เที่ยวป่าหน้าฝน "กาญจนบุรี" ฉบับคนมีเวลาน้อย
กาญจนบุรี ชื่อนี้ไม่เคยเบื่อ หากกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพสักที่หนึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดถึงจังหวัดนี้ด้วยธรรมชาติอันหลากหลาย
สถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ แถมยังเป็นเมืองที่เที่ยวได้ทั้งปีอีกด้วย
วันนี้เราจะพาทุกคนไปดื่มด่ำกับความเขียวขจีของเมืองกาญในยามหน้าฝันกัน จาก รีวิวของคุณ SandyHappy ไปดูกันว่าเที่ยวป่าหน้าฝนที่กาญจนบุรีนั้นจะสวยงามแค่ไหน
พนักงานออฟฟิส ที่ปีนึงจะมีวันหยุดอยู่ไม่กี่วัน ก็มักจะตื่นเต้นทุกๆครั้งที่เจอวันหยุดยาวติดกันสามวัน และคิดแผนเที่ยวกันแล้วว่าจะไปไหนกันดี
แต่รวบรวมสมาชิกช้าไปหน่อย อีกสองวันจะเดินทางเพิ่งจะหาที่เที่ยวกันรอบนี้ คิดการใหญ่ จะไปปิล๊อก บ้านอีต่อง น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
โดยไม่ได้ดูสภาพดินฟ้าอากาศเลยว่า ฤดูฝน ฝนตกหนักทุกวัน ขับรถขึ้นเขาที่โค้งไปมาค่อนข้างลำบาก แถมถ้าไปถึงแล้วก็ยังเจอฝนตลอดเวลาอีก
ความโชคดีในความโชคร้ายคือ เราจองที่พักที่ปิล๊อกไม่ได้ เต็มหมดทุกที่!!! ก็แน่สิ จองล่วงหน้าก่อนไปแค่สองวัน จะไปมีที่พักได้ยังไงยิ่งเป็นวันหยุดยาวๆแบบนี้ด้วย
เราจองได้แค่แถวๆ อำเภอไทรโยคไป เมื่อแน่ใจว่ามีที่นอนแน่แล้วก็ออกเดินทางกันค่ะ
การเดินทางของเราก็เริ่มต้นขึ้นด้วยความฉุกระหุก ความคิดช้าทำให้ทางเลือกเราน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา พักที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ขับรถออกจากกรุงเทพเท่านั้นก็พอ
ฤดูฝน กับจังหวะที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ หมอกหรือเมฆๆไม่รู้ ลอยแผ่วๆอยู่บนยอดเขาไปตลอดทาง ยิ่งฝนตก ยิ่งทำให้เราต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง
แถมถนนยังเป็นแบบสองเลนสวนกันแบบนี้ ก็ขับชิลๆไปค่ะ ไม่เป็นไร ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ
เดินทางกัน 4ชั่วโมง สู่ที่พักคืนแรกเราเช็คอินที่พักที่ "บ้านสวนอะกาเป้ (Baansuan Agape')"เป็นรีสอร์ทที่สวยร่มรื่นเหมือนจะเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานอยู่ใน อำเภอไทรโยค
เราจองบ้านหลังใหญ่โต มี2ห้องนอน 2ห้องน้ำ 4เตียงขนาดKing Size มีโถงสำหรับสังสรรค์นับเลข แอร์ตัวใหญ่โต เล่น"ปิ้งโป้งป้าง"ไปอย่างหนาวสั่น ที่นี่วิวดีมาก ด้านหลังเป็นเขาชิลๆ ค่ะ
ต้นไม้ร่มรื่น เป็นที่ๆเหมาะในการพักผ่อนมากๆ
เมื่อมาไทรโยค ก็ต้องแวะ"น้ำตกไทรโยคใหญ่"สักหน่อย ก็ไม่เสียหาย ฤดูฝนกับน้ำตกเป็นของคู่กัน มาน้ำตกยังไงก็ได้เห็นน้ำ ไม่เหมือนมาฤดูร้อนน้ำแล้งเห็นแต่โขดหิน
น้ำตกนี้มีวิวอันเป็นเอกลักษณ์ที่พบเจอได้แค่ที่นี่เท่านั้นคือ
1.น้ำตก (อ่ะแน่หล่ะสิ มาน้ำตกให้เจออะไร?)
2.แพ ที่ล่องน้ำลอดผ่านสะพานไปมา และแพที่ผูกติดเลยกับริมน้ำ วิวระดับจักรพรรดิ์เลยค่ะ
และ
3.สะพานไม้ข้ามแม่น้ำแควน้อย หามุมเก๋ๆ ถ่ายรูปกันชิลๆ
ทางเข้าอุทยานไปน้ำตก มีต้นไม้ใหญ่ยืนต้น ร่มรื่นมากๆ
เราขับรถเลยไปอีกประมาณ 60 กิโลเมตร สู่ตลาดทองผาภูิมิค่ะ ไปดูลาดเลาก่อนว่าจะไปปิล๊อกในวันพรุ่งนี้ไหวไหม ไปหาเสบียงด้วย ฝนก็ตกพร่ำไปตลอดทาง
สะพานข้ามแม่น้ำก่อนจะถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ เป็นวิวที่สวยมาก เราพบเจอเมฆลอยเลี่ยๆยอดเขามาตลอดทาง เนื่องจากสภาพอากาศเย็นๆชื้นๆ และฝนตกๆหยุดๆตลอดวัน
ตลาดสดอำเภอทองผาภูมิ (Thong Pha Phum district market) ด้านหลังตลาดเดินเข้าไป จะเป็นตลิ่งสูงที่ด้านล่างแม่น้ำแควน้อย น้ำในแม่น้ำใสแจ๋ว
ก้อนหินแม่น้ำกลมมน อีกฝั่งเป็นต้นไม้เขียวๆ สามารถลงไปเล่นน้ำได้ค่ะ
เมื่อสภาพอากาศปิด ฝนตกหนักบ้างเบาบ้างตลอดทั้งวัน ทำให้เรายกเลิกการไปปิล๊อก บ้านอีต่องค่ะ ไปหน่ะไปได้ แต่อาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ รอฤดูหนาวค่อยมาใหม่ดีกว่า จะได้ไปแล้วไม่เสียเที่ยวค่ะ
ปุบปับทัวร์ของเราเบนเข็มไปสู่ "เขื่อนวชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลม" ได้ด้วยมติเอกฉันทร์ เขื่อนนี้อยู่ไม่ไกลจากตลาดทองผาภูมิค่ะ เลยไปนิดเดียว
เมฆลอยต่ำๆนั่นไม่ใช่หมอก มันคือเมฆฝนกำลังก่อตัว มีจังหวะให้เราออกไปถ่ายรูปได้ไม่นานนัก ต้องรีบทำเวลาค่ะ
กลับจากเขื่อนเราไปต่อกันที่บ่อ "น้ำพุร้อนหินดาด" ก่อนกลับเข้าที่พักที่บ้านสวนอะกาเป้ค่ะ
น้ำพุร้อนแห่งนี้อยู่ติดกับลำธารตามธรรมชาติ นั่นแปลว่า เราสามารถแช่น้ำร้อนมาสลับกับแช่น้ำเย็นได้เลย โอ้ย ชิลล์ไรเบอร์นั้น
วันที่2 หลังจากเราถอดใจจากการไปปิล๊อกแล้ว เราก็เดินทางย้อนกลับไปสู่ อำเภอศรีสวัสดิ์ เพื่อไปสู่ที่พักคืนที่2 ที่ เลอบาแซงเอราวัณ (Le Bassin Erawan) คืนนี้เราจะไปนอนเต้นท์ติดแอร์กันค่ะ
ที่นี่อยู่ติดแม่น้ำ และมีวิวด้านหน้าเป็นภูเขา ยิ่งฤดูฝนแล้วยิ่งชิลค่ะ กิจกรรมที่นี่จะเล่นน้ำก็ได้ หรือจะนั่งเย็นๆ อยู่ริมตลิ่งก็ได้ เอาที่สะดวกค่ะ หรือจะออกไปพายเรือเล่นก็ได้
ที่นี่มีที่พักหลายแบบ เราจองแบบเต้นท์ไว้ หรือจะนอนแบบแพริมน้ำ แบบที่เป็นตัวบ้านบังกะโลบนฝั่งเลยก็มีค่ะ เต้นท์ก็มีหลายแบบ
แบบสองคนหลังเล็กหรือแบบหลังใหญ่โตนอนได้4คนก็ยังมี สะดวกสะบายกว่าที่คิดค่ะ
วิวระดับจักรพรรดิ์ ที่มองออกมาจากตัวห้องอาหารของรีสอร์ทค่ะ
และนี่คือที่นอนของเราคืนนี้ ราคาที่พักนี้รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าด้วยค่ะ นี่คือมื้อเย็น กินดีอยู่ดี อิ่มหนำสำราญมาก
อย่าคิดว่ามันคือเต้นท์สามเหลี่ยมเหมือนไปเข้าค่ายลูกเสือ แต่มันคือเต้นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่โต มีTV ตู้เย็น โคมไฟ และปลั๊กไฟ มีประตูสองทางคือสำหรับทางเข้าและสำหรับออกไปห้องน้ำด้านหลังค่ะ
ห้องน้ำก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย ออกจะทันสมัยด้วยซ้ำ แต่ห้องน้ำนี้ไม่สามารถกันพวกแมลงเล็กๆ หรือแมงมุมได้นะคะ ถ้ากลัวก็เช็คให้ดีๆก่อนค่ะ
มองออกไปจากเต้นท์คือเก้าอี้และเปลสำหรับนั่งชิลค่ะ กว้างขวางไม่ได้คับแคบอย่างที่คิด
ตื่นเช้ามากินเบรคฟ้าสกันค่ะ ท้องฟ้าตอนเช้านี้ ดูปลอดโปร่งไม่น่าจะมีฝนแล้ว หลังจากที่ฝนตกมาตลอดคืน
มีเรือให้เราพายเล่นชิลๆค่ะ มีแรงก็พายไปถ้าว่ายน้ำไม่เป็นก็มีชูชีพให้
ที่นี่มีมุมให้เรานั่งเล่นหลายมุมเลยค่ะ ตรงด้านหน้าห้องอาหารมีเปลให้เรานอนเล่นชิลๆ โอ้ย เจอวิวแบบนี้ ไม่อยากกลับบ้านเลย อยู่ต่อเลยได้ไหม
3วันผ่านไปไวเหมือนโกหกค่ะ จังหวัดกาญจนบุรี ยังมีที่ให้เราเที่ยวอีกมากมาย
มันได้ความก้ำกึ่งระหว่างภูเขากับทะเล คือมันมีเขาแล้วมันก็มีน้ำ นึกออกไหมคะ
มันชิลอ่ะ ไม่รู้จะอธิบายความชิลออกมาเป็นตัวหน้งสือได้ยังไง
แต่ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเที่ยวที่นี่อีก อย่างน้อยก็ปิล๊อก อีต่อง ที่เรายังไปไม่ถึงในทริปนี้ค่ะ