ทำความรู้จัก ‘โบว์ลิ่ง ชลทิพย์’ นักชิมอาหาร จนคว้ารางวัลระดับโลก

ชาว Sanook! ที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ ล้วนแต่ต้องเคยติดตามชีวิตการกินอันน่าอิจฉาของบล็อคเกอร์ ‘คุณโบว์’ ชลทิพย์ ระยามาศ หรือเจ้าของ Instagram @eatandshout ที่ล่าสุด ได้ไปคว้ารางวัล Influence Asia 2015 : Asia’ Largest Social Media Award ถึงบนเวทีระดับโลกมาแล้ว! แถมยังเป็นหนึ่งในนักชิมของแอพลิเคชั่นอาหาร iPick อีกด้วย เราตามมาทำความรู้จัก ‘คุณโบว์’ บล็อคเกอร์สุดเท่ให้มากขึ้นกันที่บทสัมภาษณ์ด้านล่างนี้กันได้เลย!

คุณโบว์มีผลงานอะไรบ้าง

@eatandshout อินสตาแกรมเกี่ยวกับอาหารที่เราทำมาตั้งแต่ปี 2012 ทำมาเรื่อย ๆ ทานเอง ถ่ายเอง ทำคนเดียวมาตลอด

 

มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ

โบว์เป็นคนชอบทาน ชอบถ่ายรูป ตอนแรกสุดเราใช้ Facebook ของตัวเองก่อน ก็จะมีเพื่อนบางคนบ่นว่าทำไมโพสต์แต่ขนมและอาหาร เราเลยเปิดเพจเพื่อไว้ลงอาหารโดยเฉพาะ

ทำไมต้องชื่อ Eat & Shout?

เราคิดว่าคำว่า Shout มันต่อได้หลายอย่าง ตอนนี้โบว์ก็มีเพจท่องเที่ยว เป็น @outandshout_th อาจจะไม่เที่ยวซะทีเดียว บางทีก็มีพวกร้านบรรยากาศดี ๆ ร้านน่านั่งทำงาน นั่งเล่นชิลล์ ๆ โบว์มองว่าพวกนี้มันก็มี Demanding ส่วนหนึ่งเหมือนกัน

 

เราต่างจากบล็อกเกอร์คนอื่นยังไง?

อย่างแรกคือ เราไม่รับ Repost รูปใคร สองคือเราไม่รับลงภาพโฆษณาใด ๆ ทุกภาพบน Instagram มาจากโบว์คนเดียวเท่านั้น นั่นคือจุดขายของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะไปทุกร้านที่มีคนเชิญ ร้านที่เราไปต้องตรงกับไลฟ์สไตล์เรา แล้วที่สำคัญ ร้านไหนมาบังคับเนื้อหาที่เราเขียน เราก็จะไม่ไป เพราะฉะนั้นเราก็จะต่างจากคนอื่น เราไม่สามารถบอกว่าอะไรอร่อยถ้าเราไม่คิดอย่างนั้น เราไม่คิดว่าลิ้นเราดีกว่าคนอื่นนะ แต่โบว์คิดว่าความชอบของเราไม่เหมือนกัน

 

ปกติเราเลือกร้านอาหารที่จะไปทานอย่างไร?

เนื่องจากโบว์ทำธุรกิจที่บ้านวันจันทร์-เสาร์ แล้วออฟฟิศอยู่ศาลายา เพราะฉะนั้นการเลือกร้านอาหารของโบว์ก็จะเป็นพวกร้านที่เปิดตอนกลางคืน ในเพจของโบว์เลยจะไม่ค่อยมีพวกร้านกาแฟ ร้านขนมมุ้งมิ้งเท่าไหร่

ทุกรูปของร้านที่ไปทาน คุณโบว์แชร์ทุกร้านหรือไม่?

ลงทุกรูปค่ะ ฝีมือคุณแม่โบว์ก็ลงเหมือนกัน อีกอย่างคือหลังจากที่โบว์ทำมาถึงระยะหนึ่ง โบว์ได้เป็นกรรมการรายการเชฟกระทะเหล็ก ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มประสบการณ์ทางด้าน Judgement ในการพูดตามหลักการมากขึ้น

 

งาน Influence Asia ที่คุณโบว์ได้รับรางวัลมาเป็นอย่างไรบ้าง?

รางวัล Influence Asia แบ่งเป็นหลายด้าน ทั้ง Food / Health / Beauty / Lifestyle / Breakout / YouTube และอีกหลายอย่าง จาก 5 ประเทศในเอเชีย คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งโบว์ผู้ชนะจากไทยในหมวดอาหาร 

กระบวนการตัดสินของ Influence Asia คืออะไร?

ทางกรรมการจะคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันมาแต่ละด้าน ด้านละ 15 คน ดูจาก content. และเทียบด้วย Interaction ของผู้ติดตามเรา เช่น จำนวน Followers จำนวนไลค์ คอมเม้นต์ต่าง ๆ แล้วก็จะมีกรรมการอีก 10 คนจากเอเจนซี่ต่าง ๆ อย่าง Leo Burnett, Central, Minor หรือ Karat มาเลือก ทีมงานจะเลือก 4 คนจาก 15 คน เพื่อให้มาร่วมงานที่สิงคโปร์

 

ความรู้สึกหลังได้รับรางวัลเป็นอย่างไร

ตื่นเต้นและช็อคสุด ๆ จริง ๆ แล้วเราเตรียมคำพูดไปว่าถ้าเราได้รางวัล ขึ้นเวทีแล้วเราจะพูดอะไรบ้างท่ามกลางคน 3,000 คน แต่สุดท้ายเราก็ลืมไปหมดเลย มันเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมากสำหรับเรา

 

สำหรับคุณโบว์ Foodie คืออะไร?

Foodie คือคนที่ชอบทาน ชอบลิ้มรสสัมผัส คือคนที่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดได้ ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเก่ง อย่างโบว์ก็ทำไม่เก่ง เช่น โบว์แค่รู้ว่าสเต็กจานนี้ผ่านกระบวนอะไรมา อย่างโบว์เก็บเกี่ยวจากการที่โบว์กินเยอะ โบว์มี 3,000 รูป เราก็เรียนรู้จากตรงนั้น ต้องขอบคุณครอบครัวโบว์ที่ชอบกิน ทำให้เราอาจจะมีเซ้นส์มาก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเก่งนะ

คิดอย่างไรกับวงการอาหารของกรุงเทพฯ?

โบว์คิดว่าคนไทยชอบอะไรที่มีกิมมิค อย่างเช่น ร้านสวย ขนมเด่น อย่างร้านประเภท Toast ที่มีลาวาไหลออกมา ก็สามารถดึงคนได้ เพราะคนชอบทำอาหารให้สวยเพื่อถ่ายรูป แต่บางร้านก็ไม่คำนึงว่าสวยแล้วรสชาติอร่อยหรือเปล่า ร้านที่ถ่ายรูปสวยอาจจะได้คนในช่วงแรก แต่พอปากต่อปากไปแล้ว ก็อยู่ได้ไม่นาน ร้านอาหารในเมืองไทยจึงอยู่ยาก ต้องทั้งสวยและอร่อย เดี๋ยวนี้คนไทยมีความรู้มากขึ้น เลือกกินมากขึ้น เราเห็นได้จากเวลาที่โบว์ลงอาหารแล้วคนดูเข้าใจเรามากขึ้น เค้าทราบว่ารสชาติที่เราพูดถึงคืออะไร

 

บล็อกเกอร์อาหารที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือใคร?

โบว์ก็ Follow ไว้หลายคน ส่วนตัวแล้วโบว์ชอบ @Itan และ @ppgallery เพราะแนวคล้าย ๆ โบว์ หนึ่งคือเค้าไม่รีโพสต์รูปใคร เค้าก็มีต้นทุนชีวิตในการกินเหมือนโบว์ อย่าง @ppgallery นี่รสนิยมเราจะคล้ายกันมาก

 

มีเคล็ดลับหรือคำแนะนำในการทำงานอะไรบ้างจึงมาถึงจุดนี้

ไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย โบว์คิดว่าใครก็เป็นได้ ใครก็ทำได้ แค่ว่าอย่าเล่นกับอาหาร เพียงเพื่อพยายามเรียกไลค์ สองคือเราต้องตั้งใจทำ สามคือโบว์ว่ามันขึ้นอยู่กับความจริงใจของแต่ละคน อย่างตัวโบว์เอง บางครั้งโบว์รู้ว่าจานนี้ลงไปคนไม่ไลค์หรอก อย่างเช่นพวกร้านมิชลินสตาร์ ฟิวชั่นจ๋า ดอกไม้เต็มไปหมด อาจจะจินตนาการสชาติไม่ออก แต่โบว์อยากจะบอกว่าจานนี้มันอร่อยนะ โบว์ก็จะลง เราไม่ได้ลงเพื่อแคร์ว่าจะมีคนมากดไลค์เยอะหรือเปล่า

นอกจาก Eat and Shout และ Out and Shout จะมีโปรเจ็คอะไรเพิ่มเติมมาอีกมั้ย?

โบว์กำลังจะทำเว็บไซต์ของ Eat and Shout เพราะ IG และ Facebook มันไม่ตอบโจทย์ เวลาโบว์ไปทานอะไรที พอจะย้อนกลับไปดูมันต้องหานานมาก เราเลยอยากจะทำเว็บเพื่อให้มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งเราและคนที่มาติดตามเราได้มากขึ้น

ติดตามบทความรีวิวความอร่อยของ ‘คุณโบว์’ กันได้ ที่นี่