- เคาเตอร์บริการแทกซี่จะอยู่ทางด้านขวามือ
- บอกพนักงานว่า "ไปโรงแรมอะโลฮ่า สาย 1" แล้วพนักงานจะบอกว่ามีชาตจ์ 50 บาทนะ เราก็โอเค (เพราะรีบมากก)
- พอขึ้นแทกซี่เราก็ถามคนขับว่า "พี่! ปกติเค้าเหมาไป 200 ใช่ป่ะ (ไปอ่านเจอมานะ แห่ะๆ) เค้าก็บอกว่าใช่ 200 น้องจะเหมาไปมั้ย เราก็ตอบตกลง
- ระหว่างที่เรานั่งแทกซี่อยู่ เราต้องโทรไปแจ้งกับทางรถตู้ด้วยนะ ว่าเราจะไปรอบ 12.30 น. เจ้าหน้าที่จะจองที่นั่งไว้ให้เรา โดยที่เราไม่ต้องโทรจองล่วงหน้า

เมื่อมาถึงรถตู้ KST เราก็ไม่รออะไร รีบยื่น Passport ให้กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนเขียนให้เราทั้งหมดเลยนะครับ เราไม่ต้องทำอะไรเลย เสร็จก็จ่ายเงิน รอรถตู้ออก วันที่ผมไปรถตู้ออกก่อนเวลา 10 นาทีครับ รถตู้ของ KST และจะอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม Aloha สาย 1

พอรถตู้ออกเดินทางสักพัก ก็จะเจออ่านที่ตรวจคนนะครับ ตรงนี้ก็ไม่ต้องทำอะไร เตรียม Passport กับใบขาออกประเทศไปให้กับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องเอากระเป๋าลงไปนะครับ!! ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีครับ ขึ้นอยู่กับปริมาณคนด้วย

เสร็จแล้ว เราก็จะได้ออกมาเป็นรูปนี้..

แต่ความโชคร้ายของทริปนี้คือนั่งรถตู้ไปสักพัก ฝนดันตกซะงั้นอ่ะ !! ในใจนี่ได้แต่ภาวนาว่าถ้าถึงปีนังละให้หยุดทีเถ๊อะะะะะ

รถตู้เริ่มออกเดินทาง ..ใช้เวลาพอสมควรครับ เราก็มาถึงตม.ของประเทศมาเลเซีย (ตรงนี้ใช้เวลานานมากกกกก) ตอนนี้เพื่อนๆต้องเอากระเป๋าลงไปด้วยนะครับ และเตรียม Passport ไว้รอด้วยครับ

และเราก็เตรียมโลดดดแล่นไปสู่เมืองปีนังกันเต๊อะ แต่ระหว่างการเดินทาง หลับ zZ ตลอดดดด ฮ่าๆๆๆ เลยไม่มีรูปมาฝากเลยยยยยยยย ผมถึงปีนังเวลา 18.30 น.ครับ (มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานจริงๆ) จากรูปคือถ่ายจากหน้าโรงแรมนะครับ ซึ่งผมพักที่โรงแรม Super 8 Hotel ส่วนสาเหตุที่เลือกโรงแรมนี้คือ

- ราคาไม่ได้แพงมาก และไม่เกินงบที่ตั้งไว้ คือคืนละ 700 บาท
- ใกล้ตึกคอมตาร์เพียง 700 เมตร (สามารถเดินไปได้สบายๆ)
- ไวไฟฟรี! ไม่ใช่ฟรีอย่างเดียวนะ พอใช้จริงๆ เออ..มันแรงด้วยอ่ะ
- มีน้ำดื่มให้ 2 ขวด / มีชา กาแฟ / มีตู้กดน้ำให้บริการฟรี ทั้งน้ำร้อน และน้ำเย็น
- ค่ามัดจำเพียง 14 RM (ได้คืนตอน Check Out 10 RM)

เมื่อ Check In เสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินไปที่ตึกคอมตาร์ ปีนัง เพื่อจะไปขึ้นรถเมล์ไปปีนังฮิลล์ครับ จากข้อมูลที่หามาบอกให้นั่งรถสาย 204 และลงสุดสาย ผมก็ทำตามนั้นเป๊ะๆ รอรถจนเกือบ 20.00 น. ครับ รถเมล์มานี่รีบวิ่งขึ้นไปเลย แล้วบอกคนขับว่า "ไปปีนังฮิลล์" แต่ข่าวร้ายบังเกิดครับ! ปีนังฮิลล์ปิดปรับปรุงวันที่ 15 - 17 และจะเปิดให้บริการคือวันที่ 18 ในใจนี่แบบ เอาอะไรไง ทำไงดี สุดท้ายคือ! ไม่ไป!! เลือกที่จะเดินดูบรรยากาศในย่านนั้น เดินเข้าห้าง ดูของใช้ต่างๆแทน ฮ่าๆ

เดินไปเดินมาเห็นแว๊บๆเห้ยยย! ทำไมไอติมมันโคนสีแปลกๆ ลองกินซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ โดนไป 1.7 RM อร่อยน๊าาาาาาา

เดินไปสักพักก็เริ่มเหนื่อยๆ เลยเริ่มจะเดินกลับโรงแรมละ และนี่ก็คือบรรยากาศตอนกลางคืนที่ปีนังนะครับ

ถึงโรงแรมประมาณ 21.00 น. ก็ไม่รออะไรเลย อาบน้ำ พร้อมกับหาข้อมูลเที่ยวในวันพรุ่งนี้ครับและนี่ก็เป็นห้องที่ผมพักนะครับ ห้อง 101 (แต่อยู่ชั้น 2) ห้องติดกับตู้กดน้ำครับ แต่ข้อเสียคือได้ยินเสียงรถไปมาบ้างเล็กน้อยครับ แต่ไม่ได้รบกวนอะไรมาก

วันที่ 2 (ตามล่าหาภาพ Street Art) 16 / 06 / 2015

ตื่นนอนตอน 06.00 น. และเริ่มออกจากโรงแรมเวลา 06.30 น. บรรยากาศตอนเช้าก็ไม่มีอะไรมากครับ ท้องฟ้ายังไม่สว่างแบบสุดๆ อากาศก็กำลังดี เลยเดินไปเรื่อยๆ ดูวิถีชีวิตของชาวปีนังซะหน่อย

การเดินทางที่ผมเลือกใช้ในการตามล่าหาภาพ Street Art ให้ครบทั้งหมด 18 ภาพ คือ ผมใช้เดินครับ !!!เท้าผมนี่ระบมหมดเลย

เริ่มต้นด้วยภาพ A หรือภาพที่ 1 ครับ (ภาพนี้เหมือนจะเป็นจุดขายของ Street Art เลยก็ว่าได้นะ)

A : Kids On Bicycle

B : Old Motocycle

C : Boy On Chair

D : Kangfu Girl

E : Trishaw Man

F : Cultural Girls

G : Child Mural At Prangin Canal (ผมชอบภาพนี้ที่ซู๊ดดดดเลยนะ)

H : The Indian Boatman

I : No Animal Discrimination Please

J : Bruce Lee

K : Please Care And Bathe Me

L : Love Me Like Your Foutune Cat

M : Cats And Humans Happily Living Together (รูปนี้จะอยู่ในวัดนะครับ ต้องลองหาดูดีๆ)

N : Lion Dance

O : Skippy

P : Penang Past, Present And Future

Q : Children Playing Basketball

R : Brother And Sister On A Swing

ผมใช้เวลากับการเดินหาภาพ Street Art เกือบ 1 วันเต็มๆครับ จนเท้าผมพองงงเป็นน้ำใสๆเลยยย เลยนั่งพักตอนช่วงที่ตามล่าหา 3 ภาพสุดท้าย แต่ท้ายสุดก็ได้ครบตามที่ตั้งใจไว้จริงๆ

แต่ถ้าเพื่อนๆไม่อยากเดิน ก็จะมีร้านจักรยานให้เช่านะครับ โดยคิดค่าบริการวันละ 10 RM ครับ ใช้ได้ทั้งวันเลยยยยย พอเหนื่อยยยย เราก็เดินมาตึกคอมตาร์เพื่อสิ่งนี้ ...

555 มันอร่อยจริงๆนะ วันนี้กินรสช็อคโกแลตด้วยแหล่ะ 

จริงๆแล้ว ปีนังไม่ได้มีเพียงแค่ Street Art นะครับ เพราะยังมีภาพ Marking George Town อีกให้ถ่ายภาพอีกทั้งหมด 52 ภาพจากทริปที่ผมได้มา ผมตามล่าได้เพียง 41 ภาพเท่านั้น (มันหายากเหมือนกันนะ เพราะมันอยู่ทั่วเมืองเลย) อันนี้เอามาให้ดูเผื่อเพื่อนๆนึกหน้าตาไม่ออก (จริงๆอันนี้ไม่ได้เป็นภาพวาดนะครับ เป็นลวดสีดำ ดัดมาเป็นรูปทรงต่างๆครับ แต่ผลงานมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม มันทำให้ภาพดูอาร์ทขึ้นอีกเยอะเลย)

และนี่ก็เป็นสถานที่สำคัญ น่าถ่ายรูปของย่านนี้นะครับ

จริงๆมีอีกหลายจุดในปีนังเลยครับ ยิ่งถ้ามาตอนเช้าๆจะเห็นเค้าออกกำลังกายกันด้วยนะ เห็นคนแก่เข็นรถเด็กไปมา ก็ถือว่าเป็นภาพที่ประทับใจอีกเหมือนกันนะครับ และวันที่ 2 ของผมก็หมดไปอีก 1 วันกับการตามล่าหาภาพ Street Art ทั้งหมด 18 ภาพ และ Marking George Town อีก 41 จุด จากทั้งหมด 52 จุด

เทคนิคการดูแผนที่ฉบับของผม

- ผมเลือกที่จะทำการมาร์กจุดแต่ละจุดครับ
- พยายามเดินดูระแวกนั้นให้ดีๆนะ เพราะบางทีมันก็เหมือนเส้นผมบังภูเขาจริงๆ หันซ้าย ขวา หน้า หลัง ไว้ดีๆ
- ระหว่างที่ดูแผนที่ควรหยุดยืนอยู่กับที่นะครับ เพราะบางทีรถผ่านไปมา อันตราย
- ระวังอึน้องหมาบ้าง ฮ่าๆๆๆ  เพราะผมเหยียบไม่รู้กี่กองละครับ (อันนี้พูดจริงนะ ไม่ได้เอาฮา)

วันที่ 3 (วันแห่งการสำรวมสิ่งต่างๆ) 17 / 06 / 2015

วันนี้ผมเลือกที่จะตื่นสายหน่อย ประมาณ 08.00 น. ครับ วันนี้ตัดสินใจ Check Out ออกจากโรงแรม โดยวันนี้จะได้เงินคืนทั้งหมด 10 RM แต่โรงแรมกลับไม่ตรวจห้องอะไรเลยยย แห่ะๆ เริ่มต้นของเช้าวันที่ 3 ผมก็ยังเลือกใช้วิธีการเดินอีกอยู่ดีครับ เพราะคิดว่า " บางช่วงเวลา ..เราควรเก็บเกี่ยวไว้ให้นานๆ " 

และนี่ก็คือบรรยากาศในช่วงเช้าครับ

เดินเล่นไปซักพัก ..เราก็เจอพิพิธภัณฑ์กล้องครับ เลยแว๊บเข้าไปดูนิดนึงนะ (ตรงนี้ไม่เสียค่าบริการนะครับ สามารถเดินเข้าไปได้เลย จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกล้อง ภาพถ่ายตั้งแต่ยุคกล้องแรกๆเลยหล่ะครับ)

เดินไปเรื่อยๆ สำรวจรอบเมืองไปเรื่อยๆก็เริ่มหิวครับ ฮ่าๆ ร้านค้าที่นี่น้อยมากที่จะเปิดในช่วงเช้าครับผม ส่วนใหญ่จะเปิดในช่วงเย็นๆหน่อยย ผมเลยเลือกที่จะเดินไปกินไก่ย่างของร้านนี้ (สั่งเสร็จก็ไม่สนใจอะไรเลย เพราะว่าหิวมากกก ฮ่าๆๆ ส่วนราคาก็ตกชิ้นละประมาณ 2 RM ครับ)

พอช่วงสายๆ ผมตัดสินใจว่า เอออ ไหนๆก็มาแล้ว เราขอแบบทุกรสชาติซะหน่อย ปีนังฮิลล์ก็ปิด! เลยเลือกที่จะนั่งรถเมล์จากท่ารถที่ตึกคอมตาร์ นั่งรถสาย 103 (ค่ารถ 1.4 RM) นั่งไป Gurney Drive ครับ ผมเดินห้างเล่น ไปดูซะหน่อยว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ยยย แห่ะๆ

วิธีการขึ้นรถเมล์ในปีนัง

- เตรียมเงินให้พอนะครับ (อย่าให้ขาดนะ คนขับรถเค้ารู้ด้วยแหล่ะ)
- บอกว่าจะไปไหน พนักงานก็จะบอกราคาพร้อมกับฉีกตั๋วมาให้ เราก็หยอดเงินที่กล่องไปครับ
- รถเมล์ที่นี่เป็นระเบียบมากครับ คือ ให้ขึ้นประตูหน้า และลงประตูหลัง หลักการคือ ประตูหลังจะเปิดให้คนลงก่อน แล้วปิดประตูหลัง และมาเปิดประตูหน้า เพื่อให้คนขึ้นครับ (ต่างจากบ้านเรามากๆเลยเน๊อะว่ามั้ย)

ระหว่างที่นั่งไปเรื่อยๆก็เริ่มดูบ้านเมืองของเค้า ดูว่าตรงนี้คืออะไร นั่งไปประมาณ 15 นาทีครับ ก็ถึง Gurney Drive หรือห้าง Gerney Plaza แต่ก่อนถึงห้างนี้เพื่อนๆสังเกตุทางด้านซ้ายมือก่อนนะครับ จะเจอวัด(พุทธ) และหลังจากนั้นก็ประมาณอีกซัก 4-5 ป้ายก็ถึงละครับ

ห้างจะมีทั้งหมด 2 ที่ด้วยกันนะครับ คือห้าง Gerney Plaza กับ Gerney Paragon ครับ (สามารถเดินไปได้ ห่างกันนิดเดียวเอง)

พอเดินในห้างได้ซักพักก็คิดว่ามันก็ไม่มีอะไรเลยยย ของราคาก็พอๆกับประเทศไทยเลยนะครับ เพราะฉะนั้น กลับครับ!!! ไม่ช็อปปิ้งอะไรใดๆทั้งสิ้น ฮ่าๆๆๆ การนั่งกลับก็ข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพื่อรอรถนะครับ นั่งมาสายไหนก็กลับสายนั้นครับ (พยายามหลีกเลี่ยงเวลาประมาณช่วง 14.00 น. นะครับ เพราะเด็กๆเค้าเลิกเรียนกัน ตอนที่ผมกลับเวลานั้นพอดี เต็มรถเลยครัชชช) ใช้เวลาเดินทางมาถึงตึกคอมตาร์ประมาณ 20 นาที ผมก็เลยเลือกที่จะนั่งเรือข้ามไปฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธและคิดว่าจะเที่ยวที่บัตเตอร์เวอร์ธซัก 1 วันดีกว่าก่อนกลับไทย ก็เลยเลือกวิธีคือ " การเดินไปท่าเรือเฟอร์รี่ " อีกตามเคย ฮ่าๆ

นี่เป็นบรรยากาศระหว่างการเดินเท้าของผมไปท่าเรือเฟอร์รี่นะครับ

เดินมาเรือยๆก็ถึงท่าเรือเฟอร์รี่ปีนังครับ ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ จะมีท่ารถเมล์ด้วยนะครับ เค้าจะวนมารับผู้โดยสาร และมี Free Shuttle Bus ด้วยย โดยจะให้บริการฟรีตั้งแต่เวลา 06.00  - 12.00 น. ครับ การขึ้นเรือจากจอร์ททาวน์ไปบัตเตอร์เวอร์ธคือฟรี !!! ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรใดๆทั้งสิ้นนะครับ เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ให้ขึ้นไปชั้น 2 นะครับ พอถึงก็นั่งรอเรือมารับครับ 

ที่นี่มีไวไฟไว้ให้เล่นฟรีด้วยนะครับ และการขึ้นเรือที่นี่เค้าจะแบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน คือ โซนสำหรับคนแก่ เด็ก และคนท้องครับ คือจะได้ขึ้นเรือก่อนครับ พอคนกลุ่มแรกขึ้นเสร็จ พนักงานก็จะปล่อยให้คนทั่วๆไปขึ้นตามครับ แต่ไม่ต้องรีบนะครับ เพราะว่าเรือมีที่นั่งเหลือเฟือเลยครับ

ระหว่างที่เรือกำลังพาเราไปสู่ฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ ก็ไม่พลากที่เก็บบรรยากาศมาให้ดูครับ

อยากให้เพื่อนๆสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ไว้เยอะๆนะครับ เพราะระหว่างที่เรือกับแล่นอยู่นั้น ข้างขวาจะเป็นวิวสะพานของปีนีงที่ยาวๆ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นบบรยากาศของเรือสินค้า ด้านหน้าจะเห็นถังเก็บน้ำมัน ด้านหลังวิวตึกคอมตาร์ และในน้ำ เพื่อนๆจะเห็นปลา เห็นแมงกระพรุนว่ายในบางช่วงนะครับ ซึ่งผมพยายามจะถ่ายมาแล้ว แต่ถ่ายไม่ทันจริงๆครับ เราใช้เวลากับการนั่งเรือ (ไม่สิ! เพราะผมยืนตลอด ฮ่าๆ) ประมาณ 15 นาทีครับ เราก็มาถึงฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ

ในรูปจะเห็นว่าคนที่จะข้ามไปฝั่งปีนังต้องเสียค่าโดยสารประมาณคนละ 1.2 RM นะครับ

เราก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ สิ่งแรกที่เจอเลยคือสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธครับ ซึ่งแน่นอนพรุ่งนี้ผมกลับแล้ว ผมก็ต้องมาขึ้นที่นี่ๆแหล่ะ และเดินไปเรื่อยๆก็จะเจอท่ารถครับ มีทุกสาย อยากไปไหนก็สามารถขึ้นได้ที่นี่เลยครับ ส่วนการนอนที่นี่ผมไม่ได้จองโรงแรมไว้แต่อย่างใด เลยเดินหาเกตเฮาส์ถูกๆครับ ห้องคืนละ 350 บาท ห้องรวมนะครับ

ส่วนช่วงมื้อเย็นผมก็เลือกที่จะกินโรตี (จริงๆคือผมแค่อยากลองอ่ะแหล่ะ) แผ่นละ 1 RM และมันแผ่นใหญ่มากกกกครับ คือกินละอยู่ท้องเลยแหล่ะ เลยกินไป 1 แผ่น ฮ่าๆ

และวันที่ 3 วันของการสำรวจเมืองปีนังก็จบแต่เพียงเท่านี้ (เพราะเหนื่อย เพราะเท้าเจ็บ ฮ่าๆ) เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็ต้องกลับประเทศไทยแล้วววววว 

 

วันที่ 4 (เดินทางกลับ) 18 / 06 / 2015

วันนี้ผมเลือกที่จะตื่นสายมากๆๆ เพราะว่ารถไฟออกเวลา 13.15 น. และฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าท่องเที่ยวเท่าไหร่ บวกกับเท้าที่เจ็บ ระบมฝุดๆ ผมเลยตัดสินใจ Check Out ออกจากโรงแรมตอนช่วง 12.00 น. และเดินไปรอรถไฟที่สถานีบัตเตอร์เวอร์ธเวลา 12.30 น. ระหว่างที่รอก็ไม่มีอะไรมากครับ ใครที่ซื้อตั๋วมาแล้วก็นั่งรออย่างเดียว แต่ถ้าใครยังไม่ได้ซื้อตั๋วก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาเตอร์เลย แต่ผมแนะนำให้จองมาก่อนจะดีกว่าครับ เพราะวันที่ผมจองเหลือที่นั่งเพียง 11 ที่นั่ง ซึ่งมันเสี่ยงมากๆเลยนะผมว่า

บรรยากาศที่สถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธครับ

นั่งรอไปเรื่อยๆจนใกล้ถึงเวลาครับ พนักงานก็ประกาศว่ารถไฟเลทนะ จะมาในช่วงเวลา 15.00 น. เอาละไง! รถไฟไทยทำพิษตลอดเลย ฮ่าๆๆๆๆ ผมเลยเลือกที่จะหลับ zZ ฮ่าๆๆๆๆ (ว่างเป็นไม่ได้เลย)และเวลา 15.00 น. ก็มาถึง พนักงานประกาศว่ารถไฟมาถึงแล้ว แต่ยังขึ้นรถไม่ได้ เพราะว่าต้องรอให้ผู้โดยสารที่มาจากประเทศไทยออกจากรถให้หมดก่อน จนกว่าจะได้ขึ้นก็ใช้เวลา 20 นาที พอขึ้นมาปุ๊บ หาที่นั่งก่อนเลยครับ เลขที่นั่งอยู่ด้านข้างของเบาะ อยู่ตรงล่างๆหน่อย ตัวเลขจะเป็นสีแดง ซึ่งครั้งนี้ผมได้ที่นั่งหมายเลข 18 (ซึ่งมันดีฝุดๆเลยแหล่ะ)

บรรยากาศบนรถไฟครับ

ระหว่างที่รถไฟกำลังแล่นไปเรื่อยๆก็มีฝนตกประปรายครับ

นั่งไปสักพักก็ถึงด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งตรงนี้เพื่อนๆต้องเอา Passport ลงไปด้วย พร้อมกับใบคนเข้าประเทศนะครับ (ไม่ต้องเอากระเป๋าลงไป) รถไฟจะจอดจุดนี้ประมาณ 20-30 นาทีครับ และด่านตรงนี้สัญญาณมือถือก็มาแล้วววว ฮ่าๆ

ว่างๆก็เลยเอาเงินอกอมานับว่าเหลือเงินกลับไทยกี่บาท โอ๊ววพระเจ้าาา! เหลือเงิน 81 RM แลกไป 150 RM เท่ากับว่าเราใช้เงินไป 600 กว่าบาทเองหรอเนี่ยยยยย

ประมาณ 19.00 น. พนักงานก็เริ่มที่จะปูที่นอนให้เราแล้วหล่ะครับ และนี่ก็เป็นที่นอนของผมในคืนนี้ครับ

วันที่ 5 (สวัสดีบางกอก) 19 / 06 / 2015
ตื่นเช้ามาก็มีพนักงานมาเก็บเตียงให้ครับ ผมก็ไปล้างหน้าแปรงฟันและก็มาถึงที่ราชบุรี มันก็ต้องลองสิเน๊าะ เตี๋ยวราชรี ขึ้นชื่อซะไม่มี

นั่งไปเรื่อยๆครับจนถึงเวลา 10.30 น. โดยปกติรถไฟจะต้องถึงกรุงเทพเวลานี้ แต่พนักงานรถไฟแจ้งแล้วว่ารถไฟเลทไปกว่า 100 นาที จนมาถึงกรุงเทพจริงๆเวลา 12. 40 น. ครับ

คำแนะนำเพิ่มเติม

## การเดินทาง ##
Part 1 การเลือกที่นั่งบนเครื่องบินสายการบิน Thai Lion Air
- Check In Online มาจากที่บ้านก่อนล่วงหน้า 24 ชั่วโมง
- เดินทางมาให้ถึงสนามบินก่อนล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง
- ขอเปลี่ยนที่นั่งที่เคาเตอร์เป็นที่นั่ง 32A (เป็นเบาะสำหรับประตูฉุกเฉิน) 32F จะนั่งประสานสายตากับพนักงานบนเครื่อง

Part 2 การนั่งแทกซี่จากสนามบินหาดใหญ่
- ออกมาหน้าตัวอาคาร แล้วสังเกตุทางด้านขวามือจะเจอเคาเตอร์ บอกไปโรงแรมอะโลฮ่า สาย 1 (ชาตจ์ 50 บาท)
- ขึ้นแทกซี่บอกเหมาไป 200 บาท (เท่ากับค่ารถ 150 บาท ค่าชาตจ์ 50 บาท)
- ระหว่างนั่งแทกซี่โทรจองที่นั่งกับรถตู้ ระบุเวลา จำนวนคน

Part 3 เลือกที่นั่งบนรถตู้
- ถ้าเป็นไปได้ให้นั่งหน้าสุด อย่านั่งหลังสุดเพราะจะเมารถครับ (ผมไปโดนนั่งเกือบหลังสุด)

Part 4 การขึ้นรถเมล์ที่ปีนัง
- ขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลังเสมอ
- เตรียมเงินไปให้พอดีกับค่ารถ
- เมื่อรถมาจอดเทียบท่า ประตูหลังจะเปิดก่อนเสมอเพื่อให้คนลง พอประตูหลังปิด ประตูหน้าถึงจะเปิดแล้วถึงขึ้นไปนะครับ

Part 5 การขึ้นเรือ
- เรือเฟอร์รี่ขึ้นจากฝั่งจอร์ททาวน์ไปปีนังฟรี
- เรือเฟอร์รี่ขึ้นจากฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธมาจอร์ททาวน์เสียเงินคนละ 1.2 RM
- ท่าเรือมีรถบริการฟรีเวลา 06.00 - 12.00 น.
- ท่าเรือมีบริการไวไฟฟรี ไม่ต้อง Log In อะไรใดๆทั้งสิ้น เชื่อมต่อและเล่นได้เลย

Part 6 การเลือกที่นั่งบนรถไฟ
- ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกที่นั่ง 18 (เตียงล่าง) เพราะจะติดปลั๊กไฟพอดีครับ
- รถไฟมีปลั๊กเพียง 1 จุดเท่านั้น / 1 โบกี้
- เตียงล่างราคา 1,210 บาท เตียงบน 1,110 บาท
- ไม่มีอาหารมาบริการ หากจะกินต้องซื้อนะครับ

## การจองโรมแรม ##
ผมเลือกจองโรงแรม Super 8 Hotel เพราะสาเหตุดังนี้
- ราคาไม่แพง ตกคืนละ 700 บาท
- ให้เลือกเตียงแยก ราคาจะถูกกว่าเตียงใหญ่ แต่พอจะนอนก็สามารถเอามาต่อกันได้ครับ
- มีไวไฟให้บริการฟรี เร็ว แรง ถึงใจ
- โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากตึกคอมตาร์ ห่างเพียง 700 เมตร
- ระแวกโรงแรมมีร้านอาหาร
- โรงแรมมีน้ำดื่มให้ 2 ขวด ชา กาแฟ ตู้กดน้ำร้อน น้ำเย็นให้บริการฟรี

## แลกเงินที่ไหนดี ##
1. Super Rich : http://www.superrich1965.com/ สาขาเยอะ ที่นี่จะมีแต่แบงค์ใหญ่ๆ 50-100 Rm (ซึ่งไม่ตอบโจทย์ผมครับ)

2. K79 Exchange (สถานีบีทีเอสอ่อนนุช) : http://www.k79exchange.com/ อันตราการแลกเปลี่ยนแพงกว่า Super Rich เล็กน้อย

3. Kin Exchang : http://kin-exchange.com/ อัตราการแลกเปลี่ยนถูกที่สุดในบรรดาที่ผมหามาครับ แต่อยู่ที่หาดใหญ่นะ

## การใช้เงิน ไป 1,350 บาท เหลือกลับไทย 709 บาท
- ผมเลือกที่จะทานอาหารไม่แพงมาก ตกมื้อละ 2-3 Rm (บะหมี่ชามละ 2 Rm / ไก่ชิ้นละ 2 Rm / โรตีแผ่นละ 1 RM)
- นำขวดเปล่าจากโรงแรมมากรอกน้ำครับ เอาไว้ดื่มระหว่างวัน ประหยัดไปอีกขวดละ 1 RM เลยนะ
- เลือกทานอาหารที่หลากหลาย ไปทั้งทีก็ต้องชิมหลายๆอย่างสิเนาะ
- ไม่ช็อปปิ้งครับ เพราะราคาไม่ได้แตกต่างจากประเทศไทยซักเท่าไหร่

## อุปกรณ์ที่ควรติดตัวไปด้วย ##
- ร่ม หรือหมวกครับ เพราะอากาศที่ดีบางวันแดดก็จัด บางเวลาฝนก็ตก พกไว้ไม่เสียหาย
- ยาพาราครับ เผื่อเปียกฝนจะได้มีไว้ติดตัว
- น้ำดื่ม
- ปากกา เอาไว้มาร์กตอนเดินหาภาพนะครับ และเอาไว้จดบันทึกต่างๆ
- แผนที่เมืองจอร์ททาวน์ มีไว้ไปไหนไม่มีหลงครับ

## ค่าใช้จ่ายทั้งหมดกับทริปปีนัง 5 วัน 4 คืน ##
- ค่ารถเมล์จากหมอชิตไปดอนเมือง 17 บาท
- ค่าเครื่องจากดอนเมืองไปหาดใหญ่ 595 บาท
- ค่าแทกซี่จากสนามบินหาดใหญ่ไปวินรถตู้ 200 บาท
- ค่ารถตู้ 400 บาท
- ค่าโรงแรม 2 คืนแรก 1,400 บาท และคืนที่ 3 350 บาท
- ค่ารถไฟขากลับ 1,210 บาท
- แลกเงินไป 1, 350 บาท เหลือกลับไทย 709 บาท 4172

รวมทั้งหมด 4,813 บาท ครับ 

 

เป็นไงกันบ้างคะ เป็นการท่องเที่ยวที่ครบรสไหมหละ ถ้าอยากไปเที่ยวต่างแดนแบบนี้ ก็อยากให้เก็บทริปนี้ไว้ในใจนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ topz_anuwat

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook