"บุโหลน" เกาะลึกลับแห่งทะเลอันดามัน! คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้จัก
สวัสดีครับวันนี้แอดมิน สนุก ! ท่องเที่ยว ได้นำรีวิว เพจท่องเที่ยวของ Life with muay มาฝากกันครับครับ ในการเดินทางของพวกเขาจะพาเราไปที่ เกาะบุโหลน จังหวัด สตูล จะพาไปเที่ยวไหนบ้างต้องลองไปชมกันครับผม
และใครที่อยากติดตามผลงานสามารถเข้าไปกดติดตามได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/lifewithmuay/ รับรองว่าภาพสวยๆ รีวิวสุดเท่ห์ และความน่ารักของพวกเขาจะทำให้คุณประทับใจและอยากออกเดินทางอย่างแน่นอน
มาค่า วันนี้เราจะพามารู้จักกับเกาะลึกลับแห่งทะเลอันดามัน " บุ โ ห ล น "
พูดไปน้อยคนไทยนักที่จะรู้จัก แต่ชาวต่างชาติรู้จักกันมานานแล้ว
เกาะบุโหลนนี้อยู่ในเขตจังหวัดสตูล
เราหาข้อมูลมาพบว่าสามารถเดินทางได้จาก สนามบินกรุงเทพ-หาดใหญ่ แล้วนั่งรถสาธารณะเข้าเมือง ขึ้นรถตู้ต่อรถ มายังท่าเรือปากบารา ให้ทันเรือรอบ13.00
ที่เกาะนี้จะไม่มีไฟฟ้าตอนกลางวัน จะมีไฟฟ้าใช้เพียงช่วง18.00-06.00เท่านั้น
ทริปนี้เราจะนำ Huawei P9 มาถ่ายภาพทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากที่พวกเราเคยใช้ Huawei P9 รีวิวมาแล้ว 1 ครั้ง
ติดใจความ Leica ใน Huawei เลยต้องหยิบมาถ่ายรีวิวอีกกระทู้นึง พูดมากไปละ ไปลุยเกาะ บุโหลน กันเถอะ !!
เริ่มต้นกันแต่เช้าที่สนามบินนานาชิติดอนเมือง..
ถ้าให้ดีควรจองไฟลท์ ที่ออกจากกรุงเทพสัก6-7โมงเช้า
แต่ด้วยความเพี้ยนของหมวย.. หมวยจองผิดเดือน ทำให้เราพลาดรอบเช้า จึงต้องมารอบ9โมงกว่า
กว่าเครื่องจะถึงที่หาดใหญ่ก็ปาเข้าไป11โมงครึ่ง..
จากสนามบินไปยังท่าเรือปากบาราระยะทางร่วม100กิโล เราเหลือเวลาเดินทางอีก1ชั่วโมง30นาที กว่าจะเข้าไปต่อรถโน้นนี่ ไม่ทันชัวร์
เหมาแทกซี่สิจ๊ะ.. หมดกันอีก1,500บาทค่ะ ซิ่งไปค่ะพี่ชาย!!
แล้วแล้วเราก็มาทันที่ท่าเรือปากบารา เวลา12.55 ชนะค่ะ!
วิธีอื่นที่มาท่าเรือปากบาราคร่าวๆครับ
มีรถตู้จากสนามบินถึงท่าเรือ ราคาประมาณ 250-300 บาท(รู้สึกจะมีรถตู้รอบเดียวนะครับจากสนามบินตอน 8.30 ของทุกวันครับ)
(นี่คือภาพระหว่างทางบนรถ)
มีค่าเข้าท่าเรืออยู่ที่20บาทต่อคน
จัดการซื้อตั๋วเรือสปีดโบ๊ท ราคา450บาท ต่อขา ถ้าซื้อไปกลับ800บาท ก็.. 800บาทสิคะถามได้
จากนั้นทำการขึ้นเรือนั่งตรงมายังเกาะ
จากท่าเรือปากบารามายังเกาะบุโหลนแห่งนี้ ใช้เวลา30นาทีเท่านั้น
เท่าที่ดูแล้วในเรือจะมีแค่เราคู่เดียวเท่านั้นที่เป็นคนไทย
ขับมาใกล้ๆเกาะก็จะมี Taxi boatหรือที่เรารู้จักกัน เรือหางยาว.. มารับไปส่งตามจุดต่างๆ ราคาคนละ 50บาท
เราพักที่ Panka bay หรืออ่าวพังกาใหญ่ เค้าก็มาส่งถึงหน้าหาด
ที่พักเราก็ประมาณนี้ คืนละ800บาท
เราไปช่วงพระจันทร์เกือบเต็มดวง(13-14ค่ำ น่พจะขึ้นเยอะลงเยอะ ทำให้เรือไม่สามารถเข้าไปจอดได้ใกล้หาดมากนัก ต้องเดินนิดหน่อย)
พี่ที่เกาะเค้าบอกว่า ถ้าอยากมาเที่ยวทะเลน้ำจึ้นลงไม่เยอะให้มาช่วง6-9ค่ำ น้ำจะขึ้นลงไม่ต่างกันมากแหละ
Panka Bay ไม่มีน้ำอุ่นไม่มีแอร์นะจ๊ะ แต่ไม่ต้องห่วง อากาศเรียกว่าเย็นสบายเลย
พี่ๆที่นี่น่ารักมาก ต้อนรับเราดีมาก เค้าบอกว่าเนี่ย แทบไม่มีคนไทยมาพักเลย เพราะไม่ค่อยรู้จัก
ทริปนี้เรายกให้เป็นทริปพักผ่อนแห่งปี เราจะนอนและเดินเล่นเท่านั้น (แต่วันสุดท้ายจะไปดำน้ำนะ)
ที่เกาะนี้จะมีทั้งหมด5หาดที่เดินถึงดังนี้..
อ่าวพันกาใหญ่, อ่าวพันกาน้อย, หาดทรายขาว, อ่าวม่วง, อ่าวสบายใจ
ซึ่งเราไปเยือนมาหมดแล้ว!!(แต่ลืมถ่ายรูปอ่าวสบายใจ)
และในรูปนี้คือ..
อ่าวพันกาใหญ่(ที่เราอยู่เอง)
อ่าวนี้ส่วนมากจะเป็นหิน แต่ถ้าเดินไปข้างๆจะมีวิวพระอาทิตย์ตกด้วยแหละ น้อยคนนักที่จะรู้
สามารถเดินจากอ่าวหน้าที่พักเรา ตอนเย็นน้ำทะเลจะลดเราถึงจะสามารถเดินไปได้ จะมีทางขึ้นอยู่ค่ะ
ตอนที่เราไป มีเพื่อนร่วมดูพระอาทิตย์ตกเป็นชาวต่างชาติอีก3คน(จริงๆเค้าก็รุ่นน้าเราเลย)
มีคนนนึงคุยกับเราว่าเค้ามีที่นี่ทุกปี เป็นเวลา15ปีแล้ว พอถามเค้าว่ารู้จักที่นี่ได้ยังไง เค้าบอกพ่อเค้าเคยมา ตั้งแต่เมื่อ22ปีก่อนนู้น..
เหมือนเกาะนี้จะเป็นเกาะที่ชาวต่างชาติมาพัก แล้วจะพักต่อเรื่อยๆ เดินไปทางไหนก็จะเจอคนเดิมๆ
เราว่าน่ารักดี เหมือนเป็นสเน่ห์ของเกาะอีกแบบนึงเลย
----------------------------------------------------------------------------------
อ่าวพันกาน้อย
อ่าวนี้มีหินเหมือนกัน แต่อ่าวขนาดเล็กกว่าอ่าวใหญ่นิดนึง มีร้านขายยาด้วย(เหมือนจะเป็นที่เดียวบนเกาะ)
----------------------------------------------------------------------------------
หาดทรายขาว
ขาวจริงๆ เป็นหาดทรายที่กว้างที่สุดแล้ว เหมาะเล่นน้ำ นอนกลิ้ง อาบแดด อะไรก็ว่าไป..
ชาวต่างชาติจูงลูกหลาน คนคู่ข้างกายมาเดินเต็มไปหมด
มีปูลมด้วย เห็นกันมั้ย
หาดทรายขาวจริงๆนะ
----------------------------------------------------------------------------------
อ่าวม่วง
อ่าวนี้ส่วนมากจะเป็นที่อาศัยของชาวประมง
มีท่าเรือเล็กๆด้วย
ถ้าเดินตามทางหินด้านข้างไปสามารถเชื่อมกับหาดทรายขาวได้นะ
นอกจากนี้บนเกาะยังมีบาร์อีกด้วยนะ
นี่คือบาร์มะม่วง (mango bar) ตั้งอยู่ทางไปอ่าวม่วง
คนดูแลชื่อน้องบอน นางเป็นชาวอยุธยา ย้ายมาทำที่นี่เลย นางคุยสนุกดี ติสสุด(เราชอบบาร์นี้ที่สุดละ)
นี่คือบาร์มะพร้าว (coconut bar) บาร์นี้จะตั้งอยู่กลางๆเกาะ สามารถจิบไปดูดาวไปได้
ส่วนนี่บาร์ม็อกแม๊ก (moxmax bar) อยู่ทางอ่าวพังกาน้อย
เหมือนคนท้องที่ที่นี่ชอบมาสังสรรค์กันที่นี่แหละ
และนี่คือทางเดินเชื่อมกันในเกาะ เกาะที่นี่ขนาดไม่ใหญ่นักสามารถเดินถึงกันได้หมด แต่ถ้ามาตอนกลางคืนต้องพกไฟฉายไปด้วยนะ
ที่สำคัญ เกาะแห่งนี้เหมือนกับเป็นเกาะแมวก็ว่าได้ ไปทางไหนก็เจอแต่แมว แมว แมว!! เนื่องจากที่เกาะแห่งนี้เป็นชาวมุสลิมอยู่ทั้งหมด แต่เราแอบเจอหมาหลุดมา1ตัว..
ที่เกาะบุโหลนมีการเหมาเรือออกไปดำน้ำตื้นด้วยนะคะ
ค่าเรือจะอยู่ที่ 1800 บาท ต่อ4 คน แต่ถ้าเราไปไม่ครบ 4 คนก็ต้องหาตามจำนวนนั้นครับ เช่นอย่างเราไปกัน 2 คนก็ตกคนละ 900 บาทในการเหมาเรือ
จุดที่เค้าจะพาไปก็คือ.. หินขาว, เกาะบุโหลนไม้ไผ่, เกาะบุโหลนรัง, เกาะบุโหลนเล(เอาจริงๆนะ เหมาไป อยากไปไหนลองคุยกับพี่คนเรือดู เเราว่าน่าจะได้แหละ แต่ที่ว่ามา เราไปไม่หมดนะ)
จุดที่เราชอบที่สุดสำหรับทริปนี้คือ.. เกาะบุโหลนไม้ไผ่..
เป็นเกาะที่เรียกได้ว่าไม่มีคนเลย!! จัดการปูผ้า ทานข้าว(กล่อง)ที่เตรียมมา นอนพักนิดๆ..(แล้วก็บขยะกลับบ้านด้วยนะ)
ความพิเศษของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือ ช่วงประมาณ 5 ทุ่ม เราจะเจอกับปูเสฉวนบก เดินขึ้นเขาค่ะ แปลกมากพึ่งเคยเจอปูเสฉวนบกก็คราวนี้แหละค่ะ
และที่นี้คือที่ที่สมบูรณ์และสงบมากๆ อยากให้เพื่อนๆได้ลองแวะมากัน เมืองไทยมีที่เที่ยวดีๆเพียบค่ะ
อีกนิดนึงค่ะ.. เรือขาออกจากเกาะมีรอบเดียวตอน 9.00นะ ถ้าพลาดคือ รอไปอีกวันนึงได้เลย..
วิธีขากลับเช่นเดิมค่ะ ขึ้นเรือหางยาว ต่อสปีดโบ๊ท แล้วต่อรถตู้ได้เลยค่ะ(สามารถสอบถามจองได้จากที่พักด้วยนะคะ)
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ เจอกันใหม่ในทริปหน้าน้า
อัลบั้มภาพ 48 ภาพ