นำเทรนด์ก่อนใครกับ "7 ร้านเปิดใหม่" ที่น่าจับตามอง

นำเทรนด์ก่อนใครกับ "7 ร้านเปิดใหม่" ที่น่าจับตามอง

นำเทรนด์ก่อนใครกับ "7 ร้านเปิดใหม่" ที่น่าจับตามอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

1.Osito

ร้านอาหารสเปนสไตล์ Tapas แห่งนี้เปลี่ยนโฉมร้านใหม่จากชื่อเดิม El Osito พร้อมเมนูอาหารสเปนรสชาติดั้งเดิมที่รังสรรค์ด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุดโดยเชฟมากฝีมืออย่าง เชฟ Daniel Bucher บรรยากาศน่านั่งและไม่เคอะเขิน มาจากการใช้สีสันสดใสบวกกับโต๊ะเก้าอี้สูงเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองเพื่อตรงกับรูปแบบการกินแนว Tapas

“อาหารแนว Tapas คือการแบ่งปันอาหารและประสบการณ์ใหม่ ๆ เป็นการกินที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องกินอาหารให้หมดจาน แต่ให้ความสำคัญกับบทสนทนาที่เกิดขึ้นมากกว่า จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นร้าน Tapas ต่าง ๆ ในสเปนมีโต๊ะเก้าอี้แนวสูง สะดวกแก่การวางแก้วไวน์เพื่อเริ่มบทสนทนาใหม่ ๆ กับเพื่อนร่วมร้าน ค่ำคืนที่แสนจะธรรมดาอาจกลายเป็นคืนปาร์ตี้ก็เป็นได้” เชฟ Daniel กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมนูอาหารของที่นี่ทานง่าย ไม่หวือหวา เน้นไปที่รสชาติรมควันและการจัดจานอย่างสวยงามและสร้างสรรค์โดยฝีมือเชฟเอง รายละเอียดอีกอย่างที่บ่งบอกถึงความใส่ใจของเชฟคือ การเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด โดยจะมองหาผลิตผลออร์แกนิกในท้องถิ่นเป็นอันดับต้น ๆ

“เราสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืน และพยายามใช้วัตถุดิบออร์แกนิกในท้องถิ่นเท่าที่เราจะหาได้ อย่างเช่น ถ้าเราสามารถหาวัตถุดิบคุณภาพสูงในท้องถิ่นแต่ไม่ตรงกับรูปแบบเดิมที่เราทำ เราจะคิดกันขึ้นมาใหม่ ถึงแม้มันอาจจะเสียเวลาไปบ้าง แต่มันมีความหมายที่เราเลือกวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้และพยายามทำให้มันเข้ากันดีกับรสชาติของฝั่งยุโรป คนที่ทานอาหารของเราจะรับรู้ถึงรสชาติความเป็นสเปนแบบดั้งเดิม แต่คุณไม่สามารถหาอาหารจานแบบนี้ได้ที่นั่น อาหารของเราจึงถือได้ว่าเป็นสเปนที่แท้จริงแต่พิเศษตรงหาที่อื่นไม่ได้นี่เอง” เชฟ Daniel สรุปด้วยความตื่นเต้น

นอกจากนี้ร้านยังมีอาหารในรูปแบบอเมริกันแต่ปรุงรสในสไตล์ยุโรป อย่างเช่น สแปนิชฮอทดอกและแซนด์วิช หรือจะลองทานจานโปรดของเชฟ Daniel ที่มีชื่อเรียกยาว ๆ ว่า Carpaccio de Gamba Carabinero (250 บาท) ประกอบด้วยกุ้งดิบจากสเปน ที่หั่นเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมบาง ๆ เสิร์ฟพร้อมอาร์ติโชก แอสพารากัส มะเขือเทศตากแห้ง และถั่วปรุงรสให้เข้ากับความหวานของเนื้อกุ้งดิบ อร่อยจนอยากสั่งเพิ่มอีกจานแน่นอน

“ผมคิดว่าวัฒนธรรมการกินอาหารในแบบ Tapas เป็นอะไรที่วิเศษมากจริง ๆ เพราะคำจำกัดความไม่ได้หยุดอยู่แค่จานอาหารนั้น ๆ แต่บ่งบอกถึงใจความสำคัญอันแท้จริงของอาหารและการกิน นั่นก็คือการที่เราได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน และมีส่วนร่วมในบทสนทนาอันน่าจดจำ คงไม่เกินเลยถ้าจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะอาหาร” เชฟ Daniel กล่าวปิดอย่างมีความสุข

ที่ตั้ง: มหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต

เบอร์โทร: 02-651-4399

วันเวลาเปิดและปิด: เปิดวันจันทร์-เสาร์ 11:30-15:00 น., 17:00-23:00 น.

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30000932

2. Marie Guimar

จากสี่หนุ่มผู้อยู่เบื้องหลังร้าน 4 Garcons คือ คุณโจ รุจาพงศ์ สุขบท คุณแวน อายุษกร อารยางกูร คุณป๊อบ พิรุณ วัชรามนตรี และคุณจอห์น ชาน เติบโตมาเป็นอีกร้านมีบรรยากาศสบาย ๆ ในอาคารเดียวกันกับเมนูเอเชียน อาหารที่ร้านมีทั้งแบบดั้งเดิมและหลายจานดังของประเทศในอาเซียนที่พวกเขาได้ไปชิมระหว่างเดินทาง รวมไปถึงสูตรจากที่บ้านของแต่ละคน Marie Guimar หรือท้าวทองกีบม้า ซึ่งเป็นทั้งชื่อและสัญลักษณ์ของร้านนั้นคือหญิงสาวลูกครึ่งผู้นำเสนออาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารโปรตุเกสสู่วงการอาหารไทยในสมัยอยุธยา โดยเฉพาะขนมไทยต่าง ๆ

อาหารที่นี่หลายจานนั้นทำตามสูตรต้นตำรับที่ทีมงานได้ไปศึกษามาทุกขั้นตอน ในขณะที่บางจานก็จะมีการเพิ่มลูกเล่นสมัยใหม่เข้าไป แต่ที่เป็นอีกจุดเด่นของที่นี่ คือ อาหารทุกจานนั้นทำสดใหม่ตลอดทั้งวัน "เราทำอาหารสดใหม่ตลอดเวลา เราทำแกงเป็นรอบ ๆ ส่วนขนมไทยนั้น เราจะขูดมะพร้าวใหม่หลังจากที่ลูกค้าออเดอร์ทันที" เชฟแวนบอกกับเรา นอกจากแกงที่น่าลองแล้ว อาหารแนะนำอื่น ๆ ได้แก่ ขนมจีนน้ำพริก (320 บาท) ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ (150 บาท) หรือจานฟิวชั่นอย่าง สปาเก็ตตี้หนำเลี๊ยบ (280 บาท) ในส่วนของขนมหวานก็สามารถสั่งขนมหาทานยากอย่าง ขนมขี้หนู (60 บาท) ทองพลุ (110 บาท) หรือปลากริมไข่เต่าที่ในส่วนของไข่เต่ามีการผสมคาราเมลเข้าไป ทำให้ออกรสหวานหอมติดขมนิด ๆ เข้ากันได้ดีกับปลากริมรสมัน ๆ ที่นี่นับเป็นอีกร้านที่ใครหลายคนน่าจะกลับมาลองอาหารหลากรสของแต่ละประเทศอาเซียนในบรรยากาศสบาย ๆ และราคาไม่แพง


ที่ตั้ง: ซอยทองหล่อ 15

เบอร์โทร: 02-712-8036

วันเวลาเปิดและปิด: เปิดทุกวัน 06:00-22:00 น.

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: 

http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30007874

3. WWA Cafe X Chooseless

การร่วมมือของสองแบรนด์เสื้อผ้า WWA x ChooseLess กลายมาเป็นร้านคาเฟ่สุดเท่ที่ผสมผสานความแตกต่างอย่างสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตึกทั้งภายในและภายนอกให้เห็นโครงสร้างตึกเปลือย ๆ ไร้การปรุงแต่ง การเอาพื้นถนนฟุตบาทและเสาสะพานมาเป็นองค์ประกอบในการตกแต่ง ล้วนแล้วแต่ตะโกนดังลั่นถึงความดิบในแนวรัสติกแวร์เฮ้าส์ใต้หลังคาที่มีส่วนผสมของความหรูแบบเรียบนิ่ง สะท้อนความเป็นตัวตนของทั้งสองแบรนด์

ฝั่งของ WWA ยังคงสไตล์เรียบหรูจากเมนูอาหารนานาชาติที่รังสรรค์โดยเชฟ Davina Pickering เมนูแนะนำมีหลากหลายให้เลือกแล้วแต่ว่าอยากทานเป็น All-day Brunch สลัด สปาเก็ตตี้ ของหวาน หรือถ้าอยากได้ทั้งรสชาติคาวและหวานในจานเดียว แนะนำให้ลอง Berry Cream Cheese French Toast (370 บาท) ที่มีขนมปังบริโอช ไส้กรอกอิตาเลียน เบคอนกรอบ ไข่คน และพาร์สลี่ย์ สำหรับคนที่ชอบช็อกโกแลต อย่าพลาดเมนูเครื่องดื่มช็อกโกแลตเย็นโดยเด็ดขาด (130 บาท) เพราะเป็นช็อกโกแลตแบบเข้มข้นมาก “ทุกจานสะท้อนรสนิยมในแบบฉบับของ WWA เราอยากสร้างอาหารขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนมีความสุขเวลารับประทาน” - คุณปานแห่งร้านคาเฟ่และแฟชั่นเสื้อผ้าแบรนด์ WWA

สำหรับฝั่งของ ChooseLess นั้นเน้นที่อาหารไทยคลาสสิคแบบเรียบง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนกินอยู่ที่บ้าน สอดแทรกด้วยรสชาติอาหารไทยดั้งเดิมที่ทั้งเข้มข้นและจัดจ้าน เมนูอาหารของแบรนด์นี้สลับผลัดเปลี่ยนกันเป็นรายสัปดาห์หรืออาจจะเป็นรายวัน ไม่ต่างจากเวลาเราทำอาหารกินกันที่บ้าน ถ้าโชคดีอาจจะได้ลิ้มรสหมูทอด (150 บาท) ที่หนักไปทางเครื่องที่ใช้หมักและข้าวเหนียวเมล็ดเล็ก ไม่ฟอกขาว กินคู่กับพริกน้ำปลาดองรสชาติจัดจ้าน อร่อยอย่าบอกใคร หรือลองถามหาไข่พะโล้หมูสามชั้น (150 บาท) ที่ตุ๋นกันอย่างหนักหน่วงเป็นเวลา 3 วัน ส่วนเครื่องดื่มมีหลายอย่างน่าสนใจ อย่างเช่น ChooseLess Iced Tea (150 บาท) ชาหมักผลไม้สดที่ทางร้านหมักผลไม้เอง และ Magenta Smoothie (180 บาท) ชาหมักผลไม้ปั่นรวมกับผลไม้สดหลากชนิดที่มีสีบานเย็นจากแก้วมังกรเนื้อสีแดง หรือถ้าร่างกายต้องการคาเฟอีน ขอแนะนำให้ลอง Ice Cube Coffee (150 บาท)

 

เราแนะนำให้ลองอาหารของทั้งสองแบรนด์เพราะมีความโดดเด่นที่แตกต่าง แต่ที่เหมือนกันคงเป็นความใส่ใจในรายละเอียดของทุกจานที่ทำขึ้นมา คิดว่าทุกคนที่ได้ทานคงรู้สึกไม่ต่างกันมาก

 

ที่ตั้ง: บ้านเอกมัย ซอยเอกมัย 21

วันเวลาเปิดและปิด: เปิดวันพุธ-ศุกร์ 12:00-21:00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ 10:30-21:00 น.

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: 

http://www.ipick.com/bangkok/restaurant/30007995

4. Jubei Izakaya

Jubei คือร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะแนวใหม่ในย่านเพลินจิต ในอาณาเขตตึกมหาทุนพลาซ่า ที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นกับวัฒนธรรมตะวันตกทั้งในการตกแต่งภายในร้านหรือแม้แต่เมนูอาหารจานเล็กที่สามารถทานแกล้มกับเหล้า ด้วยบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง ที่นี่เหมาะแก่การนั่งรับประทานอาหารทั้งมื้อกลางวันสำหรับคนทำงานในละแวกนั้น หรือเป็นจุดนัดพบปะของเพื่อนฝูงหลังเลิกงานก็ยิ่งดี

เมนูอาหารมีให้เลือกสรรมากมาย อย่างเช่น สลัดเต้าหู้ (250 บาท) สลัดปลาดิบ (450 บาท) เฟรนช์ฟรายส์อิโซะเบะ (100 บาท) ที่ใช้สาหร่ายแทนเกลือ และราเมน (เริ่มต้นที่ 180 บาท) ที่บอกเลยว่าเกินคุ้มทั้งรสชาติและราคา เมนูพิเศษสำหรับมื้อเย็นหรือดึกทางร้านเสิร์ฟ ยากิโทริ หรือ ไก่ย่างเสียบไม้ (เริ่มต้นที่ 45 บาท) จากเชฟซาโตชิ ซาวาดะ ส่วนเครื่องดื่มของที่นี่นั้น ลองโซจูหมักเองกับวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล เบียร์ขิงโฮมเมด หรือค็อกเทลแนะนำ อย่าง Jubei Stormy (220 บาท) ไฮไลท์ของแก้วนี้อยู่ตรงโฟมมะนาวด้านบนที่พอได้ดื่มร่วมกับเบียร์ขิงและสาเกด้านล่างแล้วจะเกิดลิ้นสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของค็อกเทลตัวนี้

ลองมาชิมเมนูพิเศษประจำสัปดาห์และประจำเดือนของทางร้าน หรือ มาปาร์ตี้ในงาน Samurai Night ที่จัดขึ้นเดือนละครั้งก็คงเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่เหมือนกัน

ที่ตั้ง: อาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต

เบอร์โทร: 02-651-5020

วันเวลาเปิดและปิด: เปิดวันเสาร์-พุธ 11:00-23:00, วันพฤหัส-ศุกร์ 11:00-24:00

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: 

http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30007875

ติดตามร้านอื่น ๆ ได้ที่ iPick



อัลบั้มภาพ 24 ภาพ

อัลบั้มภาพ 24 ภาพ ของ นำเทรนด์ก่อนใครกับ "7 ร้านเปิดใหม่" ที่น่าจับตามอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook