เที่ยวสิงคโปร์ เดิน Garden แบบคนรักธรรมชาติต้องไปให้ถึง

เที่ยวสิงคโปร์ เดิน Garden แบบคนรักธรรมชาติต้องไปให้ถึง

เที่ยวสิงคโปร์ เดิน Garden แบบคนรักธรรมชาติต้องไปให้ถึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวทริปนี้ ได้ลองถามตัวเองว่าถ้าพูดถึงสิงคโปร์จะนึกถึงอะไร ตอบเร็วๆ คือ ถนนออชาร์ด ยูนิเวอเซล บัคกุตเต๋ ข้าวมันไก่… นึกออกเท่านี้แหละ แต่พอได้เดินทางครั้งนี้ทำให้ได้มุมมองหลายๆ อย่างจากเกาะเล็กๆ แห่งนี้ จากที่ไม่ค่อยรู้จักกลายเป็นอยากรู้จักให้ดีมากๆ เลยทีเดียว

ความรู้สึกแรกที่เข้าเมืองสิงคโปร์คือ ทำไมต้นไม้เยอะจัง ไปหาต้นไม้ใหญ่ๆ มาไว้ในเมืองยังไงได้มากขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่าที่นี่เค้าเป็นเกาะ อากาศก็จะชุ่มชื้น มีฝนตกบ่อยๆ จึงมีต้นไม้ใหญ่ในเมืองได้ แต่ที่สำคัญคือเค้ามีและไม่ตัดทำลาย ทำให้มีต้นไม้มากถึง 2,800 ต้น ต่อ ตร.กม. (ข้อมูลไกด์บุคการท่องเที่ยวสิงคโปร์) เยอะใช่มั้ยล่ะ จากความชื่นชมนี้ก็ต่อยอดให้เราตัดสินใจไปหาที่เที่ยวแบบธรรมชาติ

Gardens by the Bay ที่นี่คนส่วนใหญ่รู้จักดีว่ามีต้นไม้ติดไฟและเรือนกระจกขนาดใหญ่ อยู่ในใจกลางเมืองไม่ห่างจาก Merlion มากนัก เมื่อเราไปถึงก็จัดการซื้อตั๋ว ค่าเข้าเรือนกระจกราคา 28 เหรียญสิงคโปร์หรือประมาณ 700 บาท ก่อนไปเข้าเรือนกระจกก็เดินมาดูต้นไม้ใหญ่ ที่เค้าเรียกว่า Supertrees หน่อยสิว่าหน้าตาเป็นยังไง

ด้านหน้าทางเข้าบริเวณที่ซื้อตั๋ว หยุดถ่ายรูปเล่นก่อน ก็มันตื่นเต้น

เดินเข้ามาส่วนสนามหญ้า มีทั้งคู่รัก และครอบครัวพาเด็กๆ มาวิ่งเล่นเต็มไปหมด

ชิลมากกกกก

ปรากฏว่าเป็นโครงเหล็กที่มีต้นไม้นานาพันธุ์ประดับเป็นสวนแนวตั้งขนาดใหญ่จำนวนหลายต้น แน่นอนว่าคงไม่ได้สร้างเพื่อความสวยงามอย่างเดียว ประโยชน์อื่นๆ ของ Supertrees คือไว้เก็บน้ำฝน และผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ด้วย ยังสามารถต่อแถวเพื่อขึ้นไปชมวิวเดินสะพานด้านบนได้ ซึ่งจะเห็นวิวเมืองและอ่าวได้อย่างสวยงาม แต่ช่วงเย็นๆ คนเยอะมากต่อแถวกันยาววนรอบต้นไม้ไปอีก เราเลยอดขึ้นเพราะเค้าปิดแค่ 6 โมงเย็นเท่านั้น คนส่วนใหญ่ก็เดินเล่นในสวน นอนเล่นบนสนามหญ้า ลมพัดเย็นๆ ช่วงประมาณ 2 ทุ่ม (เช็คเวลาอีกทีตอนซื้อตั๋วนะ) ต้นไม้เหล่านี้จะทำการแสดงให้เราดูแบบแสงสีเสียง อะ..เดี๋ยวเราค่อยกลับมาใหม่ เลยพากันเดินไปที่เรือนกระจกยักษ์ก่อน

ที่เห็นตัวเล็กๆ บนสะพานนั่นคือ นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเดินเล่นชมวิวด้านบน

ตอนเข้าไปใน Cloud Forest ก็เริ่มมืดแล้ว เลยได้บรรยากาศสีสันไปอีกแบบ มีน้ำตกสูงรอต้อนรับเราอยู่ด้านหน้า และมีพันธุ์ไม้ต่างๆ อีกเต็มไปหมด เนื่องจากที่นี่จำลองเป็นป่าไม้เราจึงต้องขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุดก่อนเพื่อเดินชมวิวแล้วค่อยๆ เดินลงมาตามทางด้านล่าง วิวด้านบนหวิวๆ นิดหน่อยสำหรับคนกลัวความสูงอย่างเรา แต่พอมองออกไปเห็นอ่าวและแสงไฟในเมืองเท่านั้น ความกลัวก็หายไป กลายเป็นความเพลินเติมเข้ามาแทน

น้ำตกใหญ่รอต้อนรับ แหงนมองขึ้นไปด้านบนทางเดินที่ยื่นออกมานั่นแหละ ส่วนที่เราต้องไปเดินกันในไม่ช้า

มีต้นไม้สายพันธุ์โหดที่กินพวกแมลงเป็นอาหาร ทำจาก Lego

แล้วเราก็ขึ้นลิฟท์มาชั้นบนสุด เพื่อชมวิวและค่อยๆ เดินลาดลงไปด้านล่าง ยิ่งขึ้นมาสูงยิ่งรู้สึกหนาวไม่รู้ทำไม แค่มองก็ขาสั่นแล้ว

เดินทั่วแล้วเราก็กลับไปที่ Supertree กันอีกครั้งเพื่อดูการแสดง

เมื่อถึงเวลาทางสวนจะปิดไฟ เริ่มบรรเลงเพลง และต้นไม้ก็เริ่มมีแสงไฟ เปลี่ยนสีสับเปลี่ยนไปมาตามจังหวะเพลงเหมือนพวกเค้ากำลังเต้นรำให้เราดู แนะนำให้จับจองที่นั่งในที่คิดว่าแหงนหน้ามองแล้วเห็นทุกต้น

เมื่อไฮไลท์จบก็กลับบ้านได้

อีกธรรมชาติหนึ่งที่อยากแนะนำคือ Singapore Botanic Gardens ที่นี่อยู่ห่างออกมาจากใจกลางเมืองเพียงนิดเดียว เป็นสวนสาธารณะที่เปิดให้คนเข้าฟรี แต่ไม่ให้ขี่จักรยาน มีต้นไม้ใหญ่รอบตัวไปหมด ภายในสวนมีจัดแบ่งโซนของต้นไม้ไว้

ประตูทางเข้าที่ออกแบบสวยงาม น่าถ่ายรูป

มีดอกไม้พันธุ์ไม้แปลกตา และมีสวนต้นไม้ทะเลทราย บอนไทรต้นเล็ก สามารถเดินได้ทั่วถึงกันหมด

โซนต้นไม้ทะเลทราย

ต้นกระบองเพชรที่น่าสงสารที่สุดในสวน

พื้นที่ปลูกต้นบอนไทร

และมีเรือนไม้ Bandstand เป็นแลนด์มาร์คคือ เรือนสีขาวหลังเล็กนี้ ที่เมื่อก่อนได้ใช้เป็นที่เล่นดนตรีเมื่อมีการจัดงาน บรรยากาศภายในร่มรื่นมาก คนที่มาส่วนมากไม่ใช่นักท่องเที่ยว เราจึงเห็นคนมาวิ่งออกกำลัง มีคนจีนแต่งชุดจีนๆ มารำไทเก๊ก ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งมีกลุ่มแม่บ้านฝรั่งพาลูกๆ มาพักผ่อนเดินเล่นและออกกำลังกัน บางคนจูงน้องหมามาวิ่งด้วย ดูเป็นการผสมผสานกันได้อย่างมีเสน่ห์

ทางเดินเข้าไปยัง Bandstand 

ทางพี่จีนก็ฝึกรำกันไปพร้อมกับเสียงเพลง

ทางพี่ฝรั่งก็ออกกำลังแบบเรียกเหงื่อ

หลายคนพาน้องหมามาเดินเล่นด้วย

อีกโซนหนึ่งของสวนนี้คือสวนกล้วยไม้ ภายในมีซุ้มดอกกล้วยไม้ และกล้วยไม้นานาพันธุ์ และเราบังเอิญไปอ่านเจอกล้วยไม้ไทยก็ดังไกลไปถึงต่างแดนด้วยนะ

ทางเข้าสวนกล้วยไม้ ที่ทำไว้สำหรับถ่ายรูป อาคารด้านหลังเป็นทางเข้าและร้านขายของที่ระลึก

วงเวียนนาฬิกา 

พันธุ์นี้ชื่อ Vanda Suksamran Sunlight

ออกมาจากสวนกล้วยไม้ จะมีอีกพื้นที่ เรียกว่าโซน Palm Valley ไว้เป็นสถานที่จัดงานประหนึ่งโรงละครขนาดย่อมแบบกลางแจ้ง

มีวันนึงเราได้นั่งรถผ่านถนน New Bridge สังเกตเห็นตึกแปลกตา ปลูกต้นไม้และออกแบบให้มีความเป็นธรรมชาติมากๆ คือนอกจากสวนสวยๆ แล้ว ที่สิงคโปร์ยังมีกลุ่มคนที่ร่วมมือกันรณรงค์ให้สร้างพื้นที่สีเขียวขึ้นในเมือง อย่างตึกนี้ก็เป็นหนึ่งในความร่วมมือนั้น ParkRoyal ที่นี่เป็นโรงแรมชื่อดัง ด้านหน้าโดดเด่นด้วยการทำสวนแบบแนวตั้งและเลียนแบบธรรมชาติเป็นเหมือนชั้นหินเลย เราแค่นั่งรถผ่านยังสะดุดตา พาให้คิดไปว่าอยากให้ตึกอื่นๆ สร้างความธรรมชาติไว้บ้าง ไม่ใช่มีแต่กระจกสะท้อนกัน มันร้อนนนนน

มองไกลๆ เหมือนลังกระดาษมาวางต่อเป็นชั้นๆ

ดูสิตึกนี้แตกต่างจากตึกอื่นๆ ในเมืองมาก

2 ที่สุดท้ายที่ครั้งนี้เราพลาดไม่ได้ไปเนื่องจากเวลาไม่อำนวย แต่หาข้อมูลไว้คราวหน้าจะไม่พลาดแน่นอน

Marina Barrage คืออีกที่นึงในการเดินเล่นชมวิวของอ่าวและ Landmark ต่างๆ ในเมือง ที่นี่คืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่ด้านบนปลูกเป็นสนามหญ้า ให้คนได้มาพักผ่อนชมวิวแนะนำว่าขึ้นไปช่วงพระอาทิตย์ตกจะได้เห็นวิวของอ่าวและมองเข้าไปในเมืองสวยมาก และภายในยังมีแกลลอรี่ที่จัดแสดงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ ที่นี่เข้าฟรี ถ้าใครอยากหากิจกรรมออกกำลังหน่อยก็มีเรือคายัคให้พาย และมีล่องเรือไปในอ่างเก็บน้ำอีกด้วย เดินทางมาก็ไม่ยากเพราะอยู่ไม่ไกลจาก Gardens by The Bay จะมาด้วยแท็กซี่ หรือรถเมล์ก็ได้

รูป Marina Barrage จาก http://www.yoursingapore.com/

รูป Marina Barrage จาก http://www.yoursingapore.com/

ที่สุดท้ายสุดแสนจะชมธรรมชาติ เพราะเป็นเส้นทางชมป่าและธรรมชาติ The Southern Ridges เริ่มต้นที่สะพานทางเดินยาวเชื่อมจากเขาไปสู่เขา Henderson Wave Bridge เป็นสะพานที่โดดเด่นด้วยงานสถาปัตมองดูเหมือนคลื่น และมีความสูงถึง 36 เมตร เป็นทางเดินข้ามผ่านต้นไม้ใหญ่น้อย ยาวถึง 274 เมตร ก็ยาวประมาณที่ได้พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติ

รูป Henderson Wave Bridge จาก http://www.yoursingapore.com/

รูป Henderson Wave Bridge จาก http://www.yoursingapore.com/

แต่พอหมดเส้นทางก็จะเจอกับทางเดินเท้าสู่ธรรมชาติที่เห็นทั้งวิวป่าและวิวเมือง ยาวนับ 10 กม. ที่คนเมืองสามารถมาเดินเล่นหรือวิ่งออกกำลังได้ โดยเส้นทางนี้เชื่อมกับเขา Mount Faber Park, Telok Blangah Hill Park, HortPark ที่นี่เป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่เป็นทั้งแหล่งธรรมชาติ เด็กๆ มาทัศนศึกษาได้ และยังมีตลาดต้นไม้และอาหาร ดูเหมาะกับครอบครัวที่จะมาพักผ่อน

รูป Hortpark จาก https://www.nparks.gov.sg

ต่อมาถึง Kent Ridge Park และจบด้วยแหล่งดูนกตามธรรมชาติของสิงคโปร์ที่ Labrador Nature Reserve

สรุปแล้วนอกจากสิงคโปร์จะเป็นเมืองแสงสี ช้อปปิ้งแบรนด์เนมแล้ว หลังจากทริปนี้เราคงจะจำเมืองนี้ไปในอีกแบบ ในแบบที่ถ้าได้มาอีกต้องเผื่อเวลาให้กับการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติมากกว่าเดิมแล้วล่ะ

พบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook