เที่ยวเมือง "ระนอง" ดินแดนฝนแปด..แดดสี่ เมืองเล็กๆ แต่เสน่ห์เหลือล้น
![เที่ยวเมือง "ระนอง" ดินแดนฝนแปด..แดดสี่ เมืองเล็กๆ แต่เสน่ห์เหลือล้น](http://s.isanook.com/tr/0/ud/279/1399009/city.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
Story & Photo : Nichrawee A
ขณะที่เครื่องบินกำลังจะแลนด์ดิ้งลงสนามบิน จ.ระนอง ภาพเบื้องล่างที่เห็นทำให้เราแทบจะตกหลุมรักเมืองระนองทันที เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ ภูเขา และร่องน้ำคดเคี้ยวเต็มไปหมด... นึกในใจคงไม่ได้มีดีแค่ทะเลแล้วสินะ ต้องมีความสุขมากแน่ๆ
จังหวัดระนอง ขึ้นชื่อว่าเป็นเมือง "ฝนแปด แดดสี่" เราสามารถพบความเขียวขจีของต้นไม้กันได้แทบตลอดทั้งปี รวมถึงบ้านเมืองมีความเงียบสงบ ไม่มีแสงสีอะไรมากวนใจเลย แอบคิดว่า อย่าเจริญไปกว่านี้นะ ขอหยุดไว้เท่านี้แหละ แค่นี้ก็มีเสน่ห์มากพอแล้ว
สำหรับใครที่กำลังคิดว่าถ้าไม่ไปเที่ยวทะเล เราจะสามารถไปที่ไหนได้บ้างในเมืองระนองแห่งนี้ ขอบอกว่ามีเต็มไปหมด ความเรียบง่ายนั่นแหละคือแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่ดีที่สุด แค่คว้าจักรยานคันโปรดไปปั่นเที่ยวรอบเมืองก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว เพราะรถลาไม่ค่อยมี ถนนโล่งมาก เป็นเมืองหนึ่งที่คนชอบวิถีสโลว์ไลฟ์ต้องหลงรักแน่นอน
ทริปนี้วางแผนไว้ว่าจะไปไหว้พระที่ "วัดหงาว" กันก่อน เพราะมีไฮไลท์อยู่ที่่โบสถ์ลอยฟ้า และมีพระประธานที่สร้างจากแร่ดีบุกทั้งองค์ ให้สมกับเป็นเมืองแห่งการทำเหมืองแร่ในอดีต
ใครพอมีแรงมากหน่อย ก็ลองขึ้นบันไดไปชมวิวบนเขา ก็จะได้เห็นทะเลอันดามันเล็กๆ อยู่แถวปลายฟ้า แล้วก็ไปเคาะระฆังเอาฤกษ์ เอาชัยสักหน่อย ใครไม่แข็งแรงจะรออยู่ด้านล่างก็ได้ค่ะ เพราะต้องออกแรงเยอะพอสมควร เรียกว่าได้ 1 เหนื่อยใหญ่แต่ก็ผ่านมาได้
ก่อนเข้าเมือง เราแวะไปยังพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) พระราชวังรัตนรังสรรค์ ถูกสร้างโดยพระยารัตนเศรษฐี (คอมซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองในขณะนั้น สร้างโดยไม้แก่นทั้งหลังบนเนินควนกลางเมือง
หลังจากนั้น ก็พากันไปแช่น้ำแร่ นวดตัว นวดเท้า เพื่อความผ่อนคลายสักหน่อย นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการกันอย่างไม่ขาดสายค่ะ เพราะให้บริการค่อนข้างครบวงจร
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือการไปเดินเที่ยวตลาดพม่า ในตลาดก็จะขายของสด ขายของทั่วๆ ไป ซึ่งเราก็จะเห็นชาวพม่าออกมาจับจ่ายใช้สอยบ้าง พี่น้องที่นี่มีอัธยาศัยค่อนข้างดี ยิ้ม แย้มแจ่มใส
![](http://s.isanook.com/tr/0/ud/279/1399009/market10.jpg)
![](http://s.isanook.com/tr/0/ud/279/1399009/market2.jpg)
สินค้าส่วนใหญ่ในตลาดแห่งนี้ ก็จะเป็นพวกสินค้าในแถบพม่า เช่น ทานาคา ชาพม่า ของแห้ง เป็นต้น
หลังจากเดินเที่ยวตลาดเสร็จ ก็พากันไปที่ระนองแคนย่อน ไปให้อาหารปลากัน ก็จะมีเด็กๆตัวเล็ก ตัวน้อย พูดจาสุภาพ เข้ามาขายอาหารปลาในราคา 3 ถุง 20 บาท ก็ช่วยเหลือกันไป น้ำใสจนเห็นตัวปลาเลยค่ะ บรรยากาศเรียกว่าดีเลย คนไม่เยอะ
มาถึงระนองแล้ว..ถ้าไม่ไปทานติ่มซำที่ "ร้านระนองโอชา" ก็เหมือนมาไม่ถึง เป็นร้านอาหารเช้าท้องถิ่นชื่อดังของที่นี่
เวลาจะทานก็ไปเลือกติ่มซำใส่ถาดแล้วเอาไปให้พนักงานในร้านนึ่งให้ ราคาจานละ 20 ทุกจาน
ติ่มซำมีค่อนข้างหลากหลายค่ะ ทั้งขนมจีบ ฮะเก๋า นู่น นี่ นั่น เยอะแยะเต็มไปหมด บางอย่างก็ไม่เคยเห็น เวลาทานก็จะทานเคียงกับกระเทียม ผักสด น้ำจิ้มที่เป็นซอสเปรี้ยวหรือจิ๊กโฉว่ หรือบางคนจะทานกับซอสพริกก็ได้ค่ะ
ใครชอบบั๊กกุ๊ดเต๋ ก็มีค่ะ ใครชอบเครื่องยาจีน หรือซดน้ำซุปร้อนๆ น่าจะชอบใจไม่ใช่น้อย
มาใต้ทั้งที ต้องดื่มชาเย็นเท่านั้น... เพราะรสชาติเข้มข้ม คงหาทานไม่ได้ง่ายในเมืองกรุงเลยจัดไป 1 แก้วใหญ่แบบไม่แบ่งใคร
หวังว่าคอนเท้นท์นี้..จะช่วยให้ทุกคนได้รู้จักระนองกันมากขึ้น..และแวะมาเยี่ยนเยียนกันบ่อยๆ ถือว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ น่ารักจนไม่อยากเก็บแพคกระเป๋ากลับบ้านกันเลยค่ะ สุดท้ายหลังจากเที่ยวอย่างมีความสุขกันแล้ว ก็ต้องช่วยกันดูแลรักษาสภาพแวดล้อมให้เป็นเหมือนเดิมกันด้วยนะจ๊ะ..
สนับสนุนการเดินทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
อัลบั้มภาพ 54 ภาพ