รีวิวแบบจัดเต็ม! กับ "ผู้ชายนวลๆ...ชวนไปเที่ยวพัทลุง"
ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้แล้ว หลายๆคนคงนึกถึง ทะเลสีฟ้าสดใส หาดทรายสีขาวแสนสวย และแสงแดดอ่อนๆยามบ่าย แต่วันนี้นวลจะพาแฟนๆ ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่
ไปชมความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งไม่สามารถเห็นได้แล้วในเมืองใหญ่ ไปชมแสงแรกและแสงสุดท้ายของวันพร้อมสูดอากาศดีๆเข้าปอดกัน
จังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู เป็นอีกจังหวัดหนึ่งของภาคใต้ที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเลนะรู้ป่าว?
แต่มีแหล่งน้ำที่สำคัญคือทะเลสาบสงขลา และทะเลน้อยที่ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก แห่งแรกของเมืองไทยด้วยนะเธอ
บอกก่อนเลยว่าการมาพัทลุงครั้งนี้ ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตของนวลที่ได้มาเที่ยวใต้ (ใต้สุดที่เคยมาเที่ยวก็หัวหินเองแกเอ้ยยยยยยยย)
แต่เชื่อไหมว่าการมาเที่ยวใต้ครั้งนี้ นวลไม่ได้ไปเที่ยวทะเลเลย ก็ตามสไตล์นวล ที่ชอบพาเข้าป่า ขึ้นเขา หาเก้งหากวาง
ทริปพัทลุงครั้งนี้ก็เช่นกัน นวลจะพาไปฟินกับธรรมชาติ วิถีชีวิต พาไปเดินตลาด ลงเรือชมนกชมไม้ ถ้าพร้อมกันแล้วก็เก็บกระเป๋า ตามนวลมาได้เลยค้าบบบบบบบบบบบบบ
นวลเดินทางมาถึงพัทลุงก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงของวันเสาร์ สิ่งแรกที่นึกได้ในตอนนั้นคือ ต้องหาอาหารใต้เข้าปากเท่านั้น เพราะน้องๆที่อยู่ในกระเพาะร้องกันโอ๊กอ๊ากๆ
นวลและผองเพื่อนที่นำทีมด้วยเจ๊น้ำหวาน (เดี๋ยวนวลจะมาเล่าทีหลังนะว่าเจ๊น้ำหวานเป็นใคร ขอติดไว้ก่อน) พานวลไปหย่อนไว้ที่ “ตลาดป่าไผ่สร้างสุข สวนไผ่ขวัญใจ” บรรยากาศคล้ายๆตลาดนัด
แต่ที่เก๋เวอร์คือจะมีร้านค้าอาหารพื้นเมือง มาขายให้ นวลมีโอกาสได้ชิมข้าวยำ เขาจะเอาข้าวนานาชนิดมายำใส่ปลาแห้ง ไข่ต้ม ถั่วฝักยาว วิธีกินก็เอามายำๆรวมๆกันบีบมะนาวใส่แอบอร่อยอยู่น่ะครับ
แต่ที่ไปแล้วต้องกินให้ได้เลยก็คือลูกชกลอยแก้วนะครับลักษณะคล้ายๆกับลูกตาล แต่หนึบและหอมกว่ามากกกกกก ที่สำคัญหากินได้แถบภาคใต้เท่านั้นนะครับ
หลังจากที่กองทัพอิ่มหนำสำราญกับอาหารใต้นานาชนิดแล้วนั้น เราก็เดินทางไปชมอีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองพัทลุง
นั้นก็คือวังเจ้าเมือง หรือที่เรียกว่าวังเก่า-วังใหม่ ตั้งอยู่ใกล้กับวัดวังเดิมเป็นที่ว่าราชการและเป็นที่พักอาศัยของเจ้าเมืองพัทลุงปัจจุบัน
ยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่งคือ วังเก่าที่สร้างในสมัยพระยาพัทลุง (น้อยจันทโรจนวงษ์) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อมาวังได้ตกทอดมาจนถึงนางประไพ มุตามะระบุตรีของหลวงศรีวรฉัตร
ส่วนวังใหม่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจนวงษ์) บุตรชายของพระยาพัทลุงซึ่งเป็นเจ้าเมืองพัทลุง
ครอบครัวจันทโรจนวงษ์ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติและกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานวังเก่า ในปีพ.ศ 2535
นวลชวนรู้....เรือนไทยภาคใต้ส่วนใหญ่จะใช้ไม้ในการก่อสร้างรูปทรงของเรือนเป็นเรือนไม้ ใต้ถุนสูงประมาณคนก้มตัวลอดผ่านได้ เสาทุกต้นไม่ฝังลงดินเพราะว่าดินมันชื้น และก็จะทำให้เสาผุเร็ว
แต่จะตั้งอยู่บนแผ่นปูนหรือแผ่นหินเรียบ ๆ ที่ฝังอยู่ ในดินให้โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินไม่เกิน 1 ฟุต เพื่อกันมิให้ปลวกกัดตีนเสาและกันเสาผุจากความชื้นของดิน ตีนเสา ตอนล่างห่างจากพื้นดิน ประมาณ 1- 2 ฟุต
จะมีไม้ร้อยทะลุเสาทุกต้นตามความยาวของเรือนทั้ง 3 แถวเพื่อทำหน้าที่ยึดโครงสร้างของเรือนให้แข็งแรงมากขึ้นนะครับ
หลังจากแดดร่มลมตก เราก็เดินทางกันต่อไปยังสะพานแห่งความสุข สะพานยาวไส้กลิ้ง-หัวป่า หรือ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองพัทลุง สะพานที่สร้างเชื่อมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ บ้านไส้กลิ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา
มีความยาวกว่า 17 กม. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 2 ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับอยู่เหนือพื้นที่ทะเลน้อย ที่มีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร นับเป็นเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบันนี้เลยนะครับ
บนสะพานที่ถูกขนาบข้างไปด้วยทะเลสาบและเชื่อมระหว่างสองจังหวัด ที่นี่....เป็นสะพานที่เต็มไปด้วยพลัง แห่งความสุขเพราะสองข้างทางคือภาพอันงดงามของวิถีธรรมชาติอันสมบูรณ์และเรียบง่าย
วิวสวยๆ ของทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา...วิถีชีวิตควายน้ำ...และนกนานาพันธุ์ ยามเย็นจะมีคนมาจอดรถชมพระอาทิตย์ตก และปั่นจักรยาน ถือว่าเป็นอีกแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และปอดขนาดใหญ่ของชาวพัทลุงเลยนะครับ
ที่หลับที่นอน หลังจากที่ตะลอนกันมาก็มาถึงที่พักของเราในวันนี้ นวลมีโอกาสได้พักที่ ศรีปากประ รีสอร์ท
ที่พักสไตล์วิลล่าริมทะเลน้อย ด้วยการตกแต่ง และบรรยากาศแล้ว ราคาสองพันบาทต่อคืนสำหรับสองท่านถือว่าคุ้มเวอร์นวลบอกเลย
นอกจากนี้ทางรีสอร์ทยังมีร้านอาหารวิวยอให้บริการด้วยนะครับ อาหารไทยพื้นบ้านอร่อยถูกปากหลากหลายเมนู
โดยมีไฮไลท์อยู่ตรงสะพานไม้ที่ยื่นออกไปในทะเล ซึ่งถือเป็นมุมมองที่สวยงามที่สุดของศรีปากประ
หลังจากที่พักกันเต็มอิ่มเราก็ตื่นกันแต่เช้าเพื่อที่จะออกไปชมความงามของทะเลน้อยกัน
ทะเลน้อย หรือชื่อเต็มว่า อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดพัทลุง มีคลองนางเรียมที่ยาวกว่า 2 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างทะเลน้อยกับทะเลสาบสงขลา
ทะเลน้อยได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย แต่ประชาชนมักเรียก กันว่า อุทยานนกน้ำทะเลน้อยซึ่งนับเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย
สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ความหลากหลายทางชีวภาพของทะเลน้อย ทำให้พื้นที่ “พรุควนขี้เสี้ยน” ของทะเลน้อยได้รับการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำโลก หรือ “แรมซาร์ ไซด์” (Ramsar Site) แห่งแรกในเมืองไทย
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2541 ทะเลน้อยเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ทั้งระบบนิเวศ สัตว์ป่า สัตว์น้ำ พรรณพืช โดยเฉพาะนก ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
จุดเด่นของที่นี่ ก็คือ ล่องเรือสัมผัสความงามของดอกบัวแดงชมนกน้ำ ดอกบัวจะบานอวดโฉมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.พ. – กลางเม.ย. ของทุกปี
และการล่องเรือควรมาแต่เช้า เพราะถ้าหลังเที่ยงไปแล้ว ดอกบัวจะหุบไม่สวยแล้วนะครับ แต่ด้วยช่วงปีที่แล้วภาคใต้น้ำท่วมหนัก ทำให้ดอกบัวยังไม่บานเลยนวลเลยอดดู
ทะเลน้อย ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกซึ่งมีให้ชมกว่า 287 สายพันธุ์
ทั้งนกน้ำ นกประจำถิ่นและนกอพยพมาจากที่อื่นตามฤดูกาล เช่น นกกาบบัว นกกุลา นกอีโก้ นกระยาง นกกระสานวล นกกระสาแดง นกกาเล็กน้ำ นกแขวก นกเป็ดน้ำ นกกระทุง นกนางนวล นกกระเด็น นกกระสาแดง ฯลฯ
ซึ่งนกจะชุกชุมมากที่สุดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน แต่นกที่เรามักจะเห็นได้ง่ายแบบที่ไม่ต้องไปส่องไกล คือ นกกระยาง สีขาว นกที่เห็นได้ง่ายที่สุด อีกชนิดคือ นกอีโก้ง เป็นนกประจำถิ่น
ลักษณะลำตัวเป็นสีน้ำเงินอมเชียว หน้าผากสีแดง เดินหาอาหารและแมลง จากรากไม้น้ำ
นกกระยางมีให้เห็นตลอดทาง นกที่นี่ค่อนข้างคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวพอสมควรเลยนะครับ คงชินเสียงเรือ เสียงคนซะแล้ว เรือจะพาเราชมทัศนียมภาพของทะเลน้อย
ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวีถีชีวิตแบบชาวบ้านที่ออกมาทอดแหหาปลาในช่วงเช้า รวมถึงนกชนิดต่างๆ
นอกจากล่องเรือชมนก ทะเลน้อยยังมีไฮไลต์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ควายน้ำ” จริงๆนางก็เป็นควายบ้าน ของชาวบ้านเนี้ยะแหละครับ
หากแต่ควายน้ำเป็นควายเลี้ยงในพื้นที่ซึ่งมันสามารถปรับตัวไปตามแหล่งอาหารคือเมื่อน้ำในทะเลสาบทะเลน้อยลดต่ำไปจนถึงแห้งขอด
มีทุ่งหญ้าควายจะ ขึ้นมาและ เล็มหญ้ากินบนบก แต่เมื่อยามหน้าน้ำทะเลน้อยมีปริมาณน้ำสูงเจ้าควายพวกนี้มันก็จะปรับตัว เปลี่ยนมากินพืชน้ำอย่างสายบัว ใบบัว หรือสาหร่ายแทน
โดยมันจะพร้อมใจกันลงไปหากินภายในน้ำทำให้คนเรียกมันว่า “ควายน้ำ” การล่องเรือชมควายน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะ
โดยในช่วงน้ำหลากประมาณเดือน ธ.ค.-ก.พ. จะสามารถพบเห็นควายออกหากินในน้ำได้เป็นจำนวนมากกว่าช่วงน้ำน้อย
หลังจากอิ่มกับการนั้งเรือชมทะเลน้อยที่ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เราก็เริ่มหิวขึ้นมาทีเดียวเชียว ถึงนวลจะไม่ใช่คนชอบเดินตลาดสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธการเดินตลาด
และก็มีหลายๆตลาดที่ไปเดินแล้วชอบ (เช่นตลาดหัวมุม ที่นวลชอบไปนั้งกินน้ำมะพร้าวปั่นและฆ่าเวลาด้วยการส่องหนุ่มออฟฟิตกล้ามปู) รวมถึง “หลาดใต้โหนด” ที่ถือเป็นหนึ่งในตลาดนัดที่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ
หลาดใต้โหนดตั้งอยู่ใต้ดงต้นโหนดและต้นไม้ร่มรื่นในบริเวณ“บ้านนักเขียน” ซึ่ง“กนกพงศ์ สงสมพันธุ์” นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี 2539 (จากหนังสือรวมเรื่องสั้น“แผ่นดินอื่น”)
เกิดและเติบโตที่นี่ ก่อนจะจากโลกไปใน ปี พ.ศ. 2549 กลายเป็นหนึ่งในตำนานนักเขียนไทยกับฉายา “นักเขียนหนุ่มตลอดกาล”
หลาดใต้โหนดเกิดขึ้นด้วยแนวคิด “ตลาดสีเขียววัฒนธรรมชุมชนเพื่อสุขภาพ” พร้อมกับมีสโลแกนของตลาดว่า “ของกิน ของใช้ งานศิลป์ บ้านบ้าน” โดยได้นำผลผลิตท้องถิ่น
ผลผลิตตามฤดูกาลที่สอดคล้องกับวิถีป่า นา เล นิเวศชุมชนอันโดดเด่นของพัทลุง มาเป็นตัวชูโรง ร่วมด้วยการพยายามรื้อฟื้น อาหาร ขนม ของกินหายากในชุมชนที่กำลังจะสูญหายให้คืนกลับมา
สินค้าของขายของที่นี่บอกเลยว่า ไม่ธรรมดา อะฮ่า...ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอาหาร ขนม ของกินนี่ นวลกดไลค์รัวๆให้เลยคร้า
เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งมาเคยกินอาหารและขนมบางอย่างที่ตลาดแห่งนี้เป็นที่แรก แถมราคายังถูกเวอร์ ที่เก๋ไปกว่านั้นคือภาชนะที่ใส่ก็เน้นวัสดุจากธรรมชาติเป็นหลัก เช่น ใบตอง ใบไม้ ไม้ไผ่ กะลา
โดยชาวบ้านมีส่วนร่วมในการคิดค้นภาชนะ เรียกว่า ของกินบางอย่างกินแล้วยังเก็บภาชนะกลับไปเป็นที่ระลึกได้อีกด้วยนะครับ
เริสเวอร์..... นอกจากนี้ก็ยังมีพืชผักผลไม้พื้นบ้านตามฤดูกาล ปลอดสารเคมี อาหารพื้นบ้าน ขนมต่างๆ น้ำดื่มสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากกระจูด ผ้าทอพื้นบ้าน ของใช้พื้นบ้านทำมือต่างๆ
บอกเลยว่านอกจากจะได้ของกินอร่อยๆแล้ว เรายังได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอนเลยทีเดียว
ขนมหวานป้ากี้
มาถึงไฮไลท์สไตล์นวลกันแล้วนะครับ จะจากกันไปโดยไม่ฝากร้านเด็ดๆไว้ก็กะไรอยู่นะ 5555
ร้านขนมหวาน ป้ากี้ แห่งควนขนุน การันตีด้วยถ้าจอดรถหน้าร้านจะเห็นคนต่อคิวยิ่งกว่าแจกฟรีอีกนะเธอ หน้าร้านจะหม้อขนมหวานเรียงกันร่วมๆ 30 ลูก แบบว่าละลานตาดีต่อใจนวลสุดๆไปเลย
ถามว่ารสชาติดีแค่ไหน เอาเป็นว่าการันตีมาว่า 43 ปี บ้านขนมหวาน บ้านป้ากี้ยังคงคุณค่าความอร่อยจนกลายเป็นที่รู้จักและดังไปทั่วประเทศ
เจ้าของร้านชื่อคุณป้าเยาวณีย์ ตันชีวะวงศ์ เป็นที่รู้จักกันดีในนามชนมหวานป้ากี้ ใครที่ผ่านมาบ้านปากคลองเมื่อได้ลองชิมแล้วติดใจทุกคน
ป้ากี้เล่าว่าสูตรการทำขนมหวาน ได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณแม่ของป้ากี้เอง ขนมหวานป้ากี้นั่นรสชาติดี หอมหวานอร่อย และทำสดๆใหม่ๆ ทุกวัน
มีขนมหวานนานาชนิด จะมีขนมหวานเป็นสิบๆ อย่างให้ได้เลือกชิม ส่วนราคาบอกเลยว่ายิ่งกว่าได้กินฟรีอีกนะแกรรรรรรรรรรรร อร่อยเด็ดดีต่อใจนวลเวอร์
เป็นไงบ้างครับไปเที่ยวพัทลุงกับนวลมา 2 วัน 1 คืน ไปเปิดมุมมองการท่องเที่ยวแบบเจาะลึกกันเลยทีเดียวเชียว กินอิ่ม นอนอุ่น ฟินกับธรรมชาติสวยๆ หวังว่าคงจะชอบนะครับ
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกลา ไม่มีการเดินทางใดไม่มีจุดสิ้นสุด
ตราบใดที่ไข่มดแดงยังอยู่บนต้นไม้ และหน่อไม้ยังผุดจากดินฉันน์ใด
นวลจะกลับมาให้ความบันเทิงกับทุกๆท่านอีกครั้ง
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และทนอ่านจนจบนะครับ
หากมีข้อผิดพลาดประการใด มีการใช้วาจาไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกหลักภาษาไทยอย่างไร นวล ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณจากใจอีกครั้งครับ แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการนะครับ
การได้...เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตใครสักคน
การได้...รู้จักและเรียนรู้สิ่งต่างๆไปด้วยกัน,,,
การได้...เดินทางไปในกาลเวลาของกันและกัน
การได้...พบเจอคนที่เดินเคียงข้างไปกับเราในทุกๆความฝัน
อย่า...รีบร้อนเดินทางไปถึงฝั่งฝัน ใส่ใจข้างๆทางใส่ใจคนที่เดินข้างๆกัน
คำตอบ...ของการเดินทางคือ การพบเจอคำว่า"ความรัก"อย่างแท้จริง #การเดินทาง #ผู้ชายนวลๆ
อัลบั้มภาพ 164 ภาพ