ตระการตาเทศกาลโคมไฟเมืองปากน้ำ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.กรุงเทพมหานคร ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ , มูลนิธิธรรมกตัญญู( เสียนหลอไต้เทียนกง ) , สมาคมการค้าพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ , อบจ.สมุทรปราการ , เทศบาลตำบลบางปู และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมจัดงาน Lantern Festival 2016 หรือเทศกาลโคมแสงสีแห่งเมืองปากน้ำปี 4 ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2559 ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสสีสันแห่งเมืองปากน้ำ
จากความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตาของแสงโคมไฟที่นำมาจากประเทศไต้หวันกว่า 5,000 ดวงมาประดับให้ชมฟรีตลอดช่วงเทศกาลตรุษจีนและเทศกาลหยวนเซียว มีทั้งโคมไฟพญาวานร , โคมไฟมังกรทอง , โคมไฟไท้ส่วยเอี้ย , โคมไฟ 12 นักษัตร , โคมไฟเทพเจ้า 5 พระองค์ , โคมไฟแม่กวนอิม และ โคมไฟมงคลนาชนิด และการข้ามสะพานมงคล พร้อมกันนี้ทางศาลเจ้ายังเปิดให้ผู้ที่เกิดปีชง 4 ปีนักษัตร 2559 อาทิปีขาล ชงเต็ม 100 % / ปีวอก ชง 75 % / ปีมะเส็ง ชง 50 % และปีกุน ชง 25 % รวมถึงปีนักษัตรอื่นๆ ได้เข้าร่วมพิธีแก้ชงได้ด้วยการเขียนแผ่นทองระบุชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดฝากดวงชะตากระเทพเจ้า 5 พระองค์เพื่อความเป็นสิริมงคลได้
“ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง” ช่วงหลัง 4 - 5 มานี้ ต่างเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการจัดงานเทศกาลโคมไฟเฟสติวัล ติดต่อกันมา 4 ปี ไม่ใช้แค่งานเทศกาลนั้น “ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง” หรือมูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) ยังเป็นที่ขนานนาม ว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีศิลปะ และสถาปัตยกรรมการตกแต่งที่สวยงามและยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยการแกะหินสลักและไม้หอมสีทองเหลืองอร่าม
“ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง” ได้รับการถ่ายทอดความเชื่อทางศาสนามาจากมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ ซึ่งมีความศรัทธาในเรื่องเทพเจ้าโหงวหวังเอี้ย หรือ เทพเจ้าแห่ง 5 ตระกูล โดยได้มีผู้อัญเชิญเสด็จเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 แต่เพิ่งมาสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นในภายหลังเมื่อปี พ.ศ.2534 ส่วนศาลเจ้าของมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ ที่ไต้หวันนั้น ถือว่าเป็นศาลที่ประทับของเทพเจ้าโหงวหวังเอี้ยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของไต้หวันเลยทีเดียว ในแต่ละปีก็จะมีผู้ศรัทธาเดินทางไปกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก โดยรูปแบบของศาลเจ้านั้นมีต้นแบบมาจากศาลเจ้าของมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ ที่ไต้หวัน และยังใช้สถาปนิกชามไต้หวันแท้ๆ มาไว้ที่ประเทศไทย
เมื่อเข้ามาถึงศาลเจ้าแห่งนี้ยิ่งตื่นตาตื่นใจเข้าไปใหญ่ เพราะนอกจากสถาปัตยกรรมแบบจีนที่งดงามแล้ว สีสันก็ยังงามจับใจ โดดเด่นด้วยสีแดง-ทอง อย่างบนหลังคาก็ปูกระเบื้องและประดับประดาด้วยสัตว์มงคลตามความเชื่อของชาวจีน ซึ่งมีทั้งหงส์ และมังกร และยังมีตัวละครในนิทานพื้นบ้านเก่าแก่ของชาวจีนอีกด้วย ส่วนตรงชายคาก็ยังมีการแกะสลักไม้ลงรักปิดทองงามจับตา มองกลับมาด้านล่าง บริเวณทางเข้าศาลจะมีสิงโตคู่ตั้งอยู่ด้านหน้า สิงโตคู่นี้เป็นสิงโตคู่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยแกะสลักขึ้นจากหินหยกเขียว นำเข้าจากประเทศจีน สิงโตคู่ตามความเชื่อของชาวจีนนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคล และสำหรับสิงโตคู่ที่ศาลแห่งนี้ได้รับการปลุกเสกคาถาศักดิ์สิทธิ์จากนักพรตในลัทธิเต๋า ที่ถือคติความเชื่อว่า สิงโตคู่มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถกำจัดสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ และสิ่งอาถรรพ์ทั้งปวงได้
บางคนอาจจะงง เมื่อมาถึงว่าจะสักการะอย่างไรเริ่มต้นสักการะเทพเจ้าองค์ไหนก่อน ก็สามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิได้เลย แต่ในบริเวณศาลนั้นก็จะมีคำแนะนำติดอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจไป เริ่มแรกสุด ต้องเริ่มจากการจุดธูปกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อน ต่อมาก็เดินเข้ามาที่ “วิหารเทพเจ้า 5 พระองค์” เป็นวิหารหลังใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง เทพเจ้า 5 พระองค์ มาจาก 5 ตระกูล คือ เทพเจ้าตระกูลหลี่ เทพเจ้าตระกูลฉือ เทพเจ้าตระกูลอู๋ เทพเจ้าตระกูลจู และ เทพเจ้าตระกูลฟ้าน ซึ่งรวมเรียกว่า “อู๋ฟู่เชียนส้วย (โหงวหวังเอี้ย)” ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นเทพเจ้า 5 ขุนพลที่สามารถช่วยเหลือได้รอบด้าน
“โหงวหวังเอี้ย” เป็นยอดขุนพลที่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นขุนนางที่จงรักภักดีของกษัตริย์จีนเมื่อเกือบ 1,400 ปีก่อน ชื่อเสียงของเทพ 5 องค์ได้เลื่องลือขึ้นไปถึงสวรรค์ จนเบื้องบนแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการ ทำหน้าที่คอยสอดส่องดูแลมวลมนุษย์ และมีความเชื่อกันว่า หากได้มาบูชาโหงวหวังเอี้ย จะช่วยคุ้มครองให้มีชีวิตที่ร่มเย็นราบรื่น ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัย และหากอธิษฐานสิ่งใดก็จะได้สมดังปรารถนา
เมื่อสักการะเทพโหงวหวังเอี้ยเสร็จแล้ว ฉันก็เข้ามาที่วิหารทางด้านขวามือของวิหารหลังใหญ่ (หันหน้าเข้าไปในวิหาร) ซึ่งเป็น “วิหารเทพจงเจียงจวิน” ส่วนทางด้านซ้ายมือ จะเป็น “วิหารเทพเฉินหวงเหย่” หรือองค์เจ้าพ่อหลักเมือง และถ้าเดินออกไปที่วิหารด้านข้างกัน จะเป็น “วิหารโตวบ้อ” หรือเจ้าแม่เต้า ภายในมีรูปเคารพของพระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันมือให้ได้สักการะ
จากนั้นตรงเข้ามาที่วิหารกลางด้านใน เป็น “วิหารเจ้าแม่กวนอิม” หรือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งหากสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมแล้วก็อย่าลืมสักการะองค์กวนอู ทางซ้ายมือ และหุ่ยท้อผ่อสัก ทางขวามือขององค์เจ้าแม่ด้วย
ส่วนวิหารด้านขวามือของวิหารเจ้าแม่กวนอิม คือ “วิหารฮกเต็กเจี่ยสินแป๊ะกง” ส่วนวิหารทางซ้ายมือคือ “วิหารเจ้าแม่บังเกิดเกล้า” วิธีการไหว้นั้นก็ตามลำดับตั้งแต่ ไหว้ฟ้าดิน เทพโหงวหวังเอี้ย เทพจงเจียงจวิน เทพเฉินหวงเหย่ เจ้าแม่เต้า พระโพธิสัตว์กวนอิม องค์แป๊ะกง และเจ้าแม่บังเกิดเกล้า หลังจากไหว้พระไหว้เจ้าขอพรให้เป็นสิริมงคลกับตัวเองแล้ว ก็อยาลืมที่จะเดินชมสถาปัตยกรรมงามๆ ในบริเวณศาลเจ้าด้วย และบริเวณกำแพง เป็นการแกะสลักหินให้เป็นเรื่องราวต่างๆ ช่างแกะสลักก็ต้องมีฝีมือมากเพราะสามารถแกะสลักหินก้อนใหญ่ที่แข็งแกร่ง ออกมาเป็นลวดลายสูงต่ำ มีความอ่อนช้อยราวกับมีชีวิตจริงได้ เป็นความงดงามที่จับตาจับใจเสียจริง ได้มาไหว้เจ้าจนอิ่มใจแล้ว เดินชมความงามของสถาปัตยกรรมกันก็แล้ว ถือว่าปีใหม่ (แบบจีน) ก็ได้เริ่มต้นปีกันด้วยความสบายใจ แถมยังได้อยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ถือว่าเป็นการเริ่มต้นปีที่มีความสุขอย่างยิ่ง
โดยในปีนี้ทาง “ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง” กำหนดจัดงานเทศกาลโคมไฟเฟสติวัล 2016 ตั้งแต่วันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2559 พร้อมกันนี้ทางศาลเจ้ายังเปิดให้ผู้ที่เกิดปีชง 4 ปีนักษัตร 2559 อาทิปีขาล ชงเต็ม 100 % / ปีวอก ชง 75 % / ปีมะเส็ง ชง 50 % และปีกุน ชง 25 % รวมถึงปีนนักษัตรอื่นๆ มาติดต่อขอแก้ชงได้ด้วยการเขียนแผ่นทองระบุชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดฝากดวงชะตากระเทพเจ้า 5 พระองค์เพื่อความเป็นสิริมงคลได้ หรือติดต่อทาง “ศาลเจ้ามูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) ” ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ การเดินทาง ใช้ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ทางเดียวกันกับที่ไปเมืองโบราณและบางปู ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงกิโลเมตรที่ 33 จะเห็นทางเข้าอยู่ซ้ายมือ (ทางเข้าศาลเจ้าฯ อยู่ห่างจากปากทางเข้าเมืองโบราณประมาณ 1 กิโลเมตร) เปิดทำการทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2323-3120-5
รถประจำทางที่ผ่านมี / รถสองแถวเล็กสาย 36 ปากน้ำ - นิคมบางปู , รถสองแถวใหญ่ ปากน้ำ – ตำหรุ , รถตู้ประจำทางสายสำโรง - คลองด่าน
ชมรูปภาพทั้งหมดได้ที่ด้านล่าง