7 ความอัศจรรย์ในดินแดนแห่งม่านหมอก “แม่ฮ่องสอน”

ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาที่หน้าต่างห้อง ทำให้โปสการ์ดใบหนึ่งร่วงหล่นลงบนพื้น ตราประทับไปรษณียากรบอกเราว่าภาพถ่ายบนโปสการ์ดใบนั้นเป็นสถานที่หนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ

ภาพภูเขาสูงชันตั้งเรียงรายซ้อนกันพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ย้อมภาพบนโปสการ์ดใบนั้นให้กลายเป็นสีส้ม ยังคงจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี ถึงสถานที่ที่ได้ไปสัมผัส

ผู้คนที่ได้พบเจอเรื่องราวมากมายที่นำกลับมาเล่าให้เพื่อนฟัง

เราคิดถึงคุณขึ้นมาอีกแล้วสิ…แม่ฮ่องสอน

1.ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน

ผืนน้ำ สายหมอก และป่าฝน

มาแม่ฮ่องสอน สถานที่แรกที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ปางอุ๋ง หรือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จุดหมายปลายทางในฝัน
ของใครหลายคน โดยดินแดนแห่งผืนน้ำ สายหมอก และป่าสนแห่งนี้จะงดงามที่สุดในยามเช้า

ซึ่งภาพตรงหน้าก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันได้อย่างดี หมอกยามเช้าลอยเหนือทะเลสาบเหมือนกำลังกำลังหยอกเย้ากับสายน้ำ แสงอาทิตย์แรกโผล่พ้นทิวเขาส่องทะลุทิวสนกระทบน้ำ
มีสายหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งให้เห็นเป็นสีทองฟุ้งไปทั่วบริเวณ-เหมือนอยู่ในความฝัน

ติดต่อ
โครงการพระราชดำริปางตอง 2  อ.เมือง
อนุญาตให้รถยนต์เข้าระหว่างเวลา 09.00-18.00 น.
0 5361 1244

2. หมู่บ้านรักไทย

หลงเสน่ห์ชาวจีนยูนนาน 

จำได้ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีโอกาสได้มาเยือนหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ในตอนนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังไปเสียแล้ว ใช่แล้ว! เรากำลังหมายถึง หมู่บ้านรักไทย หมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยหุบเขาและมีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางหมู่บ้าน

บ้านเรือนปลูกขึ้นจากดิน อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่เป็นที่ใฝ่ฝันของเราว่าสักวันหนึ่งจะสร้างบ้านแบบนี้บ้าง วันนี้บ้านรักไทยดูสงบเงียบเหมือนเช่นเคย ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร แต่ที่นี่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมไว้อย่างดี ไม่ปล่อยให้กระแสของโลกปัจจุบันเข้ามาทำลายอัตลักษณ์ของตัวเองให้เปลี่ยนแปลงไป

ก้อนเมฆ ทิวเขา และบ้านเรือนริมน้ำ สะท้อนผืนน้ำสีเขียวเข้ม เปรียบดังกระจกแผ่นใหญ่ที่กลับโลกเบื้องบนให้มาอยู่บนผิวน้ำ เหมือนมนต์สะกดให้เราต้องตกอยู่ในภวังค์กับภาพ
ความงดงามตรงหน้าจนไม่อยากขยับไปไหน

ก๋วยเตี๋ยวยูนนาน อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาด ซึ่งตอนนี้มะเขือเทศ ยอดถั่วลันเตา และกระเทียม พร้อมกับเส้นหมี่ชิงก็มาอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะขออนุญาตร่วมโต๊ะกับ
ลุงปั่น ซิเจา ชาวหมู่บ้านรักไทยที่ต้อนรับขับสู้เราอย่างดี แถมยังแนะนำวัตถุดิบและเครื่องปรุงหลาย ๆ อย่างให้เราเป็นความรู้ “ที่นี่สวยม้าย”  ภาษาไทยสำเนียงจีนถามออกมา “สวยครับ”  เป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้มของผม “ใช่ สวยเนอะ ลุงอยู่มานานละ ลุงยังไม่เคยเบื่อเลย วันหลังก็มาเที่ยวที่นี่อีกล่ะ”  คำเชิญชวนและรอยยิ้มที่บ่งบอกจากสายตา ทำให้เรารู้แล้วล่ะว่าความสุขไม่ได้เกิดจากความสมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่อาจยังมาจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายด้วย

3. แม่ฮ่องสอน

ในอ้อมกอดของขุนเขา

มีเพื่อนเคยถามว่าทำไมถึงต้องมา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพราะเมืองก็เล็กแถมระยะทางยังค่อนข้างไกล เราก็ตอบว่าที่บอกมานั่นแหละคือเสน่ห์ที่เราต้อมาค้นหาว่าเมืองน่ารัก ๆ แบบนี้ทำไมคนถึงไม่ค่อยนิยมไปกัน

“ก่อนตะวัน ลับแนวเหลี่ยมภูผา หมอกจางตา ฟ้าร่วมกันท้าทาย…” เพลงยิ่งสูงยิ่งหนาว (หนาวจริ๊งงง) ที่เราจะได้ยินทุก 6 โมงเย็น ณ ร้านก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา คาเฟ่เล็ก ๆ หลังพระธาตุดอยกองมู ซึ่งวิวยามพระอาทิตย์อัสดงของร้านนี้งดงามไม่เป็นสองรองใคร

เมื่อค่ำคืนมาเยือนก็ถึงเวลาของ ถนนคนเดินริมหนองจองคำ ที่พ่อค้าแม่ค้าต่างออกมาจับจองพื้นที่กันเต็มสองฝั่งถนน เชื่อมั้ยว่าในวันธรรมดาที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแบบนี้ เรากลับสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของที่นี่ เหมือนที่แม่ค้าร้านผ้าไหมบอกกับเราว่าถึงแม้เขาจะชอบเวลาคนเยอะ เพราะทำให้สินค้าขายดี แต่ถ้าคนน้อยแบบนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวได้พบกับความน่ารักและตัวตนที่แท้จริงของคนแม่ฮ่องสอนเหมือนอย่างที่เราเจออยู่นี่ไง

นอกจากนั้นเมื่อเดินมาจนสุดถนนก็จะได้พบกับ พระธาตุจองคำ ที่เปล่งแสงสีทองอร่ามแข่งกับแสงจันทรางดงามราวภาพวาดเลยทีเดียว

4. สะพานซูตองเป้

พลังแห่งความศรัทธา

ไม่ถึง 20 นาทีจากตัวเมือง เราก็มาถึง สะพานซูตองเป้ สะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยโดยสะพานแห่งนี้เกิดจากพลังศรัทธาและการร่วมแรงร่วมใจของ ชาวบ้านกุงไม้สัก
ที่ช่วยกันสานพื้นสะพานด้วยไม้ไผ่จนมีความยาวถึง 500 เมตร เพื่อให้พระสงฆ์ใช้เป็นทางผ่านในการออกบิณฑบาตโดยเชื่อมระหว่างสวนธรรมภูสมะไปยังหมู่บ้านกุงไม้สัก

ภาพพระสงฆ์นับสิบรูปเดินเรียงแถวบนสะพานที่พาดผ่านทุ่งนาเหลืองอร่ามกับแสงเช้าของวันใหม่ โดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวยืนรอใส่บาตรกันอยู่เป็นระยะ ช่างเป็นภาพที่เต็มเปี่ยม
ไปด้วยความศรัทธาเสียจริง ๆ

ข้อมูล :  สะพานซูตองเป้ เป็น 1 ใน 24 สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้อยู่ในโครงการเขาเล่าว่า… ตามแนวคิดการบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อสร้างกระแสให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศ

5. อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์

งานศิลปะจากธรรมชาติ

 
น้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขาสู่พื้นเบื้องล่างจนสายน้ำแตกกระจายเป็นละอองไปทั่วบริเวณ เหมือนเป็นภาพของน้ำตกที่เราเคยเห็นในสารคดีของทวีปแอฟริกา แต่ที่นี่แม่ฮ่องสอนก็มีน้ำตกที่งดงามไม่แตกต่างกัน!

น้ำตกแม่สุรินทร์  ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ เสียดายที่เวลาใครหลายคนเดินทางมาเที่ยวอำเภอขุนยวมจะตั้งจุดหมายไปที่ทุ่งดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอ
เพียงอย่างเดียว แต่ใครจะรู้ว่าเลยไปเพียงไม่ถึง 10 กิโลเมตรก็จะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้กันแล้ว

สายน้ำที่ร่วงหล่นจากผาสูงตามแรงโน้มถ่วง ถึงแม้เราจะไม่สามารถลงไปเล่นน้ำตกได้ แต่การได้นั่งมองทัศนียภาพอยู่นิ่ง ๆ ขนาบซ้ายขวาด้วยผืนป่าที่กว้างใหญ่ เชื่อว่าหากใครได้มาอยู่ตรงจุดนี้อย่างเราก็คงขอนั่งนิ่ง ๆ มองสายน้ำที่เปรียบดั่งงานศิลปะที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้มนุษย์ได้ชื่นชม

ติดต่อ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ อ.ขุนยวม
0 5306 1073

6. แม่สระเรียง

เมืองที่ถูกลืม 

“จริง ๆ แล้วที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรเลยนะ ไม่ค่อยมีสิ่งปลูกสร้างใหญ่ ๆ นักท่องเที่ยวถึงไม่ค่อยมากัน แต่ที่นี่มีวิถีชีวิต และความสวยงามของวัฒนธรรมตามแบบฉบับเมืองบนเขาที่ยังคงห่างไกลจากเขตเมือง” เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวจาก ลุงแดง เขียนคำ ชาวบ้านของอำเภอแม่สระเรียง ก็ทำให้เรารู้ว่าไม่ได้คิดผิดที่มาที่นี่

แม่สระเรียงขึ้นว่าเป็นเมืองพระธาตุ 4 จอม เพราะเป็นที่ตั้งของ พระธาตุจอมแจ้ง ศิลปะล้านนาผสมพม่า พระธาตุจอมทอง สถานที่ประดิษฐานพระพุทธมณีมิ่งมงคล ความสูง 15 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดน พระธาตุจอมกิตติ สถาปัตยกรรมล้านนาที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ และเจดีย์ล้านนาโบราณของ พระธาตุจอมมอญ ซึ่งนอกจากความสำคัญทางพระพุทธศาสนาและความสวยงามทางสถาปัตยกรรมแล้ว บนพระธาตุทั้ง 4 จอมยังเป็นจุดชมวิวเมืองแม่สระเรียงใน 4 มุม ให้เราได้เห็นความงดงามของ
ท้องทุ่งและเทือกเขาที่โอบล้อมเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อีกด้วย

7. บ้านห้วยห้อม

หมู่บ้านกลางสายหมอก 

ช่วงเวลาสุดท้ายในแม่ฮ่องสอน เหลืออีกหนึ่งภารกิจที่เราอยากลองพิชิตดูสักครั้ง นั่นคือการไปพักที่บ้านพักของชาวเขา ซึ่งเป็นเหตุผลให้ในตอนนี้เรามาอยู่กันที่ บ้านห้วยห้อม หมู่บ้านชนเผ่ากะเหรี่ยงสะกอในอำเภอแม่ลาน้อยนั่นเอง

เชื่อไหมว่าข้างหน้าเราตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า! แต่เป็นความว่างเปล่าสีขาวจากหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วหมู่บ้าน ซึ่งก็น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นวิวนาขั้นบันได แต่จะมีสักกี่ครั้งในชีวิต
ที่ถูกหมอกล้อมรอบตัวมากขนาดนี้ โดยกิจกรรมแรกของเราในบ้านห้วยห้อมก็คือการเก็บกาแฟ อีกหนึ่งอาชีพหลักของชาวบ้าน นอกจากนั้นสินค้าขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ก็คือผ้าทอขนแกะนั่นเอง

ภาพสุดท้ายที่หมู่บ้านแห่งนี้คือภาพที่ม่านหมอกยอมเปิดออกให้เราได้เห็นวิวนาขั้นบันไดจากมุมสูง ซึ่งถึงแม้ในช่วงนี้จะไม่มีนาข้าวสีเขียวชอุ่มหรือเหลืองทองให้เห็นแล้ว แต่ความสวยงามของวิวตรงหน้าก็ทำให้เราลืมเรื่องนั้นไป และซึมซับช่วงเวลานี้ให้นานที่สุด