เตรียมตัวเที่ยวหน้าฝน..ลุย 'ป่าปงเปียง' แม่กลางหลวง จ.เชียงใหม่
กำลังจะเริ่มเข้าหน้าฝน เลยเอาที่เที่ยวที่เหมาะกับหน้าฝนมาฝากครับ ไปมาเมื่อช่วงกันยายนปีที่แล้วครับ กำลังเขียวได้ที่ ใครไม่กลัวฝน วางแผนไปเลยครับ การเดินทางไปค่อนข้างลำบากครับ แต่ไม่ยากเกินความสามารถ ใครที่ชอบความสดชื่นของป่า
ความสดชื่นของไอหมอก อย่ารอครับ วางแผนไปกันเลย ฟ้าหลังฝนมันสดใสจริงๆครับ และยิ่งช่วงนั้นกำลังอินกับหนังเรื่อง ฟรีแลนซ์ เปิดเพลงวนไปวนมา มันได้อารมณ์มาก นี่คือแผนการเที่ยวของผมที่ทำไว้ตอนนั้น เอาไปปรับใช้กันได้ครับ
วันที่ 1
-21.30 พร้อมกันที่หมอชิต ราคาค่าตั๋ว 488 บาท ไปสองคน
-22.05 รถออกจากหมอชิต
วันที่ 2
-07.35 ถึงสถานีขนส่งอาเขต ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
-08.00 นั่งรถสองแถวแดงไปประตูเชียงใหม่ (ค่ารถ20-30 บาท)
-08.30 ถึงประตูเชียงใหม่ ที่ประตูเชียงใหม่จะมีร้านขายข้าวซอย สั่งข้าวซอยกินสักชามแล้วค่อยไปต่อครับ
-09.00 นั่งสองแถวสีเหลืองสายเชียงใหม่-จอมทอง(ราคา 35 บาท)
-10.00 ถึงจอมทอง ต้องลงรถที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง เพื่อต่อรถสายจอมทอง-แม่แจ่ม
-10.30 นั่งสองแถวสายจอมทอง-แม่แจ่ม ราคา 80 บาท บอกคนขับว่า ลงก.ม. ที่ 26 บ้านแม่กลางหลวง
-รถจะรอจนคนเต็มรถก่อนรถถึงจะออกแต่เท่าที่ไปวันนั้นรถยังไม่ออกนะครับ แม้คนจะเต็มรถแล้ว ที่ถูกต้องผมควรจะบอกว่ารถจะรอจนคนล้นรถก่อนรถถึงจะออก 555แซวเล่นครับ
-11.30 ถึงแม่กลางหลวง เดินเข้าที่พักไม่ไกลมาก ราวๆ 500 เมตร
-12.00 เช็คอิน เข้าที่พัก พักที่โฮมสเตย์บ้านแม่กลางหลวง พี่สมศักดิ์ โทร 081 960 8856 , 08 1760 5181 ราคาหลังละ 500-1200 บาท บ้านที่ผมพักจะมีลำธารสายเล็กๆไหลผ่าน ด้วยครับ อากาศเลยจะเย็นเป็นพิเศษ สบายมากครับ ในละแวกนี้จะมีที่เที่ยว เยอะครับ นาขั้นบันได น้ำตก ร้านกาแฟทั้งสมัยใหม่และเก่า เดินเที่ยวได้ทั้งวันครับ ร้านกาแฟที่นี่บรรยากาศน่านั่งมากครับ ที่สำคัญคือแม้จะ อยู่ในป่าเขาแต่สัญญาณ WIFI แรงมาก
-21.00 เข้านอน
วันที่ 3
-07.00 ตื่นเช้า เดินชมบรรยากาศรอบๆ
-10.00 เช็คเอ้า ออกจากที่พัก เดินทางต่อไปยังป่า ปงเปียง การเดินทางไปป่าปงเปียงจะมี 2 เส้นทางครับ
1. ใช้เส้นทางจากแม่แจ่ม ดังนั้นต้องนั่งสองแถวสายเดิมที่นั่งมา ไปลงแม่แจ่ม แล้วเช่ารถ หรือ เหมารถให้ไปส่งที่ป่าปงเปียง วิธีนี้คนจะนิยมใช้เพราะสภาพถนนใช้ได้ ไม่ทรหดมาก แต่มีข้อเสียคือไกล
2.ใช้เส้นทางลัด คือเข้าทางน้ำตกแม่ปาน บนดอยอินทนนท์ครับ ตามแผนที่วางไว้ผมเลือกใช้เส้นทางที่1 แต่ด้วยความที่รอรถสองแถวนาน ผมเลยลองโบกรถที่ผ่านมากะว่าโชคดีอาจได้ติดรถชาวบ้านไป ซึ่งก็โชคดีอย่างที่คิดครับ มีชาวบ้านจอดรับ แล้วจอดให้ผมลงตรงปากทางเข้าน้ำตก
-11.30 โทรหาเจ้าของห้องพักที่จองไว้ให้มารับ เจ้าของใจดีมารับครับ แต่ให้รอก่อนเพราะรถที่จะใช้มารับไม่อยู่ ผมจึงเดินเล่นไปก่อน สักพักมีรถขับผ่านมาครับ ผมก็เลยโบกๆๆๆ สุดท้ายปรากฏว่า พี่เขาผ่านทางนั้นพอดีครับ 555 สบายเรา
พี่ที่จอดรับผมเขาทำงานร่วมกับแพทย์อาสา พอดีสัปดาห์หน้าจะมีหน่วยแพทย์อาสาลงพื้นที่ พี่เขาเลยต้องมาสำรวจเส้นทางก่อน สัปดาห์หน้าพี่เขาจะได้พาแพทย์มาลงพื้นที่ ง่ออออ เท่มากๆเลยอะ
เส้นทางที่สองนี้ทางไม่ค่อยดีนะครับ รถธรรมดาไม่แนะนำให้มาเด็ดขาด อันตรายมาก โชคดีที่รถที่ผมนั่งมาเป็นรถโฟร์วิล พี่คนขับรถก็คุ้นเคยกับเส้นทางแนวนี้เลยหายห่วงครับ
-12.20 ถึงป่าปงเปียง
-12.30 เช็คอินเข้าที่พัก (พักที่ วีรศักดิ์โฮมสเตย์) ชอบพี่เขามากครับ ประทับใจ อยากให้ไปพักกันเยอะๆ โทร 093 074 2686 เป็นบ้านหลังเดียวแต่ใหญ่มากน่าจะพักได้ประมาณ 6-10 คนเลย ที่พักที่นี่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆถ้าเทียบจากเมื่อก่อน ยังไงถ้าที่นี่เต็มจะไปพักที่อื่นก็ลองถามได้จากพี่ วีรศักดิ์ได้ครับ ตั้งแต่เช้าได้กินแค่ข้าวต้ม เลยหิวมากครับ พี่ที่เป็นเจ้าของที่พักเลยจัดการทำกับข้าวมาให้ ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในรายการค่าที่พักนะครับ แต่คนไทยใจดีครับ พี่เขาทำมาให้เรากินฟรีครับ รักเลย ค่าที่พัก 500 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ (ขอผมพิเศษ 3 มื้อครับ) ผมจ่ายให้พี่เขาเพิ่มเพราะประทับใจในบริการ แต่พี่เขาปฏิเสธไม่รับครับ ได้ใจไปอีกกกกกก
-13.30 ที่นี่อากาศจะเย็นทั้งวันครับ ที่เที่ยวที่นี่มีที่เดียวคือ นาขั้นบันได แต่ถึงจะมีที่เที่ยวแค่ที่เดียว แต่เป็นที่ที่สามารถทำให้เราเที่ยวได้ทั้งวันแน่ครับ เพราะมันกว้างใหญ่มาก มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวๆ สบายตามากครับ คนที่นี่จะปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ปลูกอ้อย ตามพื้นที่ภูเขา มันสวยมาก
-18.30 อาหารค่ำวันนี้เป็นเมนูที่ธรรมดาๆแต่รสชาติมันพิเศษมาก กินง่ายอยู่ง่ายครับ ลองมาดูๆ
-19.00 มืด และเงียบ ที่นี้มีเครื่องปั่นไฟเครื่องเดียวใช้ร่วมกันทั้งหมู่บ้านนะครับ
ดังนั้นแล้วที่นี่ตอนกลางคืนเลยไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ ทุกอย่างจะมืด และเงียบมากๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆครับ สำหรับใครที่เผลอถ่ายรูปไปจนแบตหมดในตอนกลางวัน ความซวยจะมาเยือนท่านในตอนนี้ครับ ดังนั้นวางแผนการใช้ดีๆ ครับ
ถึงจะมืดมาก แต่จะมีแสงสว่างจากแสงเทียง แสงดาวบนฟ้า และแสงดาวบนดิน(แสงจากไฟฟ้าของชาวบ้านด้านล่างของแม่แจ่ม) ให้พอมองกันได้ครับ บรรยากาศดีนะเนี้ย มาคนเดียวรับรองเหงามาก มาสองสุดโรแมนติก
มาเป็นหมู่คณะจะจับกลุ่มคุยกันก็ได้อรรถรสดีครับ
ผมนอนไวครับเพราะใช้แบตหมดไปในช่วงเช้า กลางดึกได้ยินเสียงพื้นบ้านดังเอี๊ยดๆ ในใจตอนนั้น เอาแล้วๆๆๆ ขนนั้นลุกซู่เลย เลยตัดสินใจถือไฟฉายเดินส่องออกมาดู สิ่งที่เห็นคือหมามาคุ้ยเศษอาหารที่ผมกินเหลือไว้ในตอนเย็น ดังนั้นฝากคนที่จะไปด้วยนะครับว่าให้เก็บให้เรียบร้อย ไม่งั้นจะเจอแบบผม 555
วันที่ 4
-07.00 ตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น
-08.00 กินอาหารเช้า
-09.30 เช็คเอ้าออกจากที่พัก
-10.00 เจ้าของที่พักไปส่งผมที่ปากทางเข้าเหมือนตอนมาครับ เพราะผมตั้งใจจะโบกรถเหมือนตอนมา จริงๆจะให้ไปส่งในตัวแม่แจ่มก็ได้นะครับ แต่ถ้าใช้วิธีนี้ผมกลัวจะตกเครื่อง เพราะทางจะไกลกว่า เลยเสี่ยงกลับทางเดิมใช้วิธีเดิม
-11.00 มาถึงปากทางเข้า ผมก็เริ่มโบกรถ ก่อนโบกได้ยินเสียงรถมาแต่ไกล คิดว่ารถคันนี้ต้องเป็นเหยื่อของเรา 555 พอรถขับมาถึงระยะสายตาที่ผมมองเห็นชัด มือไม้ทั้งสองข้างของผมก็ยกขึ้นโบกสะบัดอย่างอัตโนมัติ พี่คนขับรถคันนั้นจอดแล้วถามว่าจะไปไหน
ผมทำหน้าตาใสซื่อ พร้อมกับตอบไปอย่างรวดเร็วว่าจะกลับ กทม. ครับ ขอติดรถไปลงที่จอมทองหน่อยครับ พี่คนขับรถก็เลยบอกว่า อ่อ งั้นเดี่ยวพี่ไปส่งที่ Airport เลย พอดีพี่จะเข้าเมืองเชียงใหม่พอดี โอ๊ยยยย สวรรค์ อะไรจะขนาดนั้น และด้วยความเป็นคนดีของพี่เขาเลยให้ผมนั่งหน้าด้วย แอร์เย็นได้อีก ขอบคุณมากๆครับ
-13.00 ถึงเมืองเชียงใหม่เร็วกว่ากำหนด ผมเลยขอพี่เขาลงที่ Centra กินข้าว เดินซื้อของก่อนกลับ เพราะอีกนานเครื่องจะออก
-14.30 นั่งสองแถวไป Airport
-15.00 ถึง Airport เช็คอินผ่านเว็บเรียบร้อย
-15.50 เครื่องออก
-17.10 ถึงกทม (จบทริป)
ชอบทุ่งนาแบบเขียวๆ แนะนำมาช่วง สิงหาคม-กันยายน, ชอบทุ่งนาสีเหลืองทองแนะนำมาช่วง ตุลาคม ครับ
“นาขั้นบันไดแม่กลางหลวง”
ขอบคุณรีวิวดี ๆ จากคุณ Kittisak Nisaikla Blogger พิเศษของทีมงาน Paapaii.com
ติดตามทุกเรื่องกิน-เที่ยวก่อนใครไปกับพวกเราได้ที่ www.paapaii.com, Facebook Fanpage : facebook.com/Paapaiii
ขอบคุณข้อมูล จาก Paapaii.com
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ