เตรียมร่วมงานประเพณีสุดยิ่งใหญ่ "อุ้มพระดำน้ำ ที่เดียวในโลก" ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ 19-23 ก.ย.
เหลืออีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้นก็จะถึงวันงานประเพณีสุดยิ่งใหญ่ของชาวเพชรบูรณ์ที่ได้ทำสืบต่อกันมาในทุกปี
กับงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ นอกจากจะเป็นความเชื่อถึงความเป็นสิริมงคลแล้วยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาวเพชรบูรณ์อีกด้วย
จุดกำเนิดของพิธีกรรม “อุ้มพระดำน้ำ” ประเพณีที่มีตำนานความเชื่อเล่าขานสืบทอดมาว่าสมัยเมื่อราว 400 ปี ที่ผ่านมามีชาวเพชรบูรณ์กลุ่มหนึ่ง ได้ออกหาปลาในแม่น้ำป่าสัก
และในวันนั้นได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดคือ ตั้งแต่เช้ายันบ่ายไม่มีใครจับปลาได้สักตัวเดียว เลยพากันนั่งปรับทุกข์ริมตลิ่ง ที่บริเวณ “วังมะขามแฟบ” อยู่ทางตอนเหนือของตัวเมืองเพชรบูรณ์
จากนั้นสายน้ำที่ไหลเชี่ยวได้หยุดนิ่ง พร้อมกับมีพรายน้ำค่อย ๆ ผุดขึ้นมา และกลายเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ รวมทั้งมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอย ขึ้นมาเหนือน้ำ
แสดงอาการดำผุดดำว่ายอย่างน่าอัศจรรย์ ชาวบ้านคนหนึ่งในกลุ่มจึงลงไปอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ
จากนั้นในปีต่อมาซึ่งตรงกับ “วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10” พระพุทธรูปองค์นี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย และมีผู้พบอีกครั้งแสดง อาการดำผุดดำว่ายอยู่กลางแม่น้ำป่าสัก
บริเวณเดียวกับที่พบครั้งแรก ชาวบ้านจึงร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐาน ณ วัดไตรภูมิ เป็นครั้งที่ 2 พร้อมร่วมกันถวายนามว่า “พระพุทธมหาธรรมราชา” จากนั้นเป็นต้นมา
เจ้าเมืองเพชรบูรณ์สมัยนั้น จะต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชา ไปประกอบพิธี “อุ้มพระดำน้ำ” เป็นประจำทุกปี ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ณ บริเวณวังมะขามแฟบ สืบทอดมาจนกระทั่งปัจจุบัน
แต่ยังมีข้อกำหนดอีกว่า ผู้ที่จะอุ้มพระดำน้ำได้นั้นจะต้องเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ คนเดียวเท่านั้น เพราะมีตำแหน่งเทียบเท่าเจ้าเมืองสมัยโบราณ จะให้ผู้อื่นกระทำแทนมิได้
ทั้งนี้หลังการประกอบพิธีเชื่อกันว่า องค์พระจะไม่หายไปดำน้ำเอง ฝนก็จะตกต้องตามฤดูกาล บ้านเมืองจะมีแต่ความสงบสุข
โดยในปีนี้จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองประเพณีอุ้มพระดำน้ำเป็นเวลา 5 วัน 5 คืน ทั้งลิเก ภาพยนตร์ และรำวงย้อนยุค
นอกจากนี้ในช่วงกลางวันยังมีกิจกรรมแข่งเรือพาย การแสดงพื้นบ้านต่าง ๆ อีกมากมาย เป็นประเพณีที่แปลกประหลาด ไม่เหมือนใครในโลก
ใครสนใจสามารถไปร่วมงานประเพณีได้ที่ วัดไตรภูมิ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ โดยในปีนี้พ่อเมืองเพชรบูร์นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล จะรับหน้าที่เป็นผู้อุ้มพระดำน้ำด้วยตัวเอง
ถือเป็นประเพณีที่ครั้งหนึ่งควรไปให้เห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง เพราะด้วยความแปลกและไม่เหมือนที่ใดในโลก ทำให้เป็นที่ฮือฮาของชาวต่างชาติ
เราคนไทยมีโอกาสสามารถเดินทางไปชมประเพณีนี้ได้ง่าย ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง