อิ่มหนำเต็มคำกับซูชิเกรดพรีเมี่ยมแบบโอมากาเสะได้ที่ Morimoto Bangkok

อิ่มหนำเต็มคำกับซูชิเกรดพรีเมี่ยมแบบโอมากาเสะได้ที่ Morimoto Bangkok

อิ่มหนำเต็มคำกับซูชิเกรดพรีเมี่ยมแบบโอมากาเสะได้ที่ Morimoto Bangkok
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลิ้มรสชาติความพิถีพิถันของซูชิแบบโอมากาเสะที่แน่นด้วยคุณภาพและความสดในทุกคำ ที่ Morimoto Bangkok ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง สาขาแรกในกรุงเทพ พร้อมเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่นและทวิสต์อีกมากมาย


Morimoto Bangkok ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังของเชฟกระทะเหล็กอเมริกา Masaharu Morimoto ที่ได้มาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่ชั้น 4 อาคารมหานครคิวบ์ มาแล้วกว่า 3 เดือน ไม่ได้มีเพียงอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่นและแบบทวิสต์เท่านั้น เพราะยังเสิร์ฟคอร์สโอมากาเสะ (Omakase) ทั้งมื้อกลางวันแบบเร่งรีบและมื้อเย็นให้มาทานกันได้ทุกวัน โดยเชฟ Tomoki Sasada ที่มากประสบการณ์ในการทำซูชิมากกว่า 10 ปี


คอร์สโอมากาเสะ เริ่มต้นที่ราคา 4,000 บาท/ 6-7 คอร์สสำหรับมื้อกลางวัน 6,000 บาท/6-7 คอร์สสำหรับมื้อค่ำ และ 8,000 บาท/ 7-8 คอร์สสำหรับโอมากาเสะพรีเมียม

คอร์สโอมากาเสะในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน ตามแต่ช่วงฤดูกาลของวัตถุดิบแต่ละชนิดในวันที่เราไปทาน สำหรับมื้อกลางวันที่เราได้ลองทาน จะเริ่มด้วยการเสิร์ฟจานเรียกน้ำย่อย 3 จาน โดยจานแรกที่จัดมาอย่างน่ารัก เป็น Snow Crab ที่มาพร้อมทั้งเนื้อและไข่ปูในกระดอง พร้อมเยลลี่น้ำส้มสายชู ผลกูสเบอร์รี่สด และปู Sawagani ตัวจิ๋วทอดที่ทานได้ทั้งตัว

ส่วนจานเรียกน้ำย่อยอีก 2 จานเป็นซาชิมิหอยเชลล์ตัวใหญ่ที่เชฟเลือกเฉพาะแบบเป็น ๆ เท่านั้นมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พร้อมท็อปด้วยเปลือกส้มยูสุขูดและวาซาบิสดรสหวานอ่อน ๆ

จากนั้นจึงตามด้วยอีกจาน ปลา Nodoguro ย่างถ่านแบบสุกกำลังดี เนื้อยังคงความหวานฉ่ำไม่เสียรสชาติ มาพร้อมกับแปะก๊วยทอด ขิงดอง และผลพีชญี่ปุ่น (Yamamomo) ให้ทานปิดท้ายล้างปากก่อนเริ่มทานซูชิ

ซูชิที่เราได้ลองทั้งหมด มี 12 คำ โดยปั้นสดใหม่แบบคำต่อคำจากมือเชฟ อร่อยแบบไม่ต้องพึ่งซอสโชยุเพิ่มเติม ซึ่งจะเริ่มจากปลาหมึกอาโอริ (Aori Ika) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาของปลาหมึก ด้วยรสชาติที่หวานและเข้มข้น ต่อด้วยปลาอาจิ (Shima Aji) ที่ทาด้วยซอสรสเค็มอ่อน ๆ ปิดท้ายก่อนเสิร์ฟ



คำที่ 3 เป็นปลากินเมะได (Kinmedai) ที่เชฟทำการลนไฟที่หนังปลาเล็กน้อยเพื่อลดความเหนียวและหอมกลิ่นไหม้นิด ๆ ให้ทานก่อนจะตามด้วยอีก 2 คำที่หลายคนรอคอย

ต่อกันด้วยปลาโอโทโร่ทั้งสองส่วน คือโอโทโทะ ชิโมะ ฟูริ (Otoro Shimo Furi) และโอโทโร่ จาบาระ (Otoro Jabara) สองส่วนที่แพงที่สุดของปลามากุโร่ ที่ค่อย ๆ ละลายในปากเข้า


หลังจากเสร็จจากโอโทโร่กันแล้ว ล้างปากกันด้วยขิงดองที่ทางร้านทำเอง ก่อนจะเริ่มคำที่ 6 กับปลาโคฮาดะ (Kohada) และปลาซาวาระ (Sawara) กัน

จากนั้นมาต่อกันด้วยไข่หอยเม่นสดรสละมุน ที่เชฟ Sasada ใส่มาให้แบบไม่หวงแบบเต็ม ๆ คำกับรสสัมผัสสด ๆ แฝงความมันนิด ๆ

ตามด้วยมิสึดาโกะ (Mizudako) หรือหนวดปลาหมึกยักษ์เนื้อฉ่ำหวาน และปลาไหลทะเล (Anago) เป็นคำที่ 10

สำหรับซูชิคำสุดท้าย เป็นคำที่เราชื่นชอบที่สุด กับโอโทโร่และชูโทโร่ (Chutoro) สับกับต้นหอมและผักดองที่รสชาติลงตัวอย่างไร้ที่ติ ลงตัวกับข้าวและสาหร่ายกรอบ ๆ ที่ห่อมาอย่างลงตัว

จบจากซูชิกันแล้ว หลาย ๆ ที่จะปิดท้ายด้วยไข่หวาน (Tamagoyaki) แต่เชฟ Sasada เสิร์ฟเป็นคาซุเทระ (Kasutera) หรือเค้กกุ้ง ที่เป็นเนื้อเค้กนิ่ม ๆ มีกลิ่นกุ้งอ่อน ๆ ซึ่งต่างจากที่อื่น


รายละเอียดร้าน : http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30010261 

ใครที่อยากมาลองประสบการณ์ซูชิระดับพรีเมียมสำหรับโอกาสพิเศษ หรือวันว่างแบบไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่น ก็แวะมาจองที่นั่งกับทางร้าน Morimoto ได้ทุกวันหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บน iPick ที่นี่

ตามไปกินกับ iPick แอปพลิเคชั่นแนะนำร้านอาหารอยากแนะนำให้มาลองกัน แล้วอย่าลืมติดตามความอร่อยจากเรากันอีกได้ทางเพจ iPickth

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook