พาไหว้พระ วัดดังฝั่งธน รับปีใหม่ 2560
เผลอแค่แป๊บเดียว เวลาก็ผ่านมาจนถึงปลายปีอีกครั้งแล้วค่ะ วันนี้มัชรูมทราเวลจะมาแนะนำ วัดดังฝั่งธน ให้เพื่อนๆ ไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเพื่อเป็นการส่งท้ายสิ่งที่ผ่านมาในปีเก่าและพร้อมที่จะเริ่มต้นสิ่งดีๆและสิ่งใหม่ๆในชีวิตกันต่อไปในปีใหม่ ถ้าพร้อมแล้วตามเรามาทางนี้เลยค่า
1. วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
วัดกัลยาณมิตรเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของไทย ถือว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของฝั่งธนบุรีหรือเป็นวัดดังฝั่งธนก็คงจะไม่ผิด โดยภายในพระวิหารหลวงประดิษฐาน “พระพุทธไตรรัตนนายก” หรือ “ซำปอกง” ที่พุทธศาสนิกชนนิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
“กัลยาณมิตร” หมายถึง มิตรดี หรือเพื่อนดี” เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน โดยมีความหมายที่มาจากความสัมพันธ์ส่วนพระองค์ที่มีต่อเจ้าพระยานิกรบดินทร(โต) ผู้ซึ่งบริจาคที่ดินบ้านของท่านก่อสร้างพระอารามวัดแห่งนี้ ปัจจุบันอายุอันนามของวัดนี้ก็เกือบ 190 ปี และทางกรมศิลปากรก็ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตั้งแต่ปี 2492 เป็นต้นมา สถาปัตยกรรมและจิตรกรรมส่วนใหญ่ในวัดแห่งนี้ ผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและจีน แสดงถึงความเป็นกัลยาณมิตรระหว่างศาสนา ศิลปวัฒนธรรมของไทยและจีนอย่างชัดเจน
เวลาเปิด-ปิด : 06.00-18.00 น.
ระดับความน่าไป : ☆☆☆☆☆
การเดินทาง :
– รถประจำทาง : สาย 149, 40, 50, ปอ.177
– เรือ : เรือข้ามฟากท่าปากคลองตลาด – ท่าวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (วัดกัลยาฯ)
– รถไฟฟ้าบีทีเอส : ลงสถานีสะพานตากสิน (สายสีลม) จากนั้นใช้ทางออกที่ 2 ไปยังท่าเรือด่วนเจ้าพระยา นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงที่ท่าราชินี หรือท่าปากคลองตลาด จากนั้นนั่งเรือข้ามฝากท่าราชินีไปยังท่าน้ำวัดกัลยาณมิตร
2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)
แต่เดิมตั้งแต่สมัยอยุธยานั้น วัดอรุณฯ มีชื่อว่า “วัดมะกอก” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดแจ้ง” อันเนื่องมาจากการย้ายราชธานีมาที่กรุงธนบุรีตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และได้เสด็จมาถึงตอนอรุณรุ่ง จึงได้ใช้ชื่อว่า วัดแจ้ง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตหมายอันดีค่ะ
วัดอรุณ ถือเป็น วัดดังฝั่งธน ที่เป็น Signature ของกรุงเทพฯเลยทีเดียว วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอารามโดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านดำรงตำแหน่งเป็นวังหน้าในรัชกาลที่ 1 แต่สำเร็จเพียงกุฏิสงฆ์ก็สิ้นรัชกาลที่ 1 ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ จึงโปรดให้สร้างพระอุโบสถและพระวิหารต่อจนแล้วเสร็จ พร้อมทั้งทรงปั้นหุ่นพระพักตร์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เองและโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถและพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดอรุณราชธาราม เมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตพระบรมอัฐิได้ถูกนำมาไว้ที่วัดอรุณแห่งนี้ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการก่อสร้างพระปรางค์องค์ใหญ่แต่มาเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 4 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดอรุณราชวราราม โดยวัดแห่งนี้ก็ยังถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 อีกด้วยค่ะ
เวลาเปิด-ปิด : 08.00-17.30 น.
ระดับความน่าไป : ☆☆☆☆☆
การเดินทาง :
– รถประจำทาง : สาย 19, 57, 83
– เรือ : เรือข้ามฟากจากท่าเตียนหน้าวัดโพธิ์มายังวัดอรุณฯ หรือนั่งเรือนำเที่ยวมาจากวัดระฆังโฆสิตาราม
– รถไฟฟ้าบีทีเอส : ลงสถานีสะพานตากสิน (สายสีลม) ใช้ทางออกที่ 2 ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาที่ท่าสาทร ไปขึ้นที่ท่าเตียน จากนั้นใช้บริการเรือข้ามฟากจากท่าเตียนไปยังวัดอรุณราชวราราม
3. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
อีกหนึ่ง วัดดังฝั่งธน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ “วัดบางหว้าใหญ่” ในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้มีการขุดพบระฆังโบราณในเขตวัด ทำให้ประชาชนพากันเรียกว่า วัดระฆัง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สำหรับตัวระฆังที่ขุดพบนั้น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และทรงให้สร้างชดเชยให้วัดระฆังเสียใหม่ ถึง 5 ลูกด้วยกัน และพระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม”
เวลาเปิด-ปิด : 08.00-16.00 น.
ระดับความน่าไป : ☆☆☆☆☆
การเดินทาง :
– รถประจำทาง : สาย 19, 57, 83
– เรือ : เรือด่วนเจ้าพระยาลงท่ารถไฟหรือท่าวังหลัง หรือจะนั่งเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปท่าวัดระฆัง
– รถไฟฟ้าบีทีเอส : ลงสถานีสะพานตากสิน (สายสีลม) ใช้ทางออกที่ 2 ไปยังท่าเรือด่วนเจ้าพระยา นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงที่ท่าเตียน จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปที่ท่าวัดระฆัง
4. วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
เดิมชาวบ้านเรียกว่าวัดรั้วเหล็ก ภายในวัดมีศาสนสถานที่สำคัญมากมาย เช่น “เขามอ” ภูเขาจำลองขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ก่อขึ้นจากหินที่มียอดลดหลั่นกันไปตามลำดับ ภายในบริเวณเขามอประดับต้นไม้ด้วยพันธุ์ไม้หายาก “พิพิธภัณฑ์พระประยูรภัณฑาคาร” หรือ “พรินทรปริยัติธรรมศาลา” สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับให้ความรู้ด้านสิ่งของโบราณในสมัยก่อน “พระบรมธาตุมหาเจดีย์” พระเจดีย์ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อันดับ 1 หรือ Award of Excellence จากโครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ประจำปี พ.ศ. 2556 ขอบอกเลยว่าเป็น วัดดังฝั่งธน ที่ สวย เคลิ้ม มาก ค่ะ !!
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 9.00 – 21.00 น.
ระดับความน่าไป : ☆☆☆☆☆
การเดินทาง :
– รถประจำทาง : สาย 4, 7, 9, 43, 542
5. วัดพิชยญาติการาม
ตั้งอยู่ริมคลองบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เดิมเป็นวัดร้าง แต่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) ครั้งมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาศรีพิพัฒน์ราชโกษาได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ประมาณ พ.ศ. 2372 – 2375 สถาปัตยกรรมวัดนี้มีลักษณะเป็นแบบไทยผสมจีน ซึ่งเป็นแบบพระราชนิยมในสมัยนั้น เมื่อบูรณะวัดเสร็จแล้ว จึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดพระยาญาติการาม” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดพิชยญาติการาม” หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “วัดพิชัยญาติ”
พระอุโบสถของวัดสร้างเป็นศิลปะแบบจีน ไม่มีช่อฟ้าและใบระกา เนื่องจากสมัยก่อนเป็นวัดอยู่ในสวนจึงสร้างเพื่อหลบบรรดากิ่งไม้ ผลไม้ที่จะหล่นหรือหักไปกระทบหลังคาพระอุโบสถได้ องค์พระประธานในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย โดยอัญเชิญมาจากวัดพระวิหารหลวงเมืองพิษณุโลก นามว่า “พระสิทธารถ” หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “หลวงพ่อสมปรารถนา” เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนจำนวนมากค่ะ
เวลาเปิด-ปิด : 06:00–18:00 น.
ระดับความน่าไป : ☆☆☆☆
การเดินทาง :
– รถประจำทาง : สาย 6, 42, 43, 82 ลงที่ป้ายวัดอนงคาราม
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ วัดดังฝั่งธน ที่เราเอามาฝากัน สำหรับปีที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นย่อมให้บทเรียนแก่เราค่ะ ขอให้เพื่อนๆ นำสิ่งที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์เพื่อเรียนรู้ที่จะไม่ทำพลาดอีกในสิ่งที่เคยพลาดไป และหากเป็นประสบการณ์ที่ดี ก็ขอให้นำมาเป็นกำลังใจในการพัฒนาตัวเองต่อไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่มีอะไรอยู่กับเราได้นาน ทั้งทุกข์และสุขเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น มัชรูมทราเวลขอให้เพื่อนๆ มีสติในการดำรงชีวิต และขออนุโมทนาบุญล่วงหน้ากับเพื่อนๆ ที่จะไปไหว้พระทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยค่า