เมื่อผู้ชายนวลๆ ชวนไปตะลุยสามภูสองเขา
วันนี้ Sanook!Travel จะนำรีวิว สวยๆ ของคุณ นวลมาให้ชมกันไปตามดูกันครับว่าวันนี้คุณนวลจะพาทุกคนไปเที่ยวที่ไหน รับรองว่าสวยแน่นอน
ตอนที่ 1 เพราะรูปถ่ายใบเดียว
ในบ่ายวันศุกร์ต้นเดือนที่หลายๆคนเงินเดือนเพิ่งออกไปเมื่อวันสองวันที่แล้ว (นวลเองก็เช่นกัน) ทำให้ตลอดทั้งบ่ายนั้นนวลไล่เปิดเน็ตหาที่เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพฯ ตอนแรกก็กะว่าจะหนีไปนอนโง่ๆ มี่โฮมสเตย์แถวบางเลน
แต่พอไล่เปิดไปเปิดมา ดันไปเจอภาพหนึ่งที่แปลกตา พร้อมแคปชั่นที่โพสว่า "มุมลับๆที่ทับเบิก" ภาพนี้ครับ
(ขอบคุณภาพสวยๆจากเพจ Time Machine มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
ทำไมมุมนี้สวยเวอร์ นวลเองก็ไปภูทับเบิกมาหลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อนเลย ด้วยความอยากรู้จึง inbox ไปถามเจ้าของเพจที่นวลไปเจอรูปว่ามันอยู่ส่วนไหนของภูทับเบิกกัน
แล้วนวลก็ได้ก็ได้ตำแหน่งของมุมสวย ๆ มุมนี้มา หลังจากเลิกงานนวลก็รีบกลับห้องไปจัดกระเป๋า พร้อมออกเดินทางแล้ว
แต่ด้วยการเดินทางในครั้งนี้ จะพาไปเที่ยวแค่บนภูทับเบิกที่เดียว ก็คงจะไม่น่าสนใจเท่าไหร่เนอะ นวลเลยจัดเป็นเดอะรูท “เที่ยวเพชรบูรณ์” สองวันหนึ่งคืนแบบใสๆ ชิวๆ ไม่รีบเร่ง ไปตามหามุมถ่ายรูปสวยๆกัน
ตอนที่ 2 จากบางกอกสู่ทับเบิก
หลังจากที่กลับห้องเก็บกระเป๋าเสร็จ....นวลก็พร้อมออกเดินทาง จากกรุงเทพช่วงสี่ทุ่มกว่า ๆ นวลใช้เส้นทางสายสระบุรี-หล่มสัก
ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.กว่าๆก็ถึงจุดกางเตนท์ของภูทับเบิกครับ
ข้อควรระวัง
การเดินทางขึ้นภูทับเบิก ทางค่อนข้างลาดชันมากนะครับ ต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องอาศัยประสบการณ์ในการขับรถค่อนข้างสูง
แต่หากถ้าฝนตก หรือมีหมอกหนา นวลไม่แนะนำให้ฝืนขับรถขึ้นนะครับเพราะอันตรายมากเลยนะครับ นวลโชคดีที่ขาขึ้นไม่เจอฝนเลย มีแต่หมอกบางๆฟุ้งๆ ฟินเวอร์
ตอนที่ 3 เช้านี้ที่ทับเบิก
ด้วยความที่นวลขึ้นมาถึงก็เกือบตีสาม เลยไม่ต้องกางต๊งกางเตนท์อะไรละนอนในรถมันเลย
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือความหนาว มันหนาวมาก ๆ แค่ เปิดกระจกรถเพียงนิดเดียวก็หนาวจนสั่นเลยครับ
หลังจากที่ต่อสู้กับลมหนาวด้วยเสื้อแขนยาวบาง ๆ ตัวเดียวเกือบ ๆ สามชั่วโมงก็เช้าสักที และนี้คือภาพที่ได้เห็นเมื่อมองออกจากกระจกหน้ารถ
นวลขึ้นมาภูทับเบิกครั้งนี้ครั้งที่ 3 ละ แต่เพิ่งได้เห็นทะเลหมอกสวยๆแบบนี้ครั้งแรก เอาเป็นว่าไม่เล่าอะไรมากดีกว่า เพราะนี่คือรีวิวทับเบิกรอบที่ล้านของพันทิปแล้วมั้ง
เลยเอาภาพมาเล่าถึงความฟินที่นวลได้เจอดีกว่า
แอบมาบอก
จุดชมทะเลหมอกสวยๆนอกจากจะตรงหอบอกอุณภูมิตรงลานกางเตนท์แล้ว ลองเดินเลาะลงมาที่ริมผารีสอร์ทดูนะครับ จะได้บรรยากาศใกล้ชิดกับทะเลหมอกมากๆ บอกเลยว่าฟินสวดๆ
ตอนที่ 4 มุมสูงภูทับเบิกที่ภูแผงม้า
จากที่ฟินกับบรรยากาศทะเลหมอกสวยๆที่ภูทับเบิกแล้ว นวลจะพาไปฟินกับอีกหนึ่งจัดชมวิว จุดชมทะเลหมอก และจุดชมวิวภูทับเบิกที่สวยไม่แพ้กับภูทับเบิกเลยนะครับ
นั้นก็คือ “ภูแผงม้า”ภูแผงม้าเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าครับ ภูแผงม้าสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,775 เมตร
หากมองจากภูแผงม้าจะเห็นทิวเขาพร้อมกับถนนขึ้นภูทับเบิกที่เราขับขึ้นมานั้นแหละครับท่านผู้ชม
การเดินทาง...พอเราออกจากภูทับเบิกมาทางขวามมือเราจะมีด่านขึ้นอุทยานทางขวามือครับ
จ่ายค่าบำรุงอุทยานเสร็จก็ขับไปอีกแค่ประมาณ 200 เมตรเอง จะมีที่จอดรถทางซ้ายมือ แล้วเดินต่อไปชิวๆอีกประมาณ 400 เมตร เราก็จะถึงภูแผงม้าแล้ว
ภูแผงม้า มีลานกางเต๊นท์ด้วยนะแกร หากใครอยากมาพักตรงนี้
ลองสอบถามรายละเอียดกับทางอุทยานภูหินร่องกล้าได้นะจ๊ะ
ที่เบอร์ 055-356607, 081-596-5977
ตอนที่ 5 โรงเรียนการเมืองการทหาร
ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์การปกครองที่น่าสนใจของไทย ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า คงจะนึกถึง “โรงเรียนการเมืองการทหาร”
"โรงเรียนการเมืองการทหาร" แต่ก่อนเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนที่ใช้ฝึกอบรมศึกษาตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์ ในบริเวณนี้ประกอบไปด้วยฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายทหาร เป็นต้น
รวมทั้งหมดประมาณ 30 หลัง เป็นหมู่อาคารไม้ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้สีเขียวชอุ่ม
"โรงเรียนการเมืองการทหาร" เป็นอีกหนึ่งอนุสรณ์ประวัติศาสตร์การสู้รบที่เคยสูญเสียเลือดเนื้อของคนไทยกันเอง
เมื่อครั้งที่มีความคิดทางการปกครองขัดแย้งกัน ราว ปี พ.ศ. 2511-2525ที่แห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นในการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย จนเกิดการสู้รบกับทหารไทยจน ผกค. ถอนตัวและมีอันต้องแพ้พ่ายไป
ถ้าหากมาหน้าหนาวจะมีใบเมเปิลสีแดงๆ ร่วงเต็มพื้นเลยครับ ไว้หน้าหนาวนวลจะตามไปเก็บบรรยากาศมาฝากอีกรอบนะครับ
ตอนที่ 6 ลานหินปุ่ม – ผาชูธง - ลานหินแตก
"อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" ครอบคลุมพื้นที่สองจังหวัด คือ จ.พิษณุโลก และ จ.เลย ทางเข้าอุทยานสามารถเข้าได้สองทางคือ มาจากฝั่งภูทับเบิก
และอีกฝั่งหนึ่งก็ขึ้นทาง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เป็นอุทยานที่สามารถขับรถขึ้นไปเที่ยวได้ง่ายเวอร์ และที่ท่องเที่ยวจะกระจายตามสองฝั่งของถนน
คือแบบว่าไหนๆก็มาเที่ยวภูทับเบิกแล้ว ก็แวะขึ้นมาเที่ยวภูหินร่องกล้าต่อได้เลย
"เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง" เส้นทางนี้ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ระยะทางรวมๆประมาณ 3 กิโลเมตร และจะต้องเดินเท้าเข้าไป
แต่นวลแนะนำให้แวะเข้าไปเที่ยวกัน เพราะตลอดเส้นทางจะมีความหลากหลายของ พันธุ์ไม้ ดอกไม้ และลักษณะทางธรณีวิทยาที่หลากหลายแถมยังสวยแปลกตา
อีกทั้งยังมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์อีกด้วยนะครับ
เส้นทางนี้จะผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ได้แก่ สุสานนักรบ ลานหินปุ่ม ผาชูธง ลานอเนกประสงค์ สำนักอำนาจรัฐ และที่หลบภัยทางอากาศ
เส้นทางเดินนี้เดินได้ชิวๆไม่ลำบาก มีเส้นทางเดินที่ชัดเจน แต่ละจุดก็จะมีป้ายบอกชัดเจน ทางเดินช่วงแรกจะเป็นลานหินกว้าง และมีก้อนหินก้อนใหญ่สวยงามน่าอัศจรรย์
นวลเดินเล่น ชมความงามของธรรมชาติไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึง "ลานหินปุ่ม" ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา ลักษณะเป็นลานหินขึ้นเป็นปุ่มขนาดไล่เลี่ยกันจำนวนมาก
คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน และเป็นสิ่งที่บอกว่าลักษณะทางธรณีวิทยาที่ว่าในหลายล้านปีก่อน ดินแดนแถบนี้เคยอยู่ในทะเลลึกมาก่อน ที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแผ่นดินที่ราบสูงอย่างในปัจจุบัน
เดินมาอีกประมาณ 600 เมตรก็จะเจอกับ "ผาชูธง" หน้าผาสูงชัน ที่สามารถมองเห็นวิวไปสุดลูกหูลูกตา และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมากแห่งหนึ่งในอุทยานเลยนะครับ
ภาชูธงนี้ในอดีต ผกค. เคยใช้เป็นที่ชูธงแดงรูปฆ้อนเคียวทุกครั้งที่รบชนะฝ่ายรัฐบาล ปัจจุบันทางอุทยานเลยใช้เป็นธงชาติไทยติดเอาไว้เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น
"ลานหินแตก" ลักษณะเป็นลานหินขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 40 ไร่ บนลานหินจะมีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก แคบบ้าง กว้างบ้าง
สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ สันนิษฐานกันว่า อาจจะเกิดจากการโก่งตัว หรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว
ในสมัยคอมมิวนิสต์ ลานหินแตกจะเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่ใช้ต่อสู้กันด้วยนะครับ
ตอนที่ 8 มุมลับ ๆ ที่ภูทับเบิก
อย่างที่เล่าไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วนะครับว่าทริปนี้เกิดขึ้นเพราะรูปถ่ายใบเดียวจริงๆ นั้นก็คือภาพจากมุมนึงบนภูทับเบิก ที่นวลไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ
นวลขออนุญาตเรียกจุดนี้ว่า “มุมลับๆที่ทับเบิกแล้วกันนะครับ”
เขาเล่าว่าจุดนี้จะเป็นจุดสูงสุดของภูทับเบิกฝั่งซ้าย เมื่อยืนบนยอดจะเห็นแนวเขาสีเขียวๆไกลสุดลูกหูตา
ที่สำคัญคือลมเย็นมาก และเสียวมากขาสั่นไปหมดเลย
เห็นครั้งแรกนวลนึกถึงจุดชมวิว เนินมรณะที่ภูสอยดาวเลยมันฟินมาก
บนเนินจะมีกอหญ้าสีเขียๆที่เพิ่งเริ่มแตกกอหลังจากได้รับฝนไปหลายยก บอกเลยว่าสวยมาก และประทัปใจมากครับ
เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายภาพสวยๆที่เมื่อมาทับเบิกแล้วต้องแวะมาให้ได้นะครับ รับรองว่าฟินจนน้ำตาจะไหลกันไปเลยครับ
ตอนที่ 9 ตะลุยเขาค้อ
มาถึงทับเบิกแล้วจะไม่พูดถึงเขาค้อก็กะไรอยู่นะครับ ทริปนี้นวลเลยตั้งใจจะไปนอนเขาค้อดูบ้าง
เลยมีโอกาสได้แวะไปเที่ยวอีกสองที่สำคัญๆ นั้นก็คือวัดผาซ่อนแก้ว และ พระตำหนักเขาค้อ ครับ
"วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว"
ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ความโดดเด่นอลังการที่ไม่เหมือนใครนอกจากทิวทัศน์สวยๆ
ของทะเลภูเขารายรอบและทะเลหมอกสีขาว ก็คือ สีสันสดใสอันเกิดจากการนำกระเบื้องสีถ้วยชามเบญจรงค์มุกลูกปัดแก้วแหวนเงินทอง สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงามครับ
คำว่า “ผาซ่อนแก้ว” เป็นชื่อยอดเขาที่ได้มาจากคำบอกเล่าของชาวบ้านซึ่งมองเห็นลูกแก้วลอยลงมาจากฟ้าก่อนลับหายไปบริเวณถ้ำที่ยอดเขา
กลายเป็นความเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงมาและต่อมาก็เป็นที่ตั้งของ “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” พระพุทธรูปสีขาวซ้อนกัน 5 องค์
วัดเปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00น. – 17.00 น. นะครับ
“พระตำหนักเขาค้อ”
เป็นพระตำหนักที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่บนเขาย่า สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,100 เมตร
จัดสร้างโดยบรรดาข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ภายหลังการต่อสู้ด้วยอาวุธกับ ผกค.
สิ้นสุดลงแล้ว จึงได้รวบรวมทุนทรัพย์ ริเริ่มการก่อสร้าง พระตำหนักเขาค้อ ขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่ และเป็นที่ทรงงาน และแปรพระราชฐานมาประทับแรม
ในวโรกาสที่พระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมาตรวจเยี่ยมโครงการตามพระราชดำริ ในพื้นที่เขาค้อ
ภายในพระตำหนักประกอบด้วยอาคารเชื่อต่อกันลักษณะรูปวงแหวน มีเรือนข้าราชบริพารเป็นส่วนเชื่อมต่อกับพระตำหนัก อาคารมีลักษณะโค้ง 2 ชั้น ชั้นบนมี 2 ห้องใหญ่
ซึ่งเป็นห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ชั้นล่างประกอบด้วย ห้องพระราชทานเลี้ยง ซึ่งมีห้องครัวอยู่ทางด้านหน้า , ห้องเสวย , ห้องเข้าเฝ้า และห้องโถงใหญ่
“ทุ่งกังหันลม”
อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดแห่งเขาค้อที่สวยงาม ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเพชรดำ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อเข้ามาในบริเวณแคมป์สนเพื่อไปยังเส้นทางท่องเที่ยวหลักบนเขาค้อ
จะสามารถมองเห็นกำหันลมโดดเด่นได้อย่างง่ายได้ เนื่องจากจุดที่ตั้งของโครงการทุ่งกังหันลม อยู่บนเนินเขาสูง บนระดับความสูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 1,050 เมตร ตระหง่านบนแนวเขาเนื้อที่กว่า 350 ไร่
สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเขาค้อ และสามารถมองเห็นภูทับเบิกได้เลยนะครับ
ส่วนที่พักของนวลในครั้งนี้นวลแวะไปนอนที่ สีหมอกรีสอร์ทครับ เพราะได้ลายแทงจากเพื่อนมาว่าถ้ามาเขาค้อต้องมานอนที่นี้เลย บรรยากาศดีมาก และมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง
เพราะค่อนข่างห่างจากรีสอร์ทอื่นๆค่อนข้างไกล เขาเล่าว่าที่นี้เป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกเขาค้อที่สวยมากๆอีกแห่งหนึ่งเลยละครับ
ถึงแม้วันที่นวลไปพักจะเห็นเป็นหมอกแบบฟุ้งๆ แต่ที่มันเด็ดโดนใจคือ พอเปิดหน้าต่างออกไปกลุ่มหมอกก็ไหลเข้ามาในห้อง โอ้ยฟินไปอีก
เจ้าของรีสอร์ทบอกว่า ถ้ามาช่วงตุลา ถึงมกราคม แทบจะเห็นทะเลหมอกทุกวันเลยนะครับ
ส่วนใครอยากไปพักที่เดียวกับนวลก็สามารถสอบถามได้ที่นี่เลยครับ
https://www.facebook.com/seemokresort/?fref=ts
ตอนที่ 10 พระพุทธมหาธรรมราชา
ตอนขาขึ้นทับเบิกนวลขับรถผ่านตัวเพชรบุณร์ และมีโอกาสได้เห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่มีลักษณะค่อนข้างแปลกตาไปจากพระพุทธรูปจากที่อื่นๆ พอขากลับนวลเลยถือโอกาสแวะสักการะสักหน่อย
พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนชาวเพชรบูรณ์ ที่ระดมทุนก่อสร้างองค์พระด้วยเงินบริจาคกว่า 30ล้านบาท ด้วยแรงศรัทธาของชาวเมืองเพชรฯทั้งสิ้น
โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการเลย โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 9 เดือน
พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติฯ องค์พระหล่อด้วยโลหะทองเหลืองบริสุทธิ์ สูง 16.599 เมตร หน้าตัก 11.984 เมตร หนักกว่า 40 ตัน
เนื่องด้วยความอยากรู้ว่าการทำองค์พระขนาดใหญ่และรูปร่างแปลกตาได้ขนาดนี้ ต้องมีองค์พระจริงๆอยู่สิ นวลเลยไปถามป้าที่ดูแลดอกไม้ไหว้พระก็ได้ความว่า องค์จริงที่เป็นต้นแบบนั้น ประดิษฐานอยู่ที่ วัดไตรภูมิ
จะรอช้าทำไมละครับ ตามไปกราบสักการะกับนวลกันเลย
พระพุทธมหาธรรมราชา พระพุทธรูปศักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะลพบุรี หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน พระพักตร์กว้าง พระโอษฐ์แบะ ทรงเครื่องกษัตริย์
เป็นพระพุทธรูปที่ชาวเพชรบูรณ์ อัญเชิญไปประกอบประเพณี “อุ้มพระดำน้ำ” ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นประจำทุกปี
ตอนที่ 11 ร้านเด็ดประจำทริป
มาถึงร้านเด็ดประจำทริปของเราอีกแล้วนะครับสำหรับนวลแล้วเรื่องกินเรื่องใหญ่ เรียกได้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ท้องต้องอิ่มเพราะอาหารอร่อย
ร้านแรกที่นวลจะพาไปชิม คือร้าน “มะพร้าวลอยฟ้า” การันตีด้วย 25 ปีที่ขายมา ถ้าถามหาร้านนี้กับคุณเพชรบูรณ์รับรองว่าคนเมืองเพชรฯต้องรู้จักแน่ๆ
เมนูเด็ดคงหนีไม่พ้นวุ้นกะทิโบราณที่ใส่มาในลูกมะร้าวรสชาติหอมหวาน และน้ำมะพร้าวเกล็ดหิมะที่หอมหวานชื่นใจคลายร้อนได้ดีสุดๆเลยละครับ นวลไปช่วงเที่ยงๆพอดี ต้องต่อคิวกันเลยทีเดียวครับ
ร้านที่สองต้องร้านนี้ “เจ๊เบี้ยวหนองไผ่” ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆขนาด หนึ่งคูหาข้างที่ว่าการอำเภอหนองไผ่ ที่บรรยากาศแบบชาวบ้านๆ แต่แม่เอ้ยตอนนวลไปถึงเต็มทุกโต๊ะนาจาว่าไม่ได้
นวลต้องไปยืนต่อคิวกว่า ครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้กิน เมนูเด็ดที่ได้มาจากลายแทงคือ “บะหมี่เย็นตาโฟ” ที่เด็ดก็คือ เส้นบะหมี่เหลือง เจ๊เบี้ยวทำเองนะจ๊ะ ทำสดๆทุกวัน และวัตถุดิบทุกอย่างทำเองทั้งหมด น้ำเต้าฮู้ยี้ก็เคี่ยวเองเลย
บอกได้คำเดียวเลยนะครับว่าเป็นเย็นตาโฟชามที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เกิดมา มันพอดีไปทุกๆอย่างทั้งเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่ม น้ำซุปหวานละมุนลิ้น ซอสเต้าฮู้ยี้อมเปรี้ยว และเครื่องที่ให้มาแน่นๆแบบล้นชาม
ทานคู่กับแคบหมู และเกี๊ยวกรอบ นะฟินมากบอกเลย สนนราคาที่ชามละ 30 บาท ตายไปเลยคร้า (ราคาแบบว่าอยากเอาไปให้ป้าร้านก๋วยเตี๋ยวปากซอยดูว่า นี่ป้าของป้า70บาทยังได้น้อยกว่านี้อีกเลย)
ตอนที่ 12 เขาพระยาเดินธง
ก่อนกลับเลยแวะอีกหนึ่งเขาที่ใกล้ๆกรุงเทพฯ และอยู่บนเส้นทางหลักสระบุรี-หล่มสักพอดีเลย นั้นก็คือเขาพระยาเดินธง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
ทางค่อนยังเป็นลูกรัง และค่อนข้างลาดชัน ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษสักหน่อยบนเขาพระยาเดินธงเป็นที่ตั้งของที่พักสงฆ์ ของวัดหนองนา
นักท่องเที่ยวสามารถมาพักค้างแรมได้โดย เตรียมเต็นท์มากางนอนกันได้ มีห้องน้ำสำหรับอำนวยความสะดวก ที่นี่เหมาะแก่การมาทำบุญพักผ่อนสงบๆและชมวิวมุมสูงของเขื่อนป่าสักฯ และมองเห็นทางรถไฟกลางน้ำด้วยนะครับ
ที่สำคัญคือจอดรถแล้วเดินไมถึง200เมตรก็ถึงจุดชมวิวสวยๆแล้วจ้า นวลเองก็มาอยู่แถวๆเขื่อนป่าสักฯตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นวิวเขื่อนสวยๆแบบนี้มาก่อนเลย คุณยายบอกว่าต้องมาชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าจะฟินกว่านี้อีก
ตอนที่ 13 จบแล้วน่า
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกลา ไม่มีการเดินทางใดไม่มีจุดสิ้นสุด ตราบใดที่ไข่มดแดงยังอยู่บนต้นไม้ และหน่อไม้ยังผุดจากดินฉันน์ใด
นวลจะกลับมาให้ความบันเทิงอีกครั้งนะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตาม และทนอ่านรีวิวไร้สาระนี้จนจบนะครับ