รีวิวเส้นทางไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ ด้วยรถเมล์ฟรี ต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา!!
![รีวิวเส้นทางไหว้พระ 9 วัดในกรุงเทพ ด้วยรถเมล์ฟรี ต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา!!](http://s.isanook.com/tr/0/ud/280/1404933/efewf.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำบุญทั้งหลาย ใกล้เข้าสู่ช่วงเข้าพรรษาวันหยุดยาวแล้ว หลาย ๆ คนอาจกำลังวางแผนเดินทางเพื่อไปแสวงบุญตามที่ต่าง ๆ
แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ไปไหนหรือไม่ได้เดินทางไปต่างจังหวัด คุณก็สามารถทำบุญ 9 วัดได้แบบประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังได้เที่ยวแบบฟรี ๆ ในเส้นทางไหว้พระ 9 วัด ด้วยรถเมล์ฟรีนั่นเอง
ข้อดีของการอยู่กรุงเทพในช่วงเทศกาลคือรถไม่ติด เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลว่าหากเดินทางไหว้พระ 9 วัดด้วยรถเมล์แล้วจะเจอปัญหารถติด
รับรองว่าเต็มอิ่มจุใจ ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งเที่ยว ภายในวันเดียว ก็สามารถมีความสุขได้เช่นกัน เราไปดูกันว่า เส้นทางไหว้พระ 9 วัดด้วยรถเมล์ฟรีมีไปที่ไหนกันบ้าง
โดยต้นสายจะเริ่มต้นที่สถานีขนส่งหมอชิต แล้ววิ่งออกไปสู่อนุสาวรีย์ และวิ่งวนรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อเยี่ยมชมวัดต่าง ๆ ทั้ง 9 วัด รถออกจากหมอชิต 2 เวลา คือ 8.00 - 17.00น.
1.วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
เริ่มต้นที่แรกกันด้วยวัดเบญมบพิตร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด เดิมชื่อ วัดแหลม หรือ วัดไทรทอง
ภายหลังได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร ซึ่งหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้
ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน และมีกลิ่นอายของรัตนโกสินทร์คงไว้อยู่ถึงปัจจุบันจริง ๆ
2.วัดสามพระยา วรวิหาร
วัดสามพระยา เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ชาวบ้านในละแวกนั้นบ้างก็เรียกชื่อวัดว่า วัดสัก หรือ วัดบางขุนพรหม สันนิษฐานว่า สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ถือเป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยพี่น้องร่วมบิดามารดา ประกอบด้วย พระยาราชภักดี (สิงห์ทอง) พระยาเทพอรชุน (ทองปาน) และพระยาราชวรานุกูล (ทองคำ) รวมสามคนพี่น้อง
ตามประวัติ บิดาท่านชื่อ มะทอเปิ้น อพยพมาจากรามัญประเทศ แต่ มารดาท่านไม่ปรากฏนาม พี่น้องทั้งสาม ได้จัดสร้างวัดนี้ขึ้นใหม่ แล้วเสร็จจึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นวัดหลวง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มอบพระราชทานนามวัดว่า “วัดสามพระยา”
3.วัดบวรนิเวศวิหาร
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก โดยความสำคัญของวัดนี้คือเป็นที่นี่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 4 พระองค์
ในด้านสถาปัตยกรรมวัดบวรนิเวศวิหารมีสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ 2 องค์เป็นพระประธาน คือ พระพุทธสุวรรณเขต (หลวงพ่อโต) ที่อัญเชิญมาจากวัดสระตะพานจังหวัดเพชรบุรี
และพระพุทธชินสีห์ อัญเชิญมาจากวิหารทิศเหนือ วัดพระศรีรนัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก ใต้ฐานพุทธบัลลังก์ พระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร
เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเคยผนวช ณ วัดนี้เมื่อยังทรงดำรงพระอิสริยยศที่สยามกุฎราชกุมาร
4.วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
วัดชนะสงคราม เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยาไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง เดิมเรียกว่าวัดกลางนา ต่อมาถูกยกสถานะเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์
มีปูชนียสถานที่สำคัญอย่าง พระประธานในพระอุโบสถ มีนามว่า พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแล้วบุด้วยดีบุกลงรักปิดทอง
ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 3.50 เมตร ประดิษฐานบนฐานสูง 1.30 เมตรมีพระอัครสาวกซ้ายขวานั่งประนมมือ 2 องค์ เป็นพระปูนปั้นเช่นกัน
และ เจดีย์ทรงจอมแห 2 องค์ อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถและเจดีย์ทรงกลม 2 องค์อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นต้น
5.วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์ชื่อวัดสลัก สร้างในสมัยอยุธยาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เมื่อทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี เป็นวัดที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาเพราะเป็นสถานที่ทำสังคยานาในปี พ.ศ.2331 และเป็นที่ประทับของพระสังฆราช
นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่เป็นที่พระราชทานเพลิงพระบุพโพเจ้านายซึ่งดำรงพระเกียรติยศสูง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกด้วย
6.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
วัดโพธิ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย
เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551
และวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำโลกในทะเบียนนานาชาติ
นอกจากนี้วัดโพธิ์ยังถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ ในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว
วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นลำดับที่ 24 ของโลก ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155,000 คน
7.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
วัดพระแก้ว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกของไทย เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาร่าชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2325
เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต
พระคู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดินสยามที่พบ ณ วัดป่าเยี้ยะ(ป่าไผ่) จ.เชียงราย
ภายในวัดจะมีจิตรกรรม ปฏิมากรรม และสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง เป็นวัดที่ชาวโลกต่างยอมรับในด้านความงดงามของศิลปะ
และเป็นจุดมุ่งหมายที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักจะมาเยี่ยมชมหากเดินทางมาประเทศ ไทย ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของไทยจริง ๆ
8.วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใน พ.ศ.2350 เดิมพระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างพระวิหารขึ้นก่อนเพื่อประดิษฐานพระศรีศากยมุนี (พระโต) ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัยพระพุทธตรีโลกเชษฐ์
ในด้านสถาปัตยกรรม พระอุโบสถของวัดสุทัศน์ จัดว่าเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย พระประธานภายในพระอุโบสถ คือ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ทั้งพระอุโบสถและพระประธานนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ผนังด้านในของพระอุโบสถมีภาพจิตกรรมฝาผนังฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 3 ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นซุ้มยอดเจดีย์ มีลักษณะแปลกตาและงดงามมาก
ภายในพระวิหารมีภาพวาดบนเสาด้านข้างขององค์พระศรีศากยมุนี มีรูป เปรต ตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่และมีพระสงฆ์กำลังยืนพิจารณาสังขาร ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เรียกได้ว่าใครไปวัดสุทัศต้องไปชมภาพเปรตนี้
9.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหารตั้งอยู่ริมคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ
ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี
และปูชนียสถานที่สำคัญของวัดสระเกศอันเป็นที่โด่งดังไปทั่วนั่นก็ คือพระบรมพรรพต หรือ ภูเขาทองที่ประชนชาวไทยนับถือนั่นเอง
ใครที่กำลังหาโปรแกรมท่องเที่ยวและทำบุญสำหรับช่วงเข้าพรรษานี้ โปรแกรมการไหว้พระด้วยรถเมล์ฟรีนี้เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่่น่าสนใจ
คุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมของเกาะรัตนโกสินทร์อย่างครบถ้วน ที่สำคัญยังไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ