ดอยหลวง จ.ตาก ความสุขบนดอยโหด
ในช่วงสมัยที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานใหม่ๆ หรือประมาณ 20 ปีผ่านมา เจ้านายคนหนึ่งสอนผมว่า “เป็นพนักงานที่ดีควรมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อจะทำงานได้ทุกอย่าง” ผมจดจำคำพูดนั้นอย่างฝังใจ และมุ่งปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยต้องการที่อยากจะมีอนาคตอันสดใสในหน้าที่การงาน...แต่ในความเป็นจริงของสังคมปัจจุบันนี้..มันใช่แล้วหรือ? ลองถามตัวเองดู
และระหว่าง 20 ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน นอกจากทุกวันจะมุ่งมั่นทำงานและสั่งสมความรู้ให้ตนเองทำงานได้เกือบทุกอย่างแล้ว ในช่วงวันว่างหรือวันหยุดพักผ่อนของผม การได้พาร่างกายหลีกหนีไปให้ไกลจากเมืองหลวงนั้นคืออีกสิ่งหนึ่งที่มุ่งปฏิบัติเรื่อยมา เพื่อหาประสบการณ์อันน่าสุขใจ
ตามประสาคนรอบคอบที่ควรจะมีความพร้อมในทุกด้าน การจะไปไหนแต่ละทริปต้องจัดเตรียมโน่นนี่นั่นไปให้พร้อมสรรพ ประมาณว่ามีทุกอย่างครบไม่มีคำว่าขาด โดยเฉพาะในทริปเดินป่า มีด ไฟฉาย ไฟแช็ค อาหารแห้ง อาหารสด พริก น้ำปลา น้ำตาล แก้ว จาน ถ้วย รองเท้าสำรอง ยากันยุง กันทาก ยารักษาโรค เต้นท์ ถุงนอน หมอนลม เสื้อกันหนาว หมวก ร่ม กันร้อนกันฝน โน๊ตบุ๊ค มือถือ กล้อง และอีกมากมายก่ายกอง ไม่รู้ว่าแบกขึ้นหลังไปได้อย่างไรหมด ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังมีการโฆษณาเป็นที่รู้จัก แต่ทว่าคุณภาพการใช้งานจริงไม่ต่างจากสินค้าร้าน 20 บาท
ปัจจุบันอายุและประสบการณ์เริ่มมาก ทำให้รู้ว่าในสมัยก่อนที่เราแบกไปเยอะนั้น เป็นเพราะเราเป็นคนขี้กลัวมากเกินไป กลัวที่จะหิว กลัวที่จะพลาด กลัวที่จะขาด กลัวที่จะอาย กลัวที่จะตกเทรนด์ เลยต้องหาสิ่งของนอกกายมาปกปิดความกลัวไว้ หรือไม่ก็เพื่อมีไว้เพื่อเพิ่มความมั่นใจไม่ให้กลัว...คุณเชื่อไหมทุกวันนี้ ผมแทบจะเดินเข้าป่าไปพร้อมกับกล้อง Compact เล็กๆ 1 ตัว กับเปล 1 อัน เท่านั้นเอง...นอกนั้นไปหาเอาดาบหน้า สนุกกว่ากันเยอะครับ อย่างเช่นทริปนี้ “ดอยหลวง ขุนเขาใหญ่ใกล้เมืองตาก”
ในทริปนี้ผมเริ่มต้นการเดินทางไปกับกลุ่ม “อาสาเที่ยว” ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มีความรักในธรรมชาติและการเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กับการสร้างกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เช่น การปลูกป่า การบริจาคสิ่งของให้กับเด็กๆ ในถิ่นทุรกันดาร นับเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดดีน่ายกย่องสรรเสริญ
เช้าตรู่ในที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งกระเชาะ อ.บ้านตาก จ.ตาก ผมและน้องๆ กลุ่มอาสาเที่ยว กำลังจัดเตรียมสัมภาระเท่าที่จำเป็นใส่เป้ขึ้นหลัง เตรียมพร้อมเดินเท้าด้วยระยะทางไกลถึง 11 กม. ขึ้นภูเขาสู่ยอดดอยหลวงสถานที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัยแห่งใหม่ของ จ.ตาก ที่นักเดินป่ากล่าวขวัญกันว่าเป็นเส้นทางที่โหดต้องใช้พลังกายกำลังใจค่อนข้างมากจึงจะเดินขึ้นไปถึง สำหรับผมแล้วถึงแม้จะเคยเดินป่ามาก็มาก แต่ทุกวันนี้แทบจะไม่ค่อยได้เดินเลย จึงรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อย
การเดินทางขึ้นสู่ยอดดอยหลวง จ.ตาก แห่งนี้นั้น ผู้เดินทางจะต้องทำการติดต่อไปยังวนอุทยานน้ำตกห้วยแม่ไข ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08 4817 8549 , 08 7572 2950 เพื่อทำการขออนุญาตเข้าไปเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติบนยอดดอยหลวง และเพื่อทางวนอุทยานฯ จะได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่นำทางดูแลความปลอดภัย และลูกหาบไว้คอยบริการ อีกทั้งเพื่อเป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้มีจำนวนมากจนเกินการดูแลของเจ้าหน้าที่ พื้นที่การพักแรมด้านบนยอดดอยนั้นค่อนข้างจำกัด จึงต้องมีระบบการจองล่วงหน้าเพื่อการเตรียมการดังกล่าว
จากองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งกระเชาะ คณะของเราออกเดินทางต่อโดยรถอีแต๋นไปยังจุดเริ่มเดินเท้า ด้วยระยะทางบนรถ 3 กม. ทำให้มิตรภาพใหม่เริ่มคุ้นเคยกันท่ามกลางเสียงแผดก้องกังวานของเครื่องยนต์เอนกประสงค์ และภาพบรรยากาศของหมู่บ้านทุ่งกระเชาะอันเงียบสงบทว่ามีความอบอุ่นน่าอภิรมย์
ภายในเวลาที่เราพอจะรู้จักชื่อเพื่อนร่วมทาง 2-3 คน ก็ได้มาถึงจุดเริ่มเดินเท้า ต่อจากนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เหมือนดังในเมือง เพราะที่นี่คือป่ามีแต่ต้นไม้ ใบไม้ กวากหนาม ก้อนหิน พื้นดิน มด ลำธาร ท้องฟ้าที่มืดครึ้มสลับสว่าง ก้อนเมฆขาวเทา เสียงนกร้อง และผีเสื้อตัวใหญ่ปีกสวย
ผมเดินตามเจ้าหน้าที่นำทางต่อไป ความรู้และประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมานับสิบปี ช่วยให้การเดินเท้าเป็นไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่ลื่นล้มบ่อย แต่ประสบการณ์เรื่องราวความรู้ของพืชพรรณในป่า เรื่องราวเก่าๆ ที่ได้สั่งสมมานั้นเป็นเพียงปฐมบทเท่านั้นเอง เพราะป่าแต่ละป่านั้นต่างไม่เหมือนกัน และเจ้าหน้าที่นำทางแต่ละคนก็ล้วนมีความรู้ความถนัดแตกต่างกันไป
เกือบ 2 ชม. แรก เราเดินกันมาได้เป็นระยะทางเกือบ 4 กม. หนทางขึ้นสู่ยอดดอยหลวงแห่งนี้นั้น จะหนักในช่วงแรก และช่วงสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงที่ภูเขามีความลาดเอียงและป่ารก แถมเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของทากดูดเลือดอีกด้วย เพราะในบริเวณนั้นเป็นป่ากล้วยมีความชื้นสูงกว่าบริเวณอื่น ส่วนช่วงกลางนั้นเป็นทางกึ่งราบป่าโปร่ง พอเดินได้สะดวกโดยไม่เหนื่อยมากนัก
เราแวะพักรับประทานอาหารเที่ยงกันกลางทางในบริเวณที่เป็นลานโล่ง ข้าวเหนียวหมูทอดที่ได้ซื้อมาจากในตัวเมืองตากช่วยประทังความหิว แต่แล้วมื้อนี้ก็มีน้องสาวคนหนึ่งที่เผลอลืมห่อข้าวเหนียวติดไปกับลูกหาบ ซึ่งได้เดินนำหน้าเจ้าหล่อนไป..ผมเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เลยหยิบห่อข้าวเหนียวของผมส่งให้เธอ..เธอเกรงใจไม่อยากรับ..แต่ผมบอกว่าผมไม่หิว เธอจึงรับไปพร้อมกับคำกล่าวขอบคุณ...
เป้หลังของผมเบาลงเพราะห่อข้าวเหนียวหายไป น้องสาวคนนั้นได้อิ่มท้องพร้อมมีแรงเดินต่อ ผมมีความสุขที่ได้เห็นเธอกินอิ่ม...นี่คือ ความสุขท่ามกลางความไม่มีของผม
เราเดินกันต่อไป จุดหมายในช่วงบ่ายอยู่ที่ลานสน และหน้าผาชมวิวทะเลภูเขา หลายคนออกอาการเหนื่อยมากจึงทำให้การเดินช้าลง ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วยที่เมื่อคืนอดนอนมาทั้งคืนเพราะต้องเป็นสารถี ซ้ำยังต้องมาเดินต่ออีกหลาย กม. ถือเป็นเรื่องที่หนักเอาการสำหรับคนอายุเกือบ 44 ปี ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย
ทุกครั้งที่เดินป่าผมมักจะเตรียมน้ำใส่เป้ไว้อย่างเพียงพอไม่มากไม่น้อยจนเกินไป และต้องศึกษาเส้นทางมาก่อนว่าระหว่างทางหรือจุดตั้งแค้มป์มีแหล่งน้ำหรือไม่ ภาวะการขาดน้ำระหว่างการเดินเท้าถือเป็นเรื่องอันตราย น้ำและเกลือแร่ชนิดผงควรมีติดตัวไว้เสมอ
คณะเดินทางของเราตะเกียกตะกายมาจนถึงจุดชมวิวทะเลภูเขา กิจกรรมอาสาเที่ยวจึงได้เริ่มขึ้น นายโอ๊คหัวหน้าคณะจัดแจงแบ่งหนังสติ๊กให้คนละอันพร้อมลูกกระสุนคือเมล็ดพันธุ์ไม้มะค่า ลูกกระสุนพันธุ์ไม้ถูกยิงออกไป อีกไม่นานหากโชคดีลมฟ้าอากาศเป็นใจ เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็จะกลายเป็นกล้าไม้และต้นไม้ใหญ่ยืนต้น ต่อลมหายใจให้กับชาวไทยให้มีอากาศบริสุทธิ์มีน้ำไว้ใช้ต่อไป
ผมถ่ายภาพกิจกรรมดีๆ ต่อสังคมเรียบร้อยแล้วจึงได้ออกเดินต่อไป ยอดดอยหลวงยังคงรอคอยผมอยู่เบื้องหน้า เมฆหมอกหนาวเคลื่อนเข้ามาบดบังบ่งบอกว่าบริเวณนั้นอากาศเย็น แน่นอนครับวันนี้คืนนี้ผมและทุกคนคงไม่ได้อาบน้ำ เพราะบนยอดดอยหลวงที่สูง 1,175 เมตร จากระดับน้ำทะเลแห่งนี้ไม่มีแหล่งน้ำพอที่จะให้ใครได้อาบได้ ลำพังแค่รองไว้ดื่มกินและประกอบอาหารค่ำก็มีน้อยเต็มทน แม้ว่าเหงื่อจะเต็มกายแต่เมื่อได้ไปยืนรับสายลมเย็นชมทิวทัศน์สวยๆ บนยอดดอย ก็ทำให้จิตใจเราชื่นบานมีความสุขจนลืมเรื่องการอาบน้ำไปอย่างสิ้นเชิง
ที่บริเวณตั้งแคมป์อาหารมื้อค่ำถูกปรุงจากความเรียบง่ายตามประสาคนเดินป่า เมนูผัดกระเพราที่ไม่มีใบกระเพรา เพราะลืมไว้ในรถ ถ้วยชามส่วนตัวที่ทุกคนเตรียมนำมาแต่ผมไม่ได้นำมา จึงได้ฝ่าขวดน้ำมาเป็นจานข้าวแทน เสื้อผ้าชุดนอนที่หลายคนเปลี่ยนนอนแต่ผมก็ไม่มีจะเปลี่ยน ไฟล์ชีตกันฝนที่ผมก็ไม่ได้เตรียมมาจึงได้ไปอาศัยชายขอบหลังคาเพื่อนบ้านแทน...นี่คือความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านของผม แต่ผมก็ร่วมกิจกรรมได้ทุกอย่าง และมีชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางความสุขบนยอดดอยหลวงขุนเขาสุดโหดแห่งเมืองตาก
บนเปลสนามก่อนผมจะเคลิ้มหลับไป ผมบอกกับตัวเองว่า “คนเราไม่จำเป็นที่จะต้องมีพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่สามารถทำทุกอย่างให้มันผ่านไปได้ด้วยดีมีความสุข” ก็น่าจะเพียงพอแล้วกระมัง