ตามรอย 3 ร้านดัง ชิมอาหารจาก "ความรัก" ช่วงวัน Valentine
วาเลนไทน์นี้จะไม่เหงา.. เพราะวันนี้เรามีร้านอาหารบรรยากาศสุดอบอุ่นและโรแมนติกมากๆ มาฝากกันในช่วงวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้กันค่ะ ซึ่งแต่ล่ะร้านก็จะมีเสน่ห์และมีวิธีการนำเสนออาหารที่แตกต่างกันออกไป ว่าแล้วก็ไปเริ่มที่ร้านแรกกันเลยดีกว่า
1. Crepes & Co
ร้านแรกที่จะแนะนำก็จะเป็นร้าน Crepes & Co ค่ะ ซึ่งร้านนี้จะเป็นร้านอาหารเจ้าแรกๆ ที่ทำให้คนไทยเราได้รู้จักกับอาหารมื้อสายหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า Brunch นั่นเองค่ะ
บรรยากาศโดยรวมภายในร้านก็จะให้ความรู้สึกเหมือนทานข้าวอยู่ในบ้าน เรียกได้ว่าเข้ามาปุ๊ปก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง บอกเลยว่าเหมาะมากที่จะพาคนรู้ใจมาสานต่อความสัมพันธ์ให้แนบแน่นกว่าเดิมที่ร้านแห่งนี้
เมนูเด่นๆ ของทางร้าน Creapes & Co ก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก เครปสไตล์ยุโรปค่ะ ก็มีทั้งแบบคาวและหวาน ซึ่งตัวแป้งของเครปค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก..เยอะเลย ซึ่งใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องลองมาทานกันดูค่ะของแบบนี้ฟังคนอื่นพูด ก็ไม่สู้มาชิมเองหรอกเนอะ...
ส่วนเมนูขนมหรือของหวานในช่วงวาเลนไทน์นี้ก็เรียกได้ว่าน่ารัก ประทับใจแก่ผู้มาเยือน...อย่างแน่นอนค่ะ ดูอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด
Pancake Bluberry
Smoothie Bowl
Chocolate Cheese Cake
สำหรับคนที่จะลองแวะมาทานอาหารร้าน Creapes & Co แล้วนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี เราก็เมนูแนะนำของร้านนี้มาฝากกันค่ะ
- Melitzano (มะเขือยาวอบไข่ปลาคาเวียร์)
- Dolmades (ใบองุ่นยัดไส้)
- Tyropita (พายเฟต้าชีส)-
- Keftethes (มีทบอลแบบกรีก)
- Courgettes Risssoles (พายสอดไส้ซูกินี่ เฟต้าชีส และออริกาโน่)
- Paella ข้าวผัดสไตล์สเปน
- Fish Chermoula (เนื้อปลาอบซอสเชอร์มูลา อาหารสไตล์โมร็อกกันที่รสเข้มข้นและหอมกลิ่นเครื่องเทศ) และเมนูของหวานอย่างเครปสารพัดชนิด
ที่ตั้ง :
- สาขา หลังสวน : 59/4 ซอย หลังสวน1 ถนนเพลินจิต ลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
- สาขา ทองหล่อ : ศูนย์การค้า 9:53 (Nine-Fifty Three) ห้อง
B-101 ตึก B ตั้งอยู่เลขที่ 124 ซอยสุขุมวิท 53 (ไปดี-มาดี) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
- B/F, EmQuartier
- L7, Central World, 99/9 ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน , กรุงเทพฯ
2. PAUL
เอาใจคนรักอาหารสไตล์ฝรั่งเศสกันบ้างกับร้าน PAUL ที่ส่งต่อความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนานและมีสาขาทั่วโลกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วยค่ะ...
สำหรับ PAUL สาขาประเทศไทยนั้น เรียกได้ว่ามีอาหารที่ค่อนข้างหลากหลาย...ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานกัน ซึ่งไม่ใช่มีแค่เมนูเบเกอรี่ที่ได้เห็นๆกัน และต้องบอกว่าเป็นร้านนึงที่มีมาตรฐานที่ค่อนข้างสูง เพราะเวลาจะทำคิดเมนูอะไรขึ้นมาสักอย่างก็ต้องส่งไปที่สาขาแรกให้เค้าอนุญาตก่อน ถึงจะได้ทำกัน เรียกว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
ซึ่งเมนูแนะนำที่อยากจะให้ลองชิมกัน ก็จะมีอย่างเช่น Millefeuille Crabe ก็จะเป็นแผ่นแป้งบางๆ ที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับเมนูแต่ละจาน เช่น มิลเฟยจานนี้ ก็จะใช้แผ่นแป้งบางๆนำมาวางเป็นชั้นๆ สลับกับเนื้อปูที่มาคลุกกับซอสจนได้รสชาติที่กลมกล่อม ปิดท้ายด้วยไข่ปลาคาเวียร์ที่ด้านบนก็เป็นอันเสร็จสิ้น
จานต่อมาเป็น Gambas exotique tartare สำหรับเมนูนี้ออกแนวสุขภาพนิดนึงค่ะ เพราะวัตถุดิบที่ใช้ค่อนข้างเป็นผักผลไม้ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะไม่เป็นมะม่วง สับปะรด และแตงกวา ที่นำมามิกซ์กับน้ำสลัดสูตรที่พิเศษและก็มีกุ้งตัวโตๆ ให้เราได้ลองชิมกัน
นอกจากนี้ยังมีเมนูที่เอาใจสำหรับคนที่ชอบทานหอยเชลล์ตัวโตๆ กับ เนื้อลูกวัวนุ่นๆ กับ Noix de Saint Jacques poêlé , Filet de veau roti
สำหรับใครที่กำลังรอคอยเมนูขนมหวานสุดพิเศษสำหรับวาเลนไทน์นี้ต้องไม่พลาดที่ลองชิม Éclair fruits rouges , Éclair cirton meringué ที่ถูกออกมาแบบรสชาติไม่หวานมาก แต่รสชาติดีอร่อยและ ตบท้ายด้วย Macaron patissier ที่มาแบบชิ้นใหญ่กันเลยทีเดียวค่ะ
ที่ตั้ง : Central Embassy
3. TWG
มากันที่ร้านสุดท้ายกับร้านชาชื่อดัง...อย่าง TWG ที่มาช่วยแต่งแต้มความสุขในวันวาเลนไทน์กับชุด Sweet Romace Set) ที่จับคู่ชาหอมกรุ่นเคียงคู่มากับอาหารรสเลิศ และ Red Velvet เค้กเนื้อกำมะหยี่ พร้อมพิเศษสำหรับทุกคู่รัก “เครื่องดื่มแห่งรัก” (Love Potion) ม็อคเทลผสมชา ซึ่งคิดค้นมาเพื่อเติมความสดชื่นในช่วงเวลาแห่งความหวานโดยเฉพาะ
สวีท โรแมนซ์ เซ็ต (Sweet Romance Set) นำชากลิ่นหอมหวานแบบญี่ปุ่น ไซโจ ที (Saichô Tea) ซึ่งเป็นชาที่บรรจงผสมผสานชาเขียวชั้นเลิศมากับดอกทับทิมสด เพื่อรสชาติที่กลมกล่อม ไม่ว่าจะดื่มแบบร้อน หรือแบบเย็นก็ตาม เคียงคู่มากับเมนูพิเศษ ปลาทูน่าและอะโวคาโดทาร์ทาร์ (Tuna and avocado tartar) ปรุงพิเศษผสมชา พิงค์ ฟลามิงโก ที (Pink Flamingo Tea) แต่งหน้าด้วยโครเกต์ไก่รูปหัวใจสีแดงสวย (chicken croquette) และประดับตกแต่งไปด้วยแซลมอนรมควันผสมชารัสเชียน เอิร์ล เกรย์ (Russian Earl Grey)
เติมความสุขอีกหนึ่งเมนูกับหอยเชลล์ฮอกไกโดย่างบนกระทะ (Seared Hokkaido scallops) พร้อมสลัดผักสด เพิ่มรสชาติด้วยบีทรูทบดและครีมซอสผสมชาไวท์ ไนท์ จัสมิน ที (White Night Jasmine Tea)
ที่ขาดไม่ได้คือของหวานเพิ่มรสชาติความรัก เป็นโฮมเมด เรด เวลเว็ท เค้ก เนื้อนุ่มเหมือนกำมะหยี่สีแดง สลับชั้นกับ มูสผสมชาโรส บูดัวร์ ที (Rose Boudoir Tea) เสิร์ฟคู่กับผลเบอร์รี่สดตกแต่งด้วยซอสช็อคโกแลต และราสเบอร์รี่ พร้อมไอศกรีม ที่มีกลิ่นหอมของชา วนิลลา เบอร์เบิ้น (Vanilla Bourbon Tea) ที่เข้ากันกับเค้กที่เสิร์ฟอย่างลงตัว
ที่ตั้ง : สยามพารากอน , ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอร์เทียร์
ขอขอบคุณข้อมูล จาก KTC