เมืองเล็กกลางขุนเขาที่อบอุ่นกับฮิงาชิกาวา (Higashikawa) ตอนที่ 1
ถ้าพูดถึงเรื่องของการเดินทางครั้งแรกแล้ว...หลายๆ คนมีความประทับใจอย่างไรกันบ้าง
สำหรับเราแล้วแม้ว่าจะเดินทางมาหลายครั้งหลายหน ถึงแม้จะไม่กี่ประเทศบนโลกใบนี้ก็เถอะ หรือจะเป็นแค่การเดินทางไปต่างจังหวัด แต่การเดินทางทุกครั้งก็มักจะเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นเสมอ และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่พิเศษสุดๆ เพราะเราจะได้ไปสัมผัสกับญี่ปุ่นครั้งแรก
เราเชื่อว่าหลายๆ คนอ่านมาถึงบรรทัดก่อนหน้านี้ อาจจะเบือนหน้าหนี ว่าทำไมในปี 2017 ยังมีคนไม่เคยไปญี่ปุ่นอีกหรอ ใช่แล้ว! นี่คือการเดินทางมาที่ญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตวัย 32 ปีของเรา และเราไม่ได้ไปสัมผัสกับเมืองดังเหมือนคนอื่น แต่เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 8,000 คน และแค่วันแรกเราก็หลงรักเมืองนี้เสียแล้ว
เมืองเล็กที่ว่านี้คือ “ฮิงาชิกาวา (Higashikawa)” ตั้งอยู่ในฮอกไกโด ซึ่งอยู่ทางตอนบนของญี่ปุ่น ถ้าใครได้ลองเปิดกูเกิ้ลเหมือนเรา ก็จะเห็นว่าเป็นเมืองที่สวยงามมากจริงๆ ยิ่งในช่วงเดือนมกราคมแบบนี้ ฮิงาชิกาว่านั้นก็มีเสน่ห์สุดๆ เพราะเหล่าต้นไม้ ภูเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสร้างความสวยงามในอีกแบบหนึ่ง และเป็นอีกจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเล่นสกี อย่างที่เรานั่งอยู่ในล็อบบี้โรงแรมในเทนนินเคียว ซึ่งอยู่บนเขาตอนนี้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและมาด้วยจุดหมายเดียวกันคือ “สกี”
และเชื่อหรือไม่ว่า...แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แบบนี้แต่ว่ากลับมีนักเรียนจำนวนมากจากทั่วโลกมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่นี่ อย่างที่เราเจอในทริปนี้ก็มีทั้งนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศแลตเวีย อุซเบกิสถาน ไต้หวัน เกาหลี อินโดนีเซีย เป็นต้น รวมถึงนักเรียนไทยของเรานี่ล่ะ คือมีความหลากหลายมากๆ เลย ทำให้วันแรกนี้เราก็เปรียบเสมือนตัวแทนของประเทศไทยมาที่นี่ นอกจากนี้ในญี่ปุ่นเองก็เป็นที่ที่นักเรียนญี่ปุ่นต้องมาถ่ายภาพสำหรับคลาสโฟโต้ด้วย
ตั้งแต่ถึงสนามบินที่อะซาฮิคาวา (Asahukawa) เราก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เริ่มต้นด้วยการดูแลของหนึ่งในเด็กไทยที่มาทำงานที่นี่และเธอก็ทำงานอยู่ที่เทศบาลของ Higashikawa เสียด้วย ทำให้วันแรกเป็นไปด้วยความชิลล์ๆ สบายๆ ตั้งแต่แลนด์ดิ้งเราก็ได้เห็นหิมะขาวปกคลุมตลอดทาง ออกจากสนามบินเพียง 15 นาทีเราก็มาเจอกับจุดหมายแรกของเราคือ Higashikawa Art Exchange Center ซึ่งที่นี่มีทั้ง อาร์ต แกลลอรี ห้องสมุด และสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีหอให้เด็กๆ ได้พักด้วย
หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย น้องคนไทยที่นี่ก็ออกพาชมเมืองเล็กน้อย โอ๊ย...ญี่ปุ่นครั้งแรกไม่คิดว่าร้านสะดวกซื้อของเขาจะตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ และที่ฮิงาชิกาวามีความพิเศษด้วยว่าถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่มีพาสปอร์ตติดตัวไป เมื่อช้อปปิ้งเกิน 5,000 เยน สามารถที่จะช้อปกันแบบไม่มีภาษี (Tax Free) กันเลย เสียดายที่เราไม่สามารถถ่ายรูปด้านในร้านได้ แต่บอกเลยว่าให้อยู่ในนั้นทั้งวัน ก็ทำได้ ซึ่ง Tax Free นี้ต้องแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละเมืองไป
ก่อนกลับไปร่วมงานต้อนรับเรายังได้เจอกับร้านกาแฟเล็กๆ ชื่อ “Roaster Coaster” ซึ่งมีเครื่องดื่มเสิร์ฟ รวมถึงของหวานซึ่งถ้าใครมาในช่วงวันเกิดจะได้รับส่วนลดด้วย ร้านนี้ถูกใจเราเพราะบรรยากาศของกลิ่นไม้เผาหอมๆ จากครัวและเตาผิงไฟ และพนักงานต้อนรับที่เป็นกันเองมากๆ
หลังจากนั้นช่วงเย็นก็เป็นช่วงของงานเลี้ยงต้อนรับซึ่งนายกเทศมนตรีเมืองฮิงาชิกาวา ที่ต้อนรับอย่างเป็นกันเอง โดยอาหารที่เลี้ยงต้อนรับบนโต๊ะนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นของเด็ดของที่นี่ทั้ง “ปูฮอกไกโด” เหล่าข้าวปั้นและซูชิ แต่ที่เป็นไฮไลต์และเราชอบสุดๆ ก็คือ “ไข่ปลา” หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “Kazunoko” มีรสสัมผัสแบบกรึบๆ แล้วก็มีรสเค็มนิดๆ ในตัว และที่ตื่นตาตื่นใจเรามากๆ ก็คือครั้งแรกที่ได้เห็นการทำโมจิโดยเริ่มจากการทุบข้าวเหนียวกันต่อหน้านี่ล่ะ!!!
อาหารผ่านไปแล้วก็ได้เจอกับการแสดงพื้นเมืองของที่นี่ก็มีทั้งการรำแบบญี่ปุ่นจากคุณพี่ที่นี่ การตีกลอง Taiko จากน้องๆ ชั้นประถม ไปจนถึงการรำพื้นเมืองร่วมกันของเด็กๆ ที่เรียนภาษาที่นี่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นรำนานาชาติ เพราะทุกคนที่มาเข้าไปร่วมในวงกันหมด ปิดท้ายคืนด้วยการส่งเราเข้าโรงแรมบนเขาพร้อมด้วยสาเกในมือนี่ล่ะ
ถึงตอนนี้แล้วก็อดใจรอไม่ไหวว่าพรุ่งนี้จะได้เจอประสบการณ์อะไรในเมืองฮิงาชิกาวาแห่งนี้อีกบ้าง แต่รู้ว่าจะต้องเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นที่จะกลายเป็นความประทับใจของเราอีกนาน และเราเชื่อว่าถ้าคุณเคยชินญี่ปุ่นในแบบของโตเกียว เกียวโต ซัปโปโร แล้วล่ะก็ ฮิงาชิกาวาอาจจะเป็นอีกเมืองหนึ่งในทางเลือกที่ควรไปสัมผัสกันสักครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วอย่าลืมติดตามตอนต่อๆ ไปของฮิงาชิกาวาว่าเสน่ห์ของเธอจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนได้ที่ Sanook! เลย
อัลบั้มภาพ 28 ภาพ