ลูกเกด พาตะลุย! 3 วัน 2 คืน ทัวร์ โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง สวนสนุกสุดมันระดับโลก
ถ้าพูดถึง ฮ่องกง ประเทศที่มีคนไทยไปเที่ยวบ่อยและมีหลายคนที่ไปแล้วอยากกลับไปเยือนอีก เพราะที่นี้ไม่ได้มีแค่แหล่งช้อปปิ้ง และการไหว้พระเสริมบุญตามวัดต่างๆ
ยังมี โอเชียนปาร์ค ฮ่องกง สวนสนุกระดับโลก ที่ได้รับรางวัล APPLAUSE AWARD ปี พ.ศ. 2555 จาก Liseberg Amusement Park
ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมสวนสนุกทั่วโลก และยังเป็นสวนสนุกแห่งแรกในเอเชียที่ได้รับรางวัลนี้ นับตั้งแต่มีการจัดตั้งรางวัลเมื่อ ปี พ.ศ. 2523
โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง เปิดตัวตั้งแต่ มกราคม ปี พ.ศ. 2520 มีผู้คนมากกว่า 140 ล้านคน ทั้งชาวฮ่องกงและต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวและเรียนรู้ในการอนุรักษ์ธรรมชาติ
วันนี้ Sanook! Travel จะพาเพื่อนๆ ไปตะลุยเที่ยว โอเชี่ยนปาร์ค เก็บทุกความสนุกครบทุกอรรถ พร้อมแล้วตามลูกเกดมาลุยกันเลย
เริ่มออกเดินทางจากประเทศไทย เวลา 10.30 น. สายการบินไทย TG628 ถึงฮ่องกง เวลา 14.20 น. (ตามเวลาฮ่องกง)
อากาศของฮ่องกงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไปด้วยนะคะ อากาศจะอยู่ราวๆ 20-15 องศา ยิ่งถ้าฝนตกด้วยล่ะก็วันต่อมากจะหนาวประมาณ 10 องศา
แต่งตัวได้สนุกสนาน พร้อมสู้ลมหนาวได้เลยทีเดียว
วันที่ 1
ถึงแล้ววววว ฮ่องกง ในการเที่ยวครั้งนี้ลูกเกดได้พักที่ Ovolo Southside จุดเด่นของโรงแรมนี้มีการดีไซน์เก๋ ๆ ไปถึงแล้วกดชัตเตอร์รัวๆ ได้ไม่ยั้ง
เดินเข้ามาที่ล็อบบี้ เจอหุ่นโซ่จักรยานที่รีไซเคิลมายืนต้อนรับ พอรู้ราคาแล้วถึงกับอึ้ง 3 แสนบาท Import มาจากต่างประเทศ บอกแล้วว่าที่นี้เค้าเลือกของชิคๆ มาตกแต่งให้แตกต่างจากที่อื่นๆ
มาถึงบรรยากาศในห้อง ตกแต่งสวยงามสะอาด แบ่งโซนห้องนั่งเล่นและห้องนอน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่กับคอนโด มีข้าวของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกครบครัน
ที่สำคัญยังมีฟรี Wifi ทั่วโรงแรม เล่นเน็ตให้จุใจกันไปเลย
หลังจากพักผ่อนกันหายเมื่อยแล้ว เราจะพาเพื่อนๆ มายัง Rooftop bar ที่เรียกว่าเป็นจุดขายของโรงแรมนี้ ใครมาแล้วต้องมายืนโพสท่าถ่ายรูปสวยๆ พร้อมกินขนม จิบค็อกเทล ชมวิว ที่มองลงไปจะเห็นสวนสนุก โอเชี่ยนปาร์ค ภูเขา และ อ่าวทะเล
การเดินทางมาโรงแรม Ovolo Southside
นั่งรถไฟใต้ดิน MTR สถานี Wong Chuk Hang Station เดินมายังที่พักได้ในไม่เกิน 3 นาที
ในช่วงเย็นวันแรกลูกเกดได้มีโอกาสเข้าไปใน โอเชียนปาร์ค เพื่อไปทานอาหารที่ ห้องอาหารเนปจูน ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าร้านรู้สึกตื่นเต้นกับ Grand Aquarium มากๆ
ความรู้สึกเหมือนเรากำลังรับประทานอาหารพร้อมชมความงามใต้ท้องทะเลแบบพาโนราม่า มื้อนี้ลูกเกดได้ชิม เมนูอาหารเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี สวนสนุกโอเชี่ยนปาร์ค
ที่ทำพิเศษขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2560
เมนูอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรก แป้งทอดกรอบไส้หมูรมควันฉีกซอสบาร์บีคิวสไตล์จีน เนื้อหมูนุ่ม อร่อยเต็มคำ ทานแล้วฟินมาก
ต่อด้วย ซุปหูฉลามโรยด้วยเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ เมนูยอดนิยมบนโต๊ะจีน ทานไปคำแรกสัมผัสได้ถึงความอร่อยของน้ำซุป เนื้อกุ้งล็อบสเตอร์สด ทานหมดจานภายใน 5 นาที (ก็มันอร่อยอ่ะ)
ว่าแล้วก็มาถึง เมนูจานหลัก แก้มเนื้อลูกวัวตุ๋น เสิร์ฟพร้อมเส้นก๋วยจั๊บทอด เนื้อวัวนุ่มลิ้น เคี้ยวง่าย แทบจะละลายในปาก คงไม่ต้องอธิบายมากว่าเนื้อนุ่มขนาดไหน
ปิดท้ายด้วย ของหวาน แครกเกอร์สอดไส้น้ำตาลมอลโทส และไอศกรีมวนิลา ยังมี ขนมหวานอบกรอบจีน ราดด้วยน้ำผึ้งเห็ดทรัฟเฟิล ทานคู่กับไอศกรีนฟินเวอร์
อ่อ ที่เห็นเป็นรูปไข่นั้นคือ พุดดิ้งโกจิเบอร์รี่สอดไส้ทองคำเปลว หน้าตาน่าทานจนแทบไม่อยากเอาช้อนตัก อิอิ
สำหรับราคาอาหารในมื้อนี้อยู่ที่ HK$388 ต่อท่าน *ราคานี้ยังไม่รวมค่าบริการ 10% ถึงเวลากลับที่พัก นอนเอาแรง พร้อมทัวร์ โอเชี่ยนปาร์ค กันในวันพรุ่งนี้ดีกว่า
วันที่ 2
ตื่นเช้า 9 โมง พร้อมออกเดิมทางไป โอเชียนปาร์ค ด้วยรถไฟ MTR ที่ต้องออกเช้าขนาดนี้ เพราะเรามีโปรแกรมไปดู แพนด้ายักษ์ ณ โซนการผจญภัย
และนี้จะเป็นการเจอแพนด้าครั้งแรกในชีวิต ต้องบอกว่าตื่นเต้นมาก เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าแพนด้าในโลกเหลืออยู่แค่ 1,800 ตัว ที่โอเชี่ยนปาร์ค แห่งนี้ มีถึง 3 ตัวด้วยกัน
สาวๆ คนไหนที่จะเข้าไปเจอเจ้าแพนด้าต้องถอดเครื่องประดับออกให้หมด รวมไปถึงกล้องถ่ายรูปที่ไม่สามารถนำเข้าไปได้ แต่จะมีช่างภาพเก็บภาพให้นะคะ
ฮัลโหลลลลล และนี่คือ LeLe (เลเล่) แพนด้ายักษ์ ตัวอ้วน กลม สุดแสนจะน่ารัก น่ากอด ไม่ว่าใครพบเห็นจะต้องตกหลุมรัก ดูจากรูปก็รู้ว่าเลเล่กินเก่งมากขนาดไหน ถึงได้จ้องแอปเปิ้ลตาเป็นมันขนาดนี้
ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่จะน่าจดจำว่าครั้งหนึ่งเคยได้ให้อาหารแพนด้ายักษ์ คิดดูว่าจะไปโอกาสใกล้ชิดแบบนี้ที่ไหนได้
ราคาการเข้าชมแพนด้า
ราคา 1,935 บาทต่อท่าน (430 ดอลลาร์ฮ่องกง) หรือ 3,105 บาทสำหรับ 2 ท่าน (690 ดอลลาร์ฮ่องกง) (ราคานี้ไม่รวมค่าบัตรเข้าชมสวนสนุก)
ถึงมุมย้อนวันวาน ย่านฮ่องกงเก่า มีการจำลองถนน ร้านค้า และสิ่งก่อนสร้างของฮ่องกงในช่วงปี 1950-1970 ลูกเกดถูกใจมุมนี้ ให้อารมณ์เหมือนเราเป็นสาววินเทจเดินเก๋อยู่ตามมุมตึก
และแล้วก็มาถึง การผจญภัยในออสเตรเลีย ที่เปรียบเสมือนการจำลองบริเวณทางตอนใต้ของออสเตรเลียมาอยู่ในฮ่องกงครั้งแรก เข้าไปด้านในแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในพื้นที่มีทั้ง
หมีโคล่าสายพันธุ์ใต้ ที่กำลังนอนอยู่เงียบๆ มีตื่นขึ้นมองกล้องบ้าง ถัดมาจะเป็น จิงโจ้แคระคอแดง ที่ดูมีความสุขกับกินอาหารอย่างมาก หันไปทีไรก็กินตลอดเวลา และระหว่างที่ดูจิงโจ้อยู่ก็มี
นกขยันหัวเราะ บินผ่านมาเกาะที่เสาใกล้ๆ เก็บภาพมาให้ได้ดู ถือว่าเป็นอีกจุดที่จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมของสัตว์ต่างๆ
ไฮไลท์จุดสำคัญของสวนสนุกโอเชี่ยนปาร์ค คือ กระเช้าลอยฟ้า ที่มีความสูงถึง 205 เมตรเหนือทะเลจีนใต้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 นาที
ระหวางทางขึ้นไปด้านบนเราจะมองเห็นวิวที่กว้างไกลของทะเล ท้องฟ้าที่สวยงามและยอดภูเขา เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ตระการตาขณะโดยสารกระเช้าลอยฟ้า
มองนาฬิกาตอนนี้ก็เที่ยงกว่า ความหิวเริ่มมาเราไปกันที่ ร้านเบย์วิว ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของสวนสนุก มองรอบๆ จะเห็นวิวที่สวยงามรายล้อมไปด้วยต้นไม้นาๆ ชนิด เหมาะแก่การมารับประทานอาหารในช่วงพักผ่อน
เมนูที่เลือกในครั้งนี้ สเต็กปลาแซลมอน ราคา 672 บาท (168 ดอลลาร์ฮ่องกง) จานใหญ่ กินจานเดียวอิ่มไปอีกหลายชั่วโมง
อิ่มท้องแล้วเดินทางมาถึง เดอะ แกรนด์ อควาเรียม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสุดตื่นตาตื่นใจ ได้เห็นโลกท้องทะเลลึก เต็มไปด้วยปลาหลายสายพันธุ์ แมงกระพรุนต่างๆ เปรียบเสมือนว่าเราได้เดินอยู่ใต้ท้องทะเลจริงๆ เลยนะ
อีกหนึ่งโชว์ที่น่าสนใจ นั่นก็คือ การแสดงความสามารถของ สิงโตทะเล ทำตามคำสั่งครูฝึกได้อย่างน่ารัก น่าเอ็นดู โดยครูฝึกจะให้ปลาเป็นรางวัล
แอบบอกด้วยว่าปลานี้คือปลาชูชิที่เรากิน เจ้าสิงโตทะเลได้กินเป็นตัวๆ คงอร่อยน่าดูเลยเนอะ
สำหรับช่วงเย็นจะพาไปดูการแสดง จักรพรรดิของท้องฟ้า ถือว่าเป็นการใกล้ชิดกับนกล่าเหยื่อและนกสายพันธุ์อื่นๆ บินผ่านหน้าไปมา ทำตามผู้ฝึกสอนได้เป็นอย่างดี
ต้องขอปรบมือให้รัวๆ กับความสามารถของนกทุกตัวในการโชว์ครั้งนี้
ปิดท้ายวันนี้ด้วยการเล่น ไวกิ้ง เครื่องเล่นที่เราได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ แต่นั่งเมื่อไหร่ก็เสี่ยวว๊าบ ขอจับเหล็กแน่นๆ ก็แหม ตอนลงท้องมันหวิวน่าดู
วันที่ 3
ตื่นเช้ามากับอากาศประมาณ 10 องศา วันนี่เราจะไปดู AnAn แพนด้ายักษ์ อายุ 30 ปี เป็นคุณยายที่อายุมากที่สุดในสวนสนุกแห่งนี้ ที่กำลังเดินแบบวิถีสโลว์ไลฟ์ กินๆ นอนๆ สบายจริงๆ
เดินมาเรื่อยๆ เราเห็น ลิงจมูกเชิดสีทอง ลูกเกดเจอช็อตเด็ดตอนเจ้าลิงพุ่งตัวมาที่กระจกตรงหน้า ตกใจแรงมาก แยกเขี้ยวซะน่ากลัวเลย
หลังจากได้ชมความน่ารักของแพนด้ายักษ์และลิงจมูกเชิดสีทองกันไปแล้ว เราจะเดินทางไปยังเครื่องเล่นด้วย รถไฟด่วนโอเชี่ยน ใช้เวลาเพียง 3 นาที
ในการเดินทางผ่านอุโมงค์ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร และยังสามารถรับส่งผู้เข้าชมกว่า 5,000 คนต่อชั่วโมง ถือว่าสวนสนุกโอเชี่ยนปาร์คเป็นสวนสนุกแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่มีระบบการเดินทาง 3 เส้นทาง
คือกระเช้าลอยฟ้าทางอากาศ 2 ระบบและรถไฟลอดอุโมงค์ซึ่งให้บริการในเวลาเดียวกัน
มาถึงแล้ววววว! ทริล เมาเท่น จุดที่เราจะได้เห็นสีสันสวยงาม และสัมผัสได้ถึงความสนุกสนานของผู้คน
ที่นี้มีเครื่องเล่นสุดว้าว แฮร์ เรสเซ่อร์ รถไฟเหาะไร้พื้น มีความความเร็วกว่า 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เอาจริงๆ ใจหนึ่งก็กล้าแต่อีกใจก็กลัว รู้ตัวอีกทีขึ้นไปนั่งบนรถไฟ
ตีลังกากลับหัวเรียกเสียงหวีดดังสนั่น แต่เชื่อไหมว่าถึงจะกลัวแต่ก็ยังไม่ลืมดูวิวที่สวยจนบรรยายไม่ถูกเพราะต้องนั้นลุ้นกับความเสียวอยู่ 5555
อีกหนึ่งเครื่องเล่นที่คนต่อแถวเยอะมาก (อย่าถามชื่อเพราะจำไม่ได้) อารมณ์ตอนแรกดูเหมือนจะธรรมดาแต่พอหมุนเท่านั้นแหละจ้า ผมกระเซิง ความรู้สึกเหมือนเราจะหลุดออกมาจากรถ
ยิ่งถ้าใครอยู่ด้านในต้องเกร็งมือสุดๆ เพราะกลัวจะไหลไปทับกับคนที่อยู่ริม ลงมาแล้วได้แต่หัวเราะกันลั่น อะไรที่เราคิดว่าธรรมดาถึงเวลาอาจจะทำเรากรี๊ดดังๆ ได้เหมือนกันนะ หุหุ
หลังจากเล่นเครื่องเล่นกันมาทั้งวัน เรามาเติมพลังกันที่ แพนด้าคาเฟ่ มีอาหารมากมายหลายชนิด มื้อนี้ลูกเกดเลือก ไก่และหมูอบ ขนาดข้าวยังทำเป็นรูปปลาโลมา น่ารักเชียว
ส่วนของหวานจัดเมนู ซาลาเปาแพนด้า น่าตาน่าทาน เนื้อแป้งนุ่ม ไส้เยอะ กินร้อนๆ แล้วฟินเวอร์
ก่อนกลับไทย จะไม่ซื้อของฝากจาก โอเชียนปาร์ค ติดไม้ติดติดมือกลับไปให้ เพื่อนๆ และครอบครัว ได้อย่างไร ที่นี้มีของที่ระลึกต่างๆ มากมาย
ทั้งพวงกุญแจ ที่คาดผม ตุ๊กตาสัตว์ต่างๆ ให้ได้เลือกซื้อ เดินช้อปกันไปเพลินๆ
จบทริปสนุกสุดมันส์ 3 วัน 2 คืน เป็นเรียบร้อยแล้วค่ะ ครั้งหน้าลูกเกดจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่ไหน รอติดตามกันได้เลย
บัตรเข้าสวนสนุก โอเชี่ยนปาร์ค ฮ่องกง ราคาทั่วไป:
ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป): 1,971 บาท (HK$438) เด็ก (อายุ 3-11 ปี): 986 บาท (HK$219)
อัลบั้มภาพ 40 ภาพ