พาชมนิทรรศการพระเมรุมาศ พร้อมคำแนะนำปฏิบัติตัวอย่างไรให้เหมาะสม

เมื่อตรวจดูข้าวของในกระเป๋าว่ามีทั้งยาดม ยาอม ยาหม่อง พร้อมกล้องคู่ใจ กับมือถือและที่ชารจ์แบตเต็มแล้ว

เราขอส่องกระจกครั้งสุดท้ายก่อนออกจากบ้านว่าแต่งตัวเรียบร้อย ถูกระเบียบ ก่อนก้าวเท้าออกจากบ้าน

เพราะวันนี้เราจะไปชมนิทรรศการเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สนามหลวงกัน

ขอย้ำอีกทีว่านิทรรศการนี้เปิดให้เข้าตั้งแต่วันที่ 2 - 30 พฤศจิกายน 2560 ทุกวันเวลา 07.00 - 22.00 น. โดยให้เข้ารอบละ 5,500 คน 1 รอบใช้เวลา 1 ชั่วโมง แบ่งเป็น 15 นาที ด้านหน้า อีก 45 นาที ด้านใน

ขอแนะนำว่าก่อนมาให้ทานอะไรรองท้องมาเลย เพราะว่าไม่มีอาหารแจก และห้ามไม่ให้นำอาหารเข้าไปด้านในพระเมรุมาศ ส่วนเรื่องห้องน้ำไม่ต้องเป็นห่วง ทั้งด้านในนิทรรศการ และรอบๆ สนามหลวงมีให้เข้าหลายจุด

 
เมื่อมาถึงสนามหลวง เราสามารถผ่านจุดคัดกรอง 5 จุด คือ

1.หน้ากรมรักษาดินแดน (รด.)

2.ท่าช้าง

3.พระแม่ธรณีบีบมวยผม (ใกล้สุด)

4.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (จะอำนวยความสะดวกให้พระภิกษุ สามเณรเป็นพิเศษ แต่ประชาชนปกติก็เข้าได้)

5.ด้านหลังกระทรวงกลาโหม (จะอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการเป็นพิเศษ แต่ประชาชนปกติก็เข้าได้)

โดยไม่ว่าจะเข้ามาทางจุดคัดกรองใด ก็ต้องเดินมาทางทิศเหนือของสนามหลวง (ทิศเดียวกับสะพานพระปิ่นเกล้า) เพื่อมารับบัตรเข้าชมนิทรรศการของแต่ละรอบ (ต้องกลัดไว้ที่เสื้อ แล้วคืนตอนออกนะจ๊ะ) 

โดยบัตรจะมีสีแตกต่างกันไปตามแต่ละรอบ นอกจากบัตรแล้วจะมีแจกแผ่นผับ และน้ำเปล่า 1 ขวดตอนเข้าด้วย

ได้บัตรแล้วเราก็มานั่งรอในเต็นท์ที่ทางเจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ ระหว่างรอเข้าชมจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยอธิบายการปฏิบัติตัวในการเข้าชม ใครมีอะไรสงสัยสอบถามได้

เมื่อได้เวลารอบของเรา ใน 15 นาทีแรก เจ้าหน้าที่จะให้ถ่ายภาพอยู่ด้านหน้า ตรงนี้เราจะเห็นบรรยากาศคันนาเลข ๙ ที่ตอนนี้ข้าวกำลังออกรวง

จะมีพี่ๆ ชาวนามายืนไล่นกได้บรรยากาศเหมือนยืนอยู่ริมท้องนาจริงๆ มองจากตรงนี้ไปจะเห็นพระเมรุมาศในมุมกว้าง

ถ่ายรูปด้านหน้ากันให้เต็มที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราเข้าไปชมด้านใน นอกจากพระเมรุมาศที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้า ต้องไม่พลาดนิทรรศการในศาลาลูกขุนทั้ง 6 หลัง และในทับเกษตร อีก 1 หลัง

เราจะได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังการสร้างพระเมรุมาศทั้งหมด ใครชอบอ่าน ชอบศึกษา บอกเลยว่า 45 นาทีอาจจะไม่พอ

เดินเข้ามาด้านซ้ายมือ และด้านขวามือ (เมื่อหันหน้าเข้าพระเมรุมาศ) คือ ศาลาลูกขุนทิศเหนือ

ศาลาลูกขุนทิศเหนือด้านซ้ายมือ  เป็นเรื่องราวการออกแบบพระเมรุมาศ

ศาลาลูกขุนทิศเหนือด้านขวามือ เป็นเรื่องของพระโกศจันทน์ หีบพระบรมศพจันทน์

เมื่อเดินมาทางขวาถัดจากศาลาลูกขุนทิศเหนือ จะเป็นศาลาลูกขุน 2 ที่ศาลานี้จะเป็นเรื่องราวของพระยานมาศ และราชรถ

ถัดมาทางขวาอีกนิด จะเป็นทับเกษตร ทับเกษตรนี้อยู่ติดกับคันนาเลข ๙ เป็นที่ตั้งนิทรรศการสัมผัสเพื่อผู้พิการทางสายตา ที่นอกจากผู้พิการทางสายตาแล้ว เห็นว่าเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ นักเรียนด้วย เพราะเป็นจุดเดียวที่อนุญาตให้จับต้องได้

เมื่อชมด้านหน้าของนิทรรศการแล้ว เราแนะนำให้เดินขึ้นไปบนฐานชาลา (บนพระเมรุมาศ) ซึ่งจะเปิดให้ขึ้นบนได้ที่ทางทิศเหนือ (ก็คือทางที่เราเดินเข้ามา)

โดยให้ขึ้นได้ทั้งฐานชาลาที่ 1 และ 2 (ทั้งนี้จะมีการประชุมสรุปความเรียบร้อยทุกวัน หากมีตรงไหนที่เสียหายอาจมีการปิดฐานชาลา)

เมื่อขึ้นไปด้านบนจะพบกับความวิจิตรการตาของประติมากรรมฝีมือสำนักช่างสิบหมู่

เดินวนหลายๆ รอบ ถ่ายภาพหลายๆ มุม เมื่อได้ภาพที่ถูกใจแล้ว ให้เดินลงทางด้านทิศใต้

จากนั้นเราแนะนำให้เดินเข้าพระที่นั่งทรงธรรม ทางเข้าพระที่นั่งทรงธรรมจะอยู่ขวามือเมื่อลงมาจากพระเมรุมาศ ด้านในพระที่นั่งทรงธรรมจะเป็นนิทรรศการพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของรัชกาลที่ 9  

แบ่งเป็น 5 หัวข้อคือ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี และ 5.พระจักรีนิวัตฟ้า ทั้ง 5 หัวข้อ

หากเราตั้งใจอ่านให้ดีจะสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้เป็นอย่างดี เดินอ่านไปก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำให้คิดถึงพระองค์มากเหลือเกิน

ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เราจะมาอยู่ทางทิศเหนือของนิทรรศการอีกครั้ง ตอนนี้แนะนำให้เดินชมรอบๆ พระเมรุมาศด้านล่าง (จะมีมุมถ่ายรูปสวยคือระหว่างพระที่นั่งทรงธรรม กับพระเมรุมาศ มองไปในกระจกของพระที่นั่งทรงธรรม เราจะเห็นพระนพปฎลมหาเศวตรฉัตรสะท้อนอยู่ในกระจกพระที่นั่งทรงธรรมพอดี งดงามมากทีเดียวโดยเฉพาะยามค่ำคืน)

เดินวนจนเต็มอิ่ม ยังเหลือศาลาลูกขุนซ้าย ขวา ทางทิศใต้ (ทิศเดียวกับพระบรมมหาราชวัง)

ศาลาลูกขุนทิศใต้ด้านซ้าย (หันหน้าเข้าหาพระบรมมหาราชวัง) เป็นเรื่องราวของการก่อสร้างพระเมรุมาศ และอาคารประกอบ

ถัดมาศาลาลูกขุนทิศใต้ด้านขวา เป็นเรื่องราวของงานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ

ส่วนศาลาลูกขุน 2 จะเป็นเรื่องของฉากบังเพลิง และจิตรกรรมฝาผนัง เดินชมไปเกือบครบเวลา เจ้าหน้าที่จะประกาศแจ้ง และมีกริ่งเตือนก่อนหมดเวลา 5 นาที (แนะนำว่าเมื่อได้ยินเสียงกริ่งให้เดินไปทางออก ตรงนั้นจะมีมุมถ่ายรูปสวยอีกมุม ทีจะเห็นดอกดาวเรืองทอดยาวไปถึงพระเมรุมาศ) และเมื่อครบ 45 นาที แล้วให้เดินออกทางด้านศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตรงทางออกเมื่อคืนบัตรแล้ว จะได้รับพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 ทั้งสิ้น 9 ใบ จากกระทรวงวัฒนธรรมด้วย

นอกจากนิทรรศการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นต้นไปจะมีการแสดงมหรสพ ที่จะไม่ซ้ำกัน เช่นการแสดงพื้นเมืองในแต่ละภาค การแสดงละครเรื่องอิเหนา เรื่องพระมหาชนก การแสดงเรื่องพระสุธนมโนราห์การแสดงพื้นบ้านจาก 4 ภาพ และยังมีลิเกด้วย โดนจะแสดงตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.00 น. ในทุกวัน ที่เวทีทางทิศเหนือของสนามหลวง

นอกจากนี้ในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ จะมีการแสดงโขนที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดยเริ่มวันแรกคือวันที่ 4 พฤศจิกายน ในตอนพระนารายณ์ปราบ นนทก

นอกจากนี้ในทุกวันจะมีการประโคมดนตรีวันละ 10 วง บริเวณศาลาลูกขุนเวลา 08.00 - 17.00 น. จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบัน บัณฑิตพัฒนศิลป์ และหน่วยงานต่างๆ ด้วย

ต้องขอบอกว่าใครที่ชอบเดินอ่านทุกรายละเอียด 45 นาทีอาจจะไม่พอ ต้องมาหลายรอบ กลางวันบ้าง กลางคืนบ้าง สลับกันไปก็ดีนะคะ เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

ขอฝากไว้สุดท้าย

เรื่องการแต่งตัว ขอให้แต่งกายสุภาพ ทั้งสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี งดใส่กางเกงยีนส์ หากใส่กางเกงขอแบบสุภาพ ไม่รัดแน่นจนเกินไป และสุภาพสตรีหากจะใส่กระโปร่งหรือเดรส ต้องยาวเลยหัวเข่า เสื้อห้ามรัด ห้ามสายเดี่ยวนะคะ

สุดท้ายเมื่อเข้าไปแล้วขออยู่ในอาการสำรวม ไม่แตะต้องหรือสัมผัส พระเมรุมาศ อาคารประกอบ และงานทุกชิ้น ไม่นำ หิน ดิน ทราย ในบริเวณพระเมรุกลับบ้าน

ไม่ดึง เด็ด เหยียบ หรือสร้างความเสียหายแก่ดอกไม้ และต้นไม้ในงาน รวมถึงถ่ายรูปในบริเวณที่กำหนด และช่วยกันรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัดนะคะ