ทริปชวนฝันสวรรค์ลาวใต้!!
"ลาวใต้" ชื่อนี้กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่อย่างมากนากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ เนื่องจากความสวยงามและอลังการของธรรมชาติในลาวใต้นี้
จึงเป็นสาเหตุให้ผู้คนพากันไปชื่นชมความงดงาม วันนี้ Sanook! Travel จะนำพาทุกคนไปติดตามรีวิวดี ๆ จากคุณ ผู้ชายนวล ๆ ที่จะพาทุคนไปเที่ยวชมความงามของลาวใต้กัน
“สะบายดี”
มาแล้วจ้า นวลกลับมาแล้ว จำเสียงแจ๋วๆของนวลได้ไหม วันนี้นวลจะพาไปเที่ยวแบบรูทยาวๆกันบ้างดีกว่า หลังจากที่พาไปเที่ยวรูทสั้นๆกันมาบ่อยแล้ว
กับการเดินทางแบกกระเป๋าข้ามไปเที่ยวลาวใต้ ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น “สวรรค์แห่งอาเซียน”
ทริปนี้บอกเลยว่านวลใช้เวลาไปลุยถึง 4 วัน 3 คืน นวลใช้เวลาในการแพลนทริปลาวใต้ครั้งนี้เพียง3วันก่อนการเดินทาง แบบว่าวางคร่าวๆไปก่อน เพราะไม่อยากไปงมเอาที่โน้น
ทริปนี้เรียกได้ว่าสร้างอีกมุมมองในการเดินทางออกไปเที่ยวเองในต่างแดนอีกครั้ง มีสิ่งแปลกใหม่ให้เจอมากมาย ทั้งตื่นเต้น สนุก และมันส์มาก
และที่ขาดไม่ได้คือความเขียวของต้นหน้าฝน เรียกได้ว่าก้นแฉะตลอดทั้งทริปเลยทีเดียวเชียวละ
นวลจะฟินกับสวรรค์ลาวใต้สักแค่ไหน และนวลมีอะไรมาเล่าบ้าง ตามนวลมาเลยครับ
1. จากบางกอกถึงปากเซ
ทริปนี้นวลเดินทางในคืนวันศุกร์หยุดยาวช่วงเข้าพรรษาจ้า
ในเย็นวันฝนตก รถติดนรกแตก แม่เจ้านวลต้องลงBTSหมอชิต และนั่งวินตากฝนไปหมอชิต
เกือบตกรถเลยจ้า ทั้งเปียกทั้งคนเยอะ เลยไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศความโกลาหลมาฝากเลย
ตามตารางการเดินทางจริงนวลต้องถึงอุบลฯตอน แปดโมงเช้า แต่นวลไปถึงอุบลเกือบเที่ยงจ้า(แผนเลื่อนตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยครับ)
หลังจากถึง อุบลฯ ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็จองตั๋วรถตู้ไปช่องเม็ก ในราคาคนละ 100 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
จุดไฮไลท์การข้ามด่านช่องเม็กไปฝั่งลาวก็คงเป็นอุโมงค์ลอดใต้ดิน ประมาณว่ามุดฝั่งไทย แล้วไปโผล่ฝั่งลาวไรงี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาสร้างเพื่อจุดประสงค์ไหน
เพราะตอนขากลับเขาปิดอุโมงค์ทำความสะอาด นวลก็สารถเดินตัดข้ามกลับมา ตม.ช่องเม็กได้ง่ายกว่ามุดอุโมงค์นี้อีก
การข้ามแดนไม่ค่อยยากนะครับ เนื่องด้วยเราสื่อสารกันค่อนข้างง่าย นวลก็พูดอีสานสำเนียงแต้วพอได้ งูๆปลาๆปลาร้าปลาแจ่วอยู่บ้าง พอเอาตัวรอดได้เด้อพี่น้อง
พอออกจาก ตม. ฝั่งลาวเสร็จ ก็ให้เดินทะลุตามถนนไปเรื่อยๆ ก็จะมีคนขับรถตูมาคอยต้อนรับตลอดเวลา “ปากเซบ่ ปากเซบ่” ราคาปกติก็ประมาณคนละ 200 บาท
นวลนั่งไปกัน 4 คนก็โดนไป 800 เขาออกรถเลย ไปส่งเราที่ปากเซเลย ลุงคนขับรถน่ารักครับ ชวนคุยตลอดทางเลย
ใช้เวลาเดินทางจากช่องเม็กไปปากเซ ประมาณ 45 นาทีเองครับ ไปถึงก็ราวๆบ่าย3กว่าๆ ด้วยที่นวลอ่านรีวิวในพันทิปมา
ว่าที่พักในปากเซราคาถูกและค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่แบคแพคคือ โรงแรมลานคำ ลุงคนขับรถก็ใจดีพาเราไปส่งถึงที่เลย
พอไปถึงเราก็เชคอิน และแพลนแรกที่เราจะไปคือวัดพูจำปาสักก่อน แต่ฝนเจ้ากรรมก็ดันมาตกเสียก่อน เลยต้องพับแผนนี้ไปอีก...
เลยเปลี่ยนแผนว่า จะออกไปขับรถเล่นในตัวปากเซ และไปเก็บแสงเย็นสวยๆ ที่วัดภูเสลาแทน
2. สะบายดีปากเซ
อย่างที่บอกว่าการเดินทางครั้งนี้เราไม่ได้วางแพลนอะไรไว้มาก นอกจากตั๋วรถไปกลับ บางกอก-อุบลฯ ทำให้เราต้องวอคอินหาที่พักกันเอง
สำหรับคืนแรกในเมืองลาว นวลพักที่ “ลานคำ” ครับ สนนราคาราคาที่ 90000 กีบ หน้าตาของโรงแรมและห้องก็จะประมาณนี้ครับ
อ้อ....นวลลืมบอกไปว่าอย่าลืมแลกเงินกีบไว้ใช้ด้วยนะครับ ให้แลกที่ปากเซแหละ ได้ราคาที่ 10 บาท = 250 กีบ ถ้าไปแลกที่อื่นจะแพงกว่า
หลังจากฝนหยุดก็ปาเอาไปเกือบ 5 โมงเย็นจ้า สิ่งแรกที่นึกขึ้นกันได้คือต้องไปหาอะไรกินกันก่อน เพราะเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่เช้า
แต่ก่อนจะออกไปหาไรกินได้ เราต้องไปหาเช่ามอไชด์เพื่อที่จะพาเราไปแว๊นรอบปกเซก่อนเนอะ
สนนราคาเช่ามอไชด์ก็ประมาณ 50000กีบต่อวันครับ
หลังจากที่ได้รถแล้วเราก็แว๊นตระเวนชมเมืองปากเซกันก่อนเลย บรรยากาศของปากเซก็จะประมาณบรรยากาศของเมืองในต่างจังหวัดของไทยเลยครับ ประมาณเมืองเลยอะไรทำนองนั้น
หลังจากตระเวนชมเมืองปากเซอย่างจุใจเราก็มาจบกับกับข้าวมื้อแรกที่หากเซ กับร้านนี้เลยครับ ร้าน น.แป ร้านอาหารแบบชาวบ้านๆเป็นเพิงหมาแหงนข้างทาง
และนี้คือเมนูที่เราสั่งมากินกันครับ มีส้มตำ หมูย่าง และย่างรวม พร้อมข้าวเหนียวร้อนๆสองกระติ๊บ อ้อยังมีแหนมคลุกอีกเมนูนึง
เมนูเด็ดคงต้องยกให้ไส้ย่างเลยครับ ที่เอาไส้มาใส่ไส้ไข่แล้วเอาไปย่าง ตัวใส่กรอบๆหน่อยตัวไข่นิ่มๆหอมๆ อร่อยเวอร์ ไม่เคยกินมาก่อน
ส่วนนี้คือแหนมคลุกครับ ไม่รู้ว่าภาษาลาวเขาเรียกว่าไรนะ แต่วิธีกินคือ เอาใบชะพลูมาห่อใส่ขนมจีน แหนมคลุกและน้ำจิ้ม รสชาติจะออกหวานๆมันๆ อร่อยเวอร์ ไม่เผ็ดเหมือนแหนมคลุกป้าตลาดแถวบ้านเลย
หลังจากกินข้าวเสร็จก็เริ่มแดดร่มลมตก เราก็แว๊นมอไชด์ไปกันต่อที่วัดภุเสลาเลยครับ
ทางขึ้นวัดภูเสลาจะมีบันไดให้เดินขึ้นนะครับ แต่ว่านวลไม่จ้า เก็บแรงไว้วันพรุ่งนี้ดีกว่า
นวลแว๊นมอไชด์วนขึ้นไปจอดบนวัดเลยจ้า
3. เย็นนี้ที่ภูเสลา
วัดภูเสลา ถือว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่มีวิวแม่น้ำโขง และตัวเมืองปากเซเป็นฉากหน้าที่สวยอีกที่นึงเลยครับ
บนวัดภูเสลาประดิษฐสถานพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ศิลปะลาว เป็นแลนด์มาร์ค คือถ้าเราอยู่ในตัวเมืองปากเซเราก็สามารถมองเห็นพระพุทธรูปนี้ได้
วิวเมืองปากเซจากวัดภูเสลาครับ
นวลใช้เวลาอยู่บนวัดภูเสลานานพอสมควร แต่ด้วยไม่ชินเส้นทางจึงไม่ได้อยู่ถึงแสงทไวไลท์ เพราะกลัวกลับไม่ถูก
4. ปากเซถึงนากระสัง
วันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้นวลจะเดินทางไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของมหานทีสี่พันดอน และไปชมความยิ่งใหญ่ของคอนพะเพ็ง และข้ามโขงไปนอนดอนเดด ชมอีกหนึ่งคอนแม่น้ำโขงอย่างหลี่ผี ครับ
มื้อเช้าของวันนี้เราจัดบะหมี่ร้านตรงข้ามกับโรงแรมลานคำที่เราพักเลย
หน้าตาของบะหมี่ก็จะประมาณนี้ครับ เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มดี รสชาติรวมๆก็ค่อนข้างโอเค ได้ขาเป็ดโตๆ สนนราคาชามละ 80 บาทนะจ๊ะ ต้องบอกก่อนว่าอาหารการกินที่ปากเซไม่ได้ถูกเลยน้า
เราจองรถตู้ไปนากระสังจากที่โรงแรมเลยครับ สะดวกดีรถมารับถึงหน้าโรงแรมเลยประมาณ8โมงนิดๆ
รถตู้ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.กว่าๆ ก็ถึงนากระสังครับ
เราก็ไม่รอช้า ติดต่อจ้างรถสามล้อไปส่งเราที่คอนพะเพ็งเลย
นี่คือพ่อใหญ่ขัน ครับ โซเฟอร์สุดหล่อที่จะพาเราไปคอนพะเพ็ง
สนนราคาที่ 200000 กีบ ใช้เวลารวมๆประมาณ 2 ชม.ครับ
5. วิถีชาวนา
ระหว่างทางไปคอนพะเพ็ง นวลเหลือบไปเห็นข้างทาง ป้าๆเขากำลังช่วยกันถอนกล้าข้าวอยู่เลย
นวลเลยให้พอใหญ่ขันจอดให้เราลงไปเก็บภาพสักหน่อย เลยนำภาพบรรยากาศการถอนกล้ามาฝากครับ
วิถีชาวนาแบบนี้หาชมได้ยากแล้วนะครับเดี๋ยวนี้ ดีใจมากที่นวลยังมีโอกาสได้เห็น
6. คอนพะเพ็ง ราชาแห่งมหานทสี่พันดอน
มาถึงไฮไลท์แรกของสวรรค์ลาวใต้แล้วนะครับ กับ “คอนพะเพ็ง”
คอนพะเพ็งเป็นแก่งที่อยู่กลางแม่น้ำโขงครับ ถ้ามาช่วงหน้าฝนแบบนวลหรือฤดูน้ำหลาก น้ำจะออกเป็นสีน้ำตาล และมีปริมาณมาก จะเห็นแก่งต่างๆไม่ค่อยชัดเจนนะครับ
แต่จะเห็นความยิ่งใหญ่ของปริมาณน้ำมหาศาลที่ไหลผ่าน แบบว่าขนาดอยู่ปากทางเช้ายังได้ยินเสียงน้ำตกเลยครับ
อัตราค่าเข้าจะอยู่ที่คนละ 55,000กีบครับ มีรถให้บริการจากทางเข้าไปตรงคอนเลย
มันยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือจริงๆนะครับ ด้านบนจะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปกัน แต่นวลมาทั้งทีแล้ว เราลงไปข้างล่างเลยดีกว่า
ตามสถิติที่เคยบันทึกไว้ ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านคอนพะเพ็งสูงถึง 11,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเลยนะครับ
ด้วยความที่เป็นเกาะแก่ง นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้วยังเป็นแหล่งหาปลาของชาวประมงพื้นบ้านด้วยนะครับ
ข้อควรระวังอีกอย่างนึงคือ ด้วยฤดูน้ำหลากปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงค่อนข้างสูงและเชี่ยวกราก ยังไงก็ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยนะครับ
7. ข้ามโขงไปนอนดอดเด็ด
หลังจากที่ฟินกับความยิ่งใหญ่ของคอนพะเพ็งแล้ว เราก็เดินทางกลับมายังนากะสัง เพื่อที่จะนั่งเรือข้ามฝากไปยังดอนเด็ด ที่พักของเราในคืนนี้ครับ
ท่าเทียบเรือข้ามไปดอดเดด ดอนคอน ครับ
ตั๋วข้ามไปดอนเดดจะอยู่ที่คนละ 15,000 กีบ ครับ
นั่งเรือประมาณ 10 นาทีเราก็ถึงแล้วครับดอนเดด
ระหว่างเดินหาที่พัก ด้วยความที่อยากจะนอนติดน้ำโขงเลย เราเลยมาได้ที่นี่ครับ “หนูพิด”
สนนราคาที่พักคืนนี้ของเรา อยู่ที่ 40,000 กีบครับ ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 140 บาท ไม่มีแอร์นะครับ บ่ายๆอาจจะร้อนหน่อยๆ แต่กลางคืนเย็นสะบายมาก
วิวจากหน้าห้องครับ มีเปลให้นอนอ่านหนังสือด้วย ฟินไปอีก
8. ชิลดีที่หลี่ผี
หลังจากเก็บของและอาบน้ำเสร็จเราก็ออกมาเช่าจักรจานปั่นไปหลี่ผีกันต่อ
จักรยานเช่าจะอยู่ที่คันละ 10,000กีบครับ ความดีงามมันอยู่ที่ว่าเราค่อยๆปั่นไปเลาะไปตามบ้านคนที่เรียงรายไปตามลำน้ำโขง
ตลอดสองข้างทางจะเป็นทุ่งนาที่เพิ่งไถไป เตรียมพร้อมที่ลงกล้าปักดำกันแล้ว
ที่ตื่นเต้นไปกว่านั้นคือ เรายังสามารถเห็นการใช้ควายไถนาอยู่เลย นวลจำได้ว่าเห็นครั้งสุดท้ายตอนที่เป็นเด็กๆแล้วอะ
ตอนแรกคิดว่าจะชิวๆแกเอ้ยเหนื่อยขาลากเลยขอบอก ด้วยเพราะนวลดันมาช่วงหน้าฝนไงถนนก็เละสิจ๊ะ....ปั่นจนขาลากเลย
ถึงแล้วหลี่ผี อีกหนึ่งแก่งแม่น้ำโขงที่สวยงามไม่แพ้กับคอนพะเพ็งเลยครับ
ที่มาของชื่อหลี่ผี ก็คือ สมัยสงครามมีศพทหารลอยมาตามแม่น้ำโขง และมาติดตามหลี่(เครื่องมือหาปลาชนิดนึง) ชาวบ้านจึงเรียกสถานที่นี้ว่าหลี่ผี
ชาวบ้านบอกว่าถ้ามาช่วงปลายปี น้ำจะใสและสวยมาก แต่นวลว่าน้ำหลากๆแบบนี้ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบนึงนะ
นวลอยู่จนเก็บแสงเย็นมาแต่ก็น่าเสียดายที่ฟ้าไม่เป็นใจเลย เลยตัดสินใจกลับกันก่อนเลย
ด้วยความหิวมากนวลเลยปั่นจักรยานมาด้านหน้าของดอนเดด
มีโอกาสได้นั้งพูดคุยกับ พี่เวียง เจ้าของร้านอาหารที่ท่าเรือ และพี่ก๊อตผู้ที่รับอาสาพานวลไปเที่ยวอีกที่นึงของดอดเดดที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปกัน
คุยกันไปคุยกันมา พี่เวียงก็ยกสำรับกับข้าวมาต้อนรับกันเลย มีปลาแม่น้ำโขงย่างหอมๆ และป่นกบนารสแซบเวอร์ เอาข้าวนึ่งฮ้อนๆบายละเป็นตาแซบคัก ยาวไปพี่น้องยาวไป....
9. มันอีหลีที่คอนปลาสร้อย
จากเมื่อคืนเราได้เพื่อนใหม่ชาวดอนเดดพี่ก๊อตและพี่เวียง เช้าวันนี้แกเลยรับอาสาพาเราไปเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่เด็ดของดอนเด็ด นั้นก็คือ คอนปลาสร้อย
ทางค่อนข้างลำบากนะครับ ต้องใช้รถจักรยานหรือมอไชด์เข้าไป
แบบว่าต้องขับผ่านทางไปนาของชาวบ้าน ลัดเลาะไปเรื่อยๆ สำหรับคนที่ไปกันเองก้ไม่ต้องกลัวหลงนะครับ มีป้ายให้เห็นเป็นระยะๆ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30นาที เราก็ถึงคอนปลาสร้อยครับ
ทางเข้าคอนปลาสร้อยจะต้องข้ามสะพานแขวน ที่เสียวคือช่วงน้ำหลากมันจะหวิวๆหน่อยนะครับ เดินไปขาสั่นไป ตกไปนี้คือไม่รอดแน่ๆ
ทางที่ต้องเดินเข้าไปก็จะเป็นทางเล็กครับ ไม่ต้องกลัวหลงนะ มันมีรอยทางคนเดินให้เห็นชัดพอสมควรเลย
เดินมาสัก 10 นาที เราก็จะถึงคอนปลาสร้อยครับ พี่ก็อตเล่าให้ฟังว่า ถ้ามาช่วงหน้าแล้งน้ำจะเป็นสีฟ้าสวยเลย มีหาดทรายให้ลงไปเล่นน้ำได้ และสามารถเดินข้ามฝั่งไปอีกฝั่งได้เลย
มุมด้านบนของคอนปลาสร้อยมีแอ่งน้ำให้เราลงไปเล่นน้ำได้นะครับ แต่น้ำมันสีไม่น่าลงไปเลยจริงๆ เลยให้หน่วยกล้าตายลงไปแทนครับ
ก่อนกลับเลยขอเก็บภาพกับสะพานแขวนสักหน่อยนะค้าบ เสียวมากบอกเลย
เราจองรถขากลับปากเซไว้รอบเที่ยง พี่ก็อตเลยอาสาขับเรือพาเรามาส่งถึงฝั่งนากระสังเลยครับ ใจดีมาก(ประหยัดค่าเรือขากลับเลย)
การข้ามฝั่งไปดอนเดดครั้งนี้ข้ามไปกันสองคนแต่ได้เพื่อนใหม่ชาวลาวกลับมาเพิ่มอีกหลายคนเลยครับ
ถึงฝั่งแล้ว....ได้เวลาบอกลากัน แล้วเราจะกลับมาเที่ยวดอนเดดอีกนะครับ
10. แหล่งอารยธรรมวัดพู
เรากลับมาถึงปากเซก็บ่าย 3 กว่าๆครับ รีบเชคอินที่ลานคำเช่นเดิม และไปเช่ามอไชด์
เย็นนี้เราจะไปจำปาสัก ไปชมอีกหนึ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดเลยนั้นก็คือ “แหล่งโบราณสถานวัดพู” ครับ
วัดพูอยู่ห่างจากปากเซประมาณ 40 กิโลครับ ใช้เวลาขับรถชมวิวสองข้างทางไปประมาณ 1 ชม. ก็ถึงแล้ว
เรามาถึงก็เกือบๆ 5 โมงเย็นแล้วครับ คนก็เลยไม่ค่อยเยอะมาก อากาศเย็นสะบายมาก หญ้ากำลังเขียวเลย
ปราสาทวัดพู เป็นมรดกโลกแห่งที่สองของลาว เป็นโบสถ์พราหมณ์ที่สร้างถวายพระศิวะ ตั้งอยู่บนเนินเขาภู หรือเรียกกันว่าภูควาย ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาสักประมาณ 6 กิโลครับ
ลักษณะของปราสาทเป็นเทวสถานขอม คล้ายกับเขาพระวิหาร สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน ถือว่าเป็นปราสาทหินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด
จะมีบันไดขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปด้านบนด้วยนะครับ
ในอดีตที่ตั้งของวัดพู เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6-8 ค้นพบจารึกกล่าวถึงการฆ่าคนเพื่อบูชาแด่เทพเจ้า
ต่อมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร ที่เลือกบริเวณนี้เป็นที่สร้างปราสาทหินในราวศตวรรษที่ 9 และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาท
เศษซากอารยธรรมที่หลงเหลือของแหล่งโบราณสถานอันยิ่งใหญ่ ถือเป็นความสุขที่ทำให้การเดินทางชื่นชมความงดงามของ ปราสาทวัดพูแห่งนี้ครับ
11. ตะลุยน้ำตก
มาถึงวันสุดท้ายของการตะลุยลาวใต้แล้วนะครับ วันนี้เราปิดท้ายทริปด้วยการตะลุยน้ำตกกัน
นวลออกเดินทางจากปากเซไปตอนเช้าตรู่เลยครับ เราแวนส์มอไชด์ไปปากซอง เพื่อไปตามล่า น้ำตกสวยๆกัน
ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชม เราก็ถึงทางเข้าน้ำตกตาดเยืองครับ
เลยแวะกินข้าวกันก่อน อย่างที่บอกละครับว่าเราไปแบบไม่มีแผนเลย
ไปหาเอาดาบหน้าล้วนๆ ก็เลยไปถามลุงคนขายก๋วยเตี๋ยวเรื่องเส้นทางน้ำตกที่เราจะไปนั้นก็คือ น้ำตกตาดเยือง น้ำตกตาดฟาน น้ำตกตาดจำปี น้ำตกผาอีตู้ และน้ำตกตาดผาส้วม
ลุงเขาเลยวาดแผนที่ให้แบบละเอียดเลย สรุปแล้วเราเข้ามาในสุดเลย เลยถือโอกาสเริ่มต้นที่น้ำตกตาดเยืองก่อนเลยละกันนะครับ
12. น้ำตกตาดเยือง
น้ำตกตาดเยืองค่าเข้าจะอยู่คนที่ 10,000 กีบครับ
เดินเท้าเข้ามาประมาณ 300 เมตร ก็จะมองเห็นน้ำตกจากด้านบนครับ
แต่ถ้าจะให้ฟินจริงๆต้องเดินลงไปข้างล่าง ตามมาเลย
น้ำตาดเยืองแห่งนี้เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองปากซองนั่นเองครับ คำว่า เยือง แปลว่า เลียงผา
แม้จะเป็นน้ำตกขนาดกลางไม่สูงใหญ่เท่าน้ำตกตาดฟานก็ตาม แต่ก็มีข้อดีกว่า คือ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปชมได้ใกล้ชิดถึงตัวน้ำตกนั่นเองครับ
จุดเด่นที่น่าชมของน้ำตกแห่งนี้ อยู่ที่สายน้ำสีขาวที่ไหลออกมาตามหน้าผา แล้วกระทบโขดหินแตกเป็นละอองสีขาว ตัดกับสีดำเข้มของโขดหิน
ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นและเป็นส่วนตัว สายน้ำที่ทอลงมาจากหน้าผา ยิ่งทำให้น้ำ แตกกระเซ็นเป็นละอองที่สวยงามมากเลย
13. น้ำตกตาดฟาน
น้ำตกตาดฟาน แห่งนี้เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในแขวงจำปาสักเลยก็ว่าได้ครับ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกดงหัวสาว (ซึ่งคำว่า ฟาน แปลว่า เก้ง)
จุดเด่นอยู่ตรงสายน้ำ 2 สายนี่แหละครับ ที่ไหลลงจากหน้าผาสูงราว 120 เมตร โดยสายน้ำทางซ้ายมือไหลมาจากห้วยผักกูด
และทางขวามือเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติดงหัวสาว ค่าเข้า 10,000 กีบครับ
สำหรับการเข้าไปชมน้ำตกนั้น จุดชมวิวจะตั้งอยู่คนละฟากหุบเขากับตัวน้ำตก ซึ่งจะอยู่ในระดับความสูงที่เท่าๆ กัน
จากตรงนี้เราสามารถชมวิวมองน้ำตกในมุมสูงได้อย่างชัดเจนเลย สำหรับที่นี่ในยามเช้ายังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกนะครับ
14. ตาดจำปี
มาถึงน้ำตกที่นวลประทับใจเวอร์ ถึงจะไม่ค่อยใหญ่เหมือนน้ำตกอื่นๆ แต่มันมีความพอดีมากๆ นวลใช้เวลาอยู่ที่นี้เกือบ 2 ชม. เลยจ้า
ทางเข้าค่อนข้างลำบากกว่าที่อื่นมาก ถนนลูกรังและลื่นมากครับ ค่าเข้าชมอยู่ที่ 5,000 กีบครับ
ตั้งอยู่บ้านหลัก 38 เป็นน้ำตกที่มี่ขนาดไม่ใหญ่มาก ตกจากหน้าผาประมาณ 5 เมตร บริเวณด้านล่างของน้ำตกสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ควรระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ เนื่องจากหินที่อยู่ในแอ่งน้ำค่อนข้างลื่น
15. น้ำตกตาดอีตู้
มาถึงอีกน้ำตกสวยๆอีกแห่งหนึ่งของปากซองนะครับ กับน้ำตกตาดอีตู้ ค่าเข้าชมอยู่ที่ 5,000 กีบครับผม
น้ำตกตาดอีตู้ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีน้ำไหลแหลงจากหน้าผาสูง เป็นน้ำตกชั้นเดียว เป็นน้ำตกที่ไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ บริเวณด้านล่างน้ำตกตาดอีตู้แอ่งลึก
และไหลลงมาแรง บรรยากาศบริเวณน้ำตกตาดอีตู้มีบรรยากาศร่มเย็น แต่การเดินทางเดินขึ้นต้องเหนื่อยนิดหนึ่ง เพราะเป็นทางลงเขา
แต่เป็นบันไดปูนจึงทำให้การขึ้นลงสะดวก บริเวณด้านบนของน้ำตกตาดอีตู้มีรีสอร์ท ร้านอาหาร บริการนักท่องเที่ยวด้วยน้า
16.น้ำตกตาดผาส้วม
มาถึงน้ำตกสุดท้ายที่นวลจะพามาชมนะครับ กับน้ำตกตาดผาส้วม น้ำตกสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาลาวใต้ต้องแวะมาเชคอิน อัตราค่าเข้าชมก็อยู่ที่คนละ 10,000 กีบครับ
น้ำตกตาดผาส้วมเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของแขวงจำปาสัก เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูงโดยตัวน้ำตกมีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลมส่วนเรื่องชื่อของน้ำตกนั้น
ชื่อนี้มีความหมายครับ คำว่า “ส้วม” ของลาว หมายถึง ห้องนอนของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว หรือห้องหอนั่นเอง ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า “ส้วม”ของไทยเราที่ทำให้หลายๆคนนั้นเข้าใจผิดไปไม่น้อย
น้ำตกแห่งนี้ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ท่ามกลางแท่งหินยักษ์ เหมือนกับถูกนำมาเรียงร้อยตกแต่งไว้ เป็นห้องนอนสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ
เห็นชื่อส้วมๆอย่างนี้ ที่นี่เขาก็มีประวัติที่ไม่ส้วมนะคร้าบ น้ำตกแห่งนี้ก็ยังเป็นฝีมือการออกแบบของคนไทยนะแกร น้ำตกตาดผาส้วมถูกสร้างขึ้นมาโดย คุณวิมล กิจบำรุง
ใช้เวลาสำรวจที่ดินผืนนี้นาน 2 ปี และเริ่มดำเนินการก่อสร้างด้วยเครื่องทุ่นแรงที่หาได้ในสมัยนั้น คือมีเพียงช้าง 1 เชือก และแรงงานคนท้องถิ่น 80 ชีวิต ใช้เวลาสร้างน้ำตกตาดผาส้วมเพียง 5 ปีเท่านั้น
เป็นการปิดทริปลาวใต้อย่างสมบูรณ์แบบเลยนะครับเนี่ย
เป็นไงบ้างครับ ทริปชวนฝัน 4วันยาวๆที่ลาวใต้ อาจจะยังไม่ครบนะครับ ไว้มีโอกาสหน้านวลจะมาเก็บที่ราบสูงโบโลเวนต่อ
ต้องขอขอบคุณ พี่เบน จากเพจ #TIMEMACHINE ที่เป็นทั้งนายแบบและผู้ร่วมชะตากรรมในทริปนี้กับนวลนะครัช
ไว้โอกาสหน้าฟ้าใหม่ นวลจะพาไปเที่ยวอีกน้า
ไว้เจอกันใหม่นะครับ บะบาย