พาเที่ยวหมู่บ้านมณีพฤกษ์มรดกแห่งขุนเขา ชิมกาแฟเกอิชาและลมหนาวแรกของปีบนดอยผาผึ้ง
เตรียมตัวไปรับลมหนาวที่ภาคเหนือกันหรือยังครับ? วันนี้ Sanook! Travel มีรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวต้อนรับหน้าหนาวมาฝากกัน
เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวหมู่บ้านมณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน หมู่บ้านที่เราแทบจะไม่เคยได้ยินหรือเคยรู้จักด้วยซ้ำ แต่หลังจากได้มาสัมผัสที่นี่ก็ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เข้ามาอยู่ในความทรงจำของเราไปอีกนานแสนนาน
เมื่อเรามาถึงหมู่บ้านผู้นำชุมชนมณีพฤกษ์ได้ออกมาคอยต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับชงกาแฟเกอิชาให้ทุกคนได้ลองชิม
ซึ่งกาแฟเกอิชานี้เองที่เป็นรายได้หลักของคนในหมู่บ้าน ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนางฟ้าแห่งกาแฟของจังหวัดน่านเลยทีเดียว หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อกาแฟเกอิชามาบ้าง วันนี้เราได้มาถึงต้นกำเนิดกาแฟเกอิชาแล้ว
หลังจากได้ชิมกาแฟเกอิชาไปนั้นก็รับรู้ได้ทันทีถึงความแตกต่างของกลิ่นกาแฟและรสชาติที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนตลอดชีวิต กลิ่นกาแฟมาความหอมละมุน
พร้อมกับรสชาติขมอมเปรี้ยว และมีรสหวานเป็นรสสัมผัสสุดท้ายติดอยู่ที่ปาก เป็นรสชาติที่แปลกใหม่และอร่อยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงได้ชื่อว่าเป็นกาแฟเบอร์ 1 ของเมืองน่าน
หลังจากพักผ่อนจากการเดินทางและดื่มกาแฟกันจนสดชื่นขึ้นมาแล้วก็ได้เวลาออกทัวร์รอบหมู่บ้าน
ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเกษตร และเพิ่งจะเปิดให้การท่องเที่ยวเข้ามามีบทบาทในหมู่บ้านได้เพียงไม่กี่ปี
เพราะฉะนั้นความดั้งเดิมของวัฒนธรรมที่นี่ยังคงถือว่าสมบูรณ์แบบ ชาวบ้านยังคงดำรงชีวิตกันเหมือนเช่นทุกวันที่ควรเป็นไม่มีการปรุงแต่งใดๆ เพื่อตอบสนองการท่องเที่ยว
เป็นการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ยั่งยืนและทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของหมู่บ้านนี้เข้าไปแบบเต็มๆ
โดยโปรแกรมแรกของวันนี้เราได้เข้าเยี่ยมชมการตีมีดของชาวบ้านที่ใช้วิธีและเครื่องมือดั้งเดิมของชาวเขาในการตีมีดได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากไม่เหมือนการตีมีดปกติที่อื่น
นอกจากนี้ยังมีการแสดงเป่าแคนม้ง จากคุณลุงชาวเขาที่ต้องบอกเลยว่าลุงแกน่ารักและเป็นกันเองมาก แถมยังเป่าแคนเก่งมากอีกต่างหาก เรียกได้ว่าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ
นอกจากวัฒนธรรมของหมู่บ้านที่ดึงดูดให้เหล่านักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเยี่ยมชมแล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศต้องการที่จะมาสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง
นั่นก็คือธรรมชาติอันสมบูรณ์ของหมู่บ้านนี้ ที่นี่มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างลงตัว ชาวบ้านอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเป็นมิตรและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ซึ่งเราก็ได้ไปสัมผัสกับการท่องเที่ยวในด้านธรรมชาติเช่นกันเริ่มจากการเดินสำรวจไร่กาแฟของชาวบ้าน ซึ่งหลายๆ คนอาจคิดว่าแค่เดินเล่นในไร่กาแฟมันจะมีอะไร
แต่ขอบอกเลยว่าความคิดของคุณใช้กับที่นี่ไม่ได้แน่นอน เพราะกาแฟของที่นี่ปลูกอยู่ตามไหล่เขาที่มีความลื่นและชันพอสมควรแนะนำหากใครจะไปเดินชมไร่กาแฟควรใส่รองเท้ากันลื่นไปด้วย
แต่ถึงจะลื่นและสูงแค่ไหนแต่ระหว่างทางซึ่งที่เราได้พบเจอนั้นถือว่าทำให้เราหายเหนื่อยจริงๆ เพราะเราจะได้พบกับผลกาแฟและต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวขจีเต็มไปหมด
ทำให้รู้สึกสดชื่นและสบายตามาก เมื่อเดินมาจนถึงสุดทางก็จะพบกับบ้านพักของท่านหัวหน้าชุมชนที่ปลูกอยู่บนยอดดอยเหนือไร่กาแฟ เป็นลานโล่งสามารถชมวิวภูเขาและพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม
เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์สำหรับการชมพระอาทิตย์ตกที่โรแมนติกมากๆ และเราก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะเราได้ขึ้นมาชมพระอาทิตย์ตกกันในจุดนี้และมันก็สวยงามกว่าที่เราคิดซะอีกประทับใจมากๆ
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการท่องเที่ยวมาทั้งวันก็ถึงเวลาพักผ่อนของเรา แต่กิจกรรมการท่องเที่ยวของเรายังไม่จบแค่นี้ เวลาแห่งปาร์ตี้บาร์บีคิวได้เริ่มขึ้นแล้ว
พร้อมกับอากาศที่กำลังเย็นลงอย่างสัมผัสได้ เราก่อไฟพร้อมย่างบาร์บีคิวเป็นอาหารเย็นในวันนี้ และเมื่อทานอาหารเสร็จ อากาศเริ่มเย็นลงอีก จนถึงขั้นหนาว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรเราได้ เพราะสิ่งที่เรากำลังรอคอยกำลังจะเกิดขึ้น
ทางช้างเผือกนั่นเอง!!! ด้วยความที่หมู่บ้านแห่งนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลพอสมควรและตรงบริเวณที่เรานอนนั้นค่อนข้างมืดสนิทไม่มีแสงไฟหรือตึกราบ้านช่อง มาบดบังสายตา
ทำให้เราสามารถมองเห็นทางช้างเผือกและหมู่ดาวน้อยใหญ่ได้อย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งคืนที่ท้องฟ้าสวยงามที่สุดและจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป
หลังจากผ่านข้ามคืนแห่งความหนาวเหน็บกับอุณหภูมิในยามเช้าที่วัดได้ถึง 12 องศามาได้อย่างราบรื่น ก็ได้เวลาไฮไลท์ของทริปนี้กันแล้ว กับการเดินทางขึ้นดอยผาผึ้งแลนด์มาร์กของหมู่บ้านแห่งนี้
การเดินทางขึ้นดอยผาผึ้งนั้นจำเป็นต้องใช้รถอีแต๊ก หรือรถโฟร์วิวในการขึ้นเท่านั้น เพราะทางมีความชันเป็นดินแดงที่เละเหมือนสังขยาเลยทีเดียว เรานั่งรถของชาวบ้านที่เป็นรถกระบะโฟร์วิวขึ้นไปด้วยความทุลักทุเล
มีบางช่วงที่รถติดล่มต้องลงเดิน มีบางช่วงที่รถตกหลุม แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความทรงจำที่ดี และทำให้รู้สึกภูมิใจที่สามารถขึ้นมาจนถึงยอดดอยอันแสนโหดนี้ได้
เมื่อรถมาจอดถึงจุดที่เราต้องเดินเท้าขึ้นไปสู่ยอดดอยผาผึ้ง ก็ถึงเวลาใช้กำลังขาของตัวเองพาตัวเองขึ้นไปพบกับความสวยงามของธรรมชาติกันแล้ว
ทางเดินขึ้นสู่ยอดดอยผาผึ้งนั้นเป็นทางเดินแคบๆ ที่ชาวบ้านช่วยกันถางหญ้าเป็นทางเดินขึ้น มีบางช่วงที่ชันเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วสามารถเดินได้แบบสบายๆ ต้องขอบคุณชาวบ้านจริงๆ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่เรา
เมื่อเราเดินมาจนถึงยอดดอยผึ้งก็มีลมเย็นๆ มาปะทะกับหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นและหายเหนื่อย หลังจากนั้นจึงได้ซึมซับกับความสวยงามของวิวข้างหน้าแบบเต็มที่
ที่นี่สวยงามและเงียบสงบมาก เป็นอีกหนึ่งดอยที่ยังไม่มีคนรู้จักหรือคนมาเที่ยวมากนัก เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูแวได้ และสามารถมองเห็นเทือกเขาน้อยใหญ่เรียงตัวสลับซับซ้อนกันไปมาราวกับเป็นงานศิลปะจากธรรมชาติ
วันที่เราไปนั้นไม่เจอหมอกเนื่องจากเราขึ้นไปค่อนข้างสายแต่ชาวบ้านบอกว่าปกติแล้วตรงนี้จะเป็นจุดที่เห็นทะเลหมอกได้แบบจัดเต็มมาก ครั้งหน้าต้องมาแก้ตัวใหม่
หลังจากเก็บภาพลงในกล่องความทรงจำที่เรียกว่ากล้องถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาลงจากดอยผาผึ้งเพื่อไปที่เที่ยวที่สุดท้ายของเรา นั่นก็คือถ้ำผาผึ้งนั่นเอง
ถ้ำผาผึ้งคือสถานีสุดท้ายของเราในทริปนี้ เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หน้าบริเวณปากถ้ำยังมีน้ำตกเล็กๆ ที่มีปลายทางน้ำไหลลงสู่ในถ้ำ ดูลึกลับและน่าค้นหามากๆ
เป็นอีกหนึ่งอันซีนของหมู่บ้านมณีพฤกษ์ที่ควรมาเที่ยวอย่างยิ่งหากมีโอกาสได้มาหมู่บ้านมณีพฤกษ์แห่งนี้
อย่างที่ได้บอกไปว่าก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ เรามาแบบไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ถึงเรื่องราว ถึงความสวยงาม ถึงวัฒนธรรมต่างๆ ของที่นี่
แต่เวลาแค่ 2 วัน 1 คืน ที่นี่ทำให้เราเรียนรู้และซึมซับทุกอย่างไปได้ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นความประทับใจในธรรมชาติอันสวยงาม
ความประทับใจในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่น่ารัก และที่สำคัญที่สุดความใจดีและจริงใจของคนที่นี่ ทำให้เรารู้สึกว่าเรามาอย่างคนแปลกหน้าแต่ได้รับความรู้สึกที่อบอุ่นจริงๆ
พิกัดหมู่บ้านมณีพฤกษ์ : ตำบลปอน อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
อัลบั้มภาพ 81 ภาพ