ย้อนรอยอดีตผ่านปัจจุบันกับทริปวันเดียวเที่ยวเลียบเจ้าพระยา
ใกล้จะหมดหน้าฝนแล้ว อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะเข้าสู่หน้าหนาว ฤดูโปรดของหลายๆ คน รวมถึง Sanook! Travel เองด้วย เพราะเวลาอากาศดีๆ ท้องฟ้าโปร่งๆ ทีไร ก็จะหาโอกาสจัดทริปวันเดียว เดินเที่ยวเก็บเกี่ยวบรรยากาศรอบตัวอยู่เสมอ
ถ้าเป็นแต่ก่อน จะวางแผนทริปแต่ละครั้ง ก็ต้องอาศัยกูเกิ้ลเป็นหลัก แต่เดี๋ยวนี้มีแอปพลิเคชันเด็ดๆ ที่ออกมาเอาใจนักเดินทางสมัครเล่นอย่างเราและช่วยให้วางแผนทริปแต่ละครั้งง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะทริปไกลหรือทริปใกล้ ทั้งยังสามารถเลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะกับสไตล์การท่องเที่ยวของตัวเองอีกด้วย
ใครที่เป็นคนประเภทเดียวกับเรา ชอบเที่ยว ชอบเดิน ชอบสำรวจ ชอบรู้เรื่องราวเก่าๆ แล้วเอามาโยงกับปัจจุบัน เรามีแอปพลิเคชันฟรีที่เพิ่งลองใช้งานเมื่อเร็วๆ นี้มาแนะนำ คือ Culture Explorer 2.0 ภาคต่อของแอปพลิเคชันชื่อเดียวกัน แต่ได้รับการพัฒนาให้หลากหลายและน่าสนใจยิ่งขึ้น เหมาะมากสำหรับคนที่อยากจัดทริปเลาะเลียบริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับเรียนรู้ประวัติศาสตร์และตามรอยวัฒนธรรมของบ้านเมืองเราในอดีตด้วย
สิ่งที่เพิ่มเติมมาให้เวอร์ชั่นนี้ของ Culture Explorer ก็คือส่วนของริเวอร์วิว ที่เพิ่มเติมมาจากสตรีทวิวที่มีอยู่เดิม ที่สามารถเลือกสำรวจได้ถึง 7 ท่า คือ ท่าสะพานพุทธ ท่าเตียน ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ท่าพระอาทิตย์ ท่ารถไฟ ท่าสี่พระยา และท่าราชวงศ์
Sanook! เองอยากจะตระเวนให้ครบทั้ง 7 ท่า แต่เนื่องจากเวลามีจำกัด เราเลยจัดทริปสั้นๆ ทัวร์ 4 ท่าแบบลุยเดี่ยว โดยมี Culture Explorer เป็นทั้งเนวิเกเตอร์และคนให้ข้อมูลส่วนตัวด้วย
จุดหมายที่ 1: ท่าช้าง
เรามาตั้งต้นกันที่ท่าช้างเป็นที่หมายแรกก่อน Culture Explorer ทำให้เรารู้ว่า ท่าน้ำที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระนี้ มีประวัติมายาวนานกว่า 200 ปี
ร่องรอยของวัฒนธรรมที่เห็นจากแถวนี้ก็คือตึกเก่าๆ ที่ถึงจะผ่านการบูรณะใหม่ แต่ก็ยังมีร่องรอยของสถาปัตยกรรมในอดีตเหลืออยู่ให้คนรุ่นเราได้ชื่นชมและถ่ายรูปกันเพลินๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ความสนุกของ Culture Explorer อยู่ตรงที่ฟีเจอร์คลังภาพเก่าและถ่ายภาพย้อนเวลาที่ทำให้เราเปรียบเทียบภาพถ่ายมุมเดียวกัน ระหว่างอดีตและปัจจุบันได้ทันที
จุดหมายที่ 2: ท่าเตียน
จุดหมายที่ 2 ที่ Culture Explorer นำทางเรามาก็คือท่าเตียน ซึ่งพอมาอยู่ ณ จุดนี้ เราลองใช้ฟีเจอร์การแจ้งเตือนสถานที่ใกล้เคียง เพื่อดูว่าในละแวกนั้นมีสถานที่สำคัญอะไรอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับจุดนี้ สถานที่ที่เด่นที่สุดก็คือวัดอรุณฯ ซึ่งเราแอบเสียดายเบาๆ ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงบูรณะอยู่
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ท่าเตียนก็ยังทำเราฟินได้ เพราะมีตึกเก่าที่พอถ่ายใช้ฟีเจอร์คลังถ่ายภาพย้อนเวลา เอาเก่ากับใหม่มาเจอกันในภาพเดียว ก็ยิ่งเพิ่มกลิ่นอายย้อนอดีตให้กับบรรยากาศที่คึกคักของท่าเตียน ซึ่งทำได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
จุดหมายที่ 3: ท่าสะพานพุทธ
คนยุคเราอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า เวลาสะพานพุทธเวลาสะพานทั้ง 2 ด้านยกขึ้นแยกจากกัน เพื่อให้เรือใหญ่ผ่านได้นั้นเป็นอย่างไร ถ้าอยากเห็นเราแนะนำให้เปิดดูในฟีเจอร์คลังภาพเก่าประกอบการเดินเที่ยวในย่านนี้ไปด้วย รับรองว่าจะได้เห็นมุมมองที่แปลกตาของสะพานแห่งนี้
จุดหมายที่ 4: ท่าราชวงศ์
ปิดท้ายทริปลุยเดี่ยวแบบมี Culture Explorer เป็นผู้ช่วยกับท่าราชวงศ์ ที่เราเลือกนั่งเรือมาลงที่นี่เป็นที่สุดท้าย เพราะท่าน้ำนี้นำเราไปสู่บรรยากาศเก่าของย่านการค้าในอดีตที่ยังคงมีกลิ่นอายอยู่จนทุกวันนี้ เพราะจากท่าราชวงศ์สามารถเดินต่อไปยังสำเพ็งที่ทุกวันนี้ก็ยังคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้าแม่ขายอยู่
จบทริป 4 ท่าใน 1 วัน เรายังสามารถแชร์รูปที่ถ่ายมาในวันนี้ลงโซเชียลมีเดียได้ทันที ทั้งยังเก็บเป็นคลังภาพไว้ในแอปพลิเคชันนี้ได้อีกด้วย
ใครที่อยากจัดทริปง่ายๆ ให้กับตัวเองและใช้สมาร์ทโฟนจาก Samsung สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้ได้ฟรีที่นี่
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.samsung.culture.thailand&hl=en
หรือถ้าอยากรู้จักแอปพลิเคชันนี้มากขึ้น เราแนะนำให้ดูคลิป #ทวิแอพ ด้านล่างนี้ ที่ป๋อมแป๋มจากรายการเทยเที่ยวไทย พาเราไปเที่ยวพร้อมกับ #CultureExplorerTH แล้วจะยิ่งเข้าใจยิ่งขึ้นว่า การท่องเที่ยวแบบที่อดีตกับปัจจุบันมาบรรจบกันนั้นมันมีเสน่ห์แค่ไหน