โอะกิโนะชิมะ เกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ชายต้องเปลือยกาย และห้ามผู้หญิงเข้า!
เกาะศักดิ์สิทธิ์โอะกิโนะชิมะ…อาจจะไม่คุ้นหูนักสำหรับคนไทย แต่เกาะแห่งนี้มีหลักฐานสนับสนุนมากมาย บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะคิวชู เมืองฟุกุโอกะ ห่างออกไปด้วยระยะทางกว่า 60 กิโลเมตรเลยทีเดียวครับ
เทศกาลมิอะเระประจำฤดูใบไม้ร่วง
โอะกิโนะชิมะกับสถานะใหม่ “มรดกโลกทางวัฒนธรรม”
ด้วยความพิเศษในหลากหลายเหตุผล เมื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อแล้ว โอะกิโนะชิมะ จึงผ่านคุณสมบัติการเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมไปถึง 3 ข้อ ได้แก่
(II) เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถานประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใด ๆ ของโลก ทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(III) เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
(VI) มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนเหล่านี้เอง ทำให้เกาะศักดิ์สิทธิ์โอะกิโนะชิมะ ได้รับการพิจารณาให้เป็นมรดกโลกในปี 2017 ที่ผ่านมา
ความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์
บนเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าชินโตมุนะคะตะ ซึ่งบูชาเทพีแห่งท้องทะเล และเป็นสถานที่ประกอบพิธีขอพรเพื่อให้เดินเรือได้อย่างปลอดภัยมาแต่โบราณ รวมทั้งเป็นศูนย์รวมการติดต่อแลกเปลี่ยนที่สำคัญระหว่างญี่ปุ่นกับจีนและคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงศตวรรษที่ 4–9 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกใช้ในการเดินเรือเป็นเวลากว่า 500 ปี เป็นช่วงที่ดินแดนทั้งสามมีความสัมพันธ์กันอยู่ไม่ขาดสาย
โดยมีการค้นพบโบราณวัตถุบนเกาะกว่า 80,000 ชิ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งของที่ผู้คนนำมาถวายแก่เทพเจ้า เพื่อบูชา บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีตั้งแต่แหวนทองจากเกาหลี กระจกเงาจากจีน ไปจนถึงแก้วแหวน เครื่องประดับจากเปอร์เซียเลยทีเดียว
โบราณวัตถุจำนวนมากที่ถูกค้นพบบนเกาะ
ความศักดิ์สิทธิ์และความสะอาดบริสุทธิ์
พิธีกรรมชำระล้างของผู้ชาย ก่อนขึ้นเกาะ
เกาะโอกิโนะชิมะเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งห้ามผู้หญิงเข้า และเปิดให้เข้าไปเยือนเกาะแห่งนี้ได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ในวันที่ 27 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันเทศกาลสักการะศาลเจ้า โดยต้องได้รับการอนุญาตจากศาลเจ้าที่จํากัดจำนวนเพียง 200 คนเท่านั้น และต้องยึดถือปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด คือ ต้องเปลือยกายอาบน้ำชำระล้างร่างกายและจิตใจในทะเลก่อนขึ้นเกาะ รวมทั้งไม่นำสิ่งใดบนเกาะติดมือกลับบ้าน และไม่กล่าวถึงการเดินทางมาในครั้งนี้เป็นอันขาด
อย่างไรก็ดีสาเหตุของการห้ามผู้หญิงเข้าเกาะแห่งนี้ยังเป็นปริศนาที่ผู้เชี่ยวชาญยังคงค้นหาคำตอบ บ้างเชื่อว่าเป็นผลจากความเชื่อของชินโตในเรื่องความสะอาดบริสุทธิ์ บ้างก็ว่าเป็นกุศโลบายเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงต้องเดินทาง หลีกเลี่ยงภยันตรายจากการเดินทางทางทะเลทั้งปวง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะชักชวนให้ไปเที่ยวก็ดูจะลำบาก เอาเป็นว่าเราได้มารู้จักมรดกโลกแห่งใหม่นี้ไว้เป็นความรู้ติดตัวไปก็ไม่เสียหายนะครับ