4 ร้านซูชิชั้นเลิศที่มีเคล็ดลับลดราคาสุดคุ้มในกินซ่า

ซูชิ เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นชื่อดังระดับโลก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายคนน่าจะมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อลิ้มลองซูชิของแท้ต้นตำรับญี่ปุ่นกันใช่มั้ยเอ่ย?

ย่าน กินซ่า ในโตเกียวแห่งนี้เป็นแหล่งรวมร้านซูชิขึ้นชื่อมากมายเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นร้านหรูราคาแพงทั้งนั้น เพียงแค่ทานมื้อกลางวันเพียงมื้อเดียวก็ต้องใช้เงินหลายหมื่นเยน / คนแล้ว

แต่อุตส่าห์มาถึงถิ่นร้านซูชิชึ้นชื่อกันแล้ว ถ้าไม่ได้ลิ้มลองซูชิเพราะงบไม่พอมันก็น่าเสียดาย ดังนั้น ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเพลิดเพลินกับร้านซูชิชั้นเลิศในงบประมาณที่จำกัดกันค่ะ ^^

วิธีที่ว่านี้ใช้ได้กับร้านซูชิชั้นเลิศที่เสิร์ฟ มื้อกลางวัน ในราคาไม่แพง เราจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ลิ้มลอง เอโดะมาเอะซูชิ (※1) เฉพาะของร้านซูชิในกินซ่าได้อย่างไม่ยากเย็น

※1……เอโดะมาเอะซูชิ : ซูชิที่ทำมาจากอาหารทะเลตามฤดูกาลจากอ่าวโตเกียวโดยใช้วิธีการปรุงแบบดั้งเดิม เนื่องจากในสมัยที่เพิ่งเกิดเมนูเอโดะมาเอะซูชิขึ้นมาเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนเป็นเรื่องยากมากที่จะเสิร์ฟอาหารทะเลในสภาพสดใหม่ จึงเป็นต้นกำเนิดวิธีการทำซูชิแบบดั้งเดิมของเหล่าเชฟปั้นซูชิ เช่น การแช่ปลา Blue-backed fish ในน้ำส้มสายชูเพื่อดับกลิ่นคาวและการแช่ปลามากุโระในซอสโชยุ เป็นต้น

1. Ginza-rin (กินซ่าริน)

「 Ginza-rin (กินซ่าริน)」ตั้งอยู่ห่างจาก Tokyo Metro「Ginza Station」ทางออก A13 ประมาณเดินเท้าเพียง 3 นาทีเท่านั้น เราสามารถดื่มด่ำกับซูชิและอาหารญี่ปุ่นภายในพื้นที่สุดชิลล์บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแห่งนี้ได้ ซูชิมื้อค่ำมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000 เยน ส่วน มื้อกลางวัน มีราคาประมาณ 2,600 เยน～ เท่านั้น เซ็ตซูชิ 8 ชิ้น ข้าวห่อสาหร่าย และจาวังมูชิบอกเลยว่าคุ้มสุดๆ

“จาวังมูชิ” เป็นเมนูที่ทำโดยการใส่วัตถุดิบ เช่น แปะก๊วย ลงในส่วนผสมระหว่างไข่กับซุปดาชิและนำไปตุ๋น หรือเรียกตามภาษาบ้านเราว่า “ไข่ตุ๋น” นั่นเอง โดยนับเป็นเมนูชั้นเลิศที่ได้รับเสียงชื่นชมจากลูกค้ามากมายเรื่องความอร่อยและคุณภาพดีของซุปดาชิ

2. Sushi Aoki (ซูชิอาโอกิ)

สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ปลาหมึกยักษ์เป็นหนึ่งในวัตถุดิบทำซูชิที่เหนียวและทานยาก แต่ที่ร้าน「อาโอกิ」แห่งนี้โด่งดังในเรื่องการต้มปลาหมึกให้นุ่มลิ้นทานง่ายอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนี้ โทโร่ (※2) ซึ่งมีวิธีการปรุงลับสูตรพิเศษก็มีรสชาติอร่อยสุดๆเลยล่ะค่ะ

ซูชิของร้านอาโอกิ มื้อค่ำจะมีราคาสูงกว่า 15,000 เยนเป็นต้นไป แต่สำหรับมื้อกลางวันจะมีราคาเพียง 3,000 เยนขึ้นไปเท่านั้นเอง

※2……โทโร่ : คำศัพท์เฉพาะของเมนูซูชิที่ใช้เรียกส่วนของปลามากุโระ โดยมีไขมันสูงกว่าเนื้อไม่ติดมัน เรียงลำดับความสูงของไขมันได้ดังนี้ โอโทโร่＞ชูโทโร่＞เนื้อไม่ติดมัน

3. Ginza Seamon (กินซ่าซีมอน)

「Ginza Seamon (กินซ่าซีมอน)」เป็นร้านซูชิขึ้นชื่อที่ตั้งหลบอยู่บนชั้น 6F ของอาคารที่ไม่มีแม้แต่ป้ายบอกตรงถนนใหญ่ด้วยซ้ำ มื้อค่ำล้วนเป็นเมนูที่มีราคามากกว่า 1 หมื่นเยนขึ้นไป แต่สำหรับมื้อกลางวัน เราสามารถทานซูชิได้ตั้งแต่ราคา 3,500 เยนขึ้นไปเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูคอร์สรวมข้าวห่อสาหร่าย ซาชิมิ (ปลาดิบ) อาหารว่าง 3 อย่าง และของหวานที่ชื่อว่า “ฮิรุโนะโอะมาคาเสะ” (5,000 เยน) ของมื้อกลางวันอีกด้วย อาหารว่างของเมนูคอร์สนี้ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลทั้งหมด บอกเลยว่าขึ้นชื่อเรื่องความเข้ากับเหล้าญี่ปุ่นสุดๆ และซูชิที่ได้รับความนิยมสูงของทางร้านก็คือ คอมบุจิเมะ ที่ทำโดยการนำสาหร่ายคอมบุมาห่อวัตถุดิบนั่นเอง

การห่อสาหร่ายคอมบุเป็นวิธีการปรุงอาหารอย่างหนึ่งที่นำสาหร่ายคอมบุมาห่อวัตถุดิบและปล่อยทิ้งไว้สักครู่ หลังจากนั้นก็ดึงสาหร่ายคอมบุออกและเสิร์ฟเฉพาะวัตถุดิบเท่านั้น ความอร่อยของสาหร่ายคอมบุจะซึมซาบเข้าไปในวัตถุดิบ ทำให้วัตถุดิบมีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น เมนูชั้นเลิศแบบนี้ขอบอกเลยว่าควรค่าแก่การมาโดนซักครั้งจริงๆค่ะ

4. Ginza Kanesaka (กินซ่าคาเนซากะ)

คาเนซากะ เป็นร้านซูชิที่การันตีความสุดยอดด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ติดต่อกันหลายปี สำหรับมื้อค่ำจะจำหน่ายซูชิราคา 21,000 เยน แต่สำหรับมื้อกลางวัน เราสามารถทานซูชิได้ตั้งแต่ราคา 5,000 เยนขึ้นไปเท่านั้นเอง อื้อหื～อ ราคาลดลงมาเกือบ 3 เท่าเลยนะเนี่ย…

ที่นี่มีบริการเมนูภาษาอังกฤษด้วย ทำให้ภายในร้านคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายอยู่เป็นประจำ ซูชิที่ข้าวกับวัตถุดิบเข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติเหล่านี้ทำขึ้นมาอย่างพิถีพิถันถึงขนาดปรับ อุณหภูมิ ข้าวตามวัตถุดิบเลยทีเดียว นอกจากนี้ กุ้งลายเสือ ที่ต้มด้วยระยะเวลาแป๊ปเดียวก็มีรสหวานอ่อนๆ กลิ่นหอมแตะจมูก รสสัมผัสนุ่มลิ้น นับว่าเป็นเมนูชั้นเลิศที่ยอดเยี่ยมทุกด้านเลยทีเดียว

เพื่อนๆมาลิ้มลองซูชิร้าน「คาเนซากะ」ที่การันตีด้วยรางวัลมิชลินสตาร์แห่งนี้กันดูมั้ยคะ? ^^