5 จุดวิวสวยมหัศจรรย์เมืองสามอ่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์
1.เขาช่องกระจก
จุดชมวิวสุดป็อปในตัวเมืองประจวบฯ เขาช่องกระจก ชื่อนี้มีที่มาจากช่องโหว่บนยอดเขาที่ดูคล้ายกระจกนั่นเอง ถือเป็นจุดชมทิวทัศน์สุดป็อบที่ใคร ๆ ก็ต้องขึ้นไปเช็คอิน เมื่อมาเยือนเมืองสามอ่าว ยอดเขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 245 เมตร มองเห็นวิวทั้งเมือง เห็นหาดทรายขาวของอ่าวประจวบทอดยาวไปจนถึงเขาล้อมหมวกและอ่าวมะนาว
ส่วนอีกด้านก็เห็นแนวเทือกเขาตะนาวศรีสลับซับซ้อน เรียกได้ว่ามองเห็นความงามได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว แต่กว่าจะได้เห็นวิวที่สวยขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านด่านขึ้นบันไดเกือบ 400 ขั้นไปให้ได้ซะก่อน แต่ไม่ต้องห่วง เพราะระหว่างทางมีเจ้าจ๋อคอยป่วนให้เพลิดเพลินตลอดทาง เพราะลิงแสมเจ้าถิ่นมักมาขออาหารไปหม่ำกิน แต่ก็มีบางตัวเป็นนักเลงเจ้าถิ่น อย่าไปเผลอทำให้เขาหงุดหงิดเชียว บริเวณช่องกระจกมีทางเดินลัดเลาะไปตามหน้าผาและโขดหิน ไปยังรอยพระพุทธบาทจำลองและพระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ อย่าลืมแวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับด้วยนะ
ที่ตั้ง : ต. เกาะหลัก อ.เมือง (สามารถจอดรถได้ที่วัดธรรมิการามวรวิหาร)
2.เขาล้อมหมวก
สวยลืมเหนื่อย ถือเป็นที่เที่ยวสุดฮิตที่พูดกันปากต่อปากว่า ทั้งสวยทั้งยาก ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต เขาล้อมหมวกตั้งอยู่บริเวณอ่าวมะนาว ในกองบิน 5 เป็นภูเขาหินปูนที่ไม่ใหญ่และไม่สูงมากนัก แต่มีความยากในการปีน จึงเป็นสถานที่วัดใจของบรรดาสายลุย ที่เรียกว่าเขาล้อมหมวก ก็เพราะรูปทรงเขามีลักษณะคล้ายหมวก บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อล้อมหมวก ซึ่งมีจารึกหน้าศาลระบุว่า “ท่านย้ายถิ่นฐานจากจีนแผ่นดินใหญ่มาในสมัยอยุธยา และสร้างคุณงามความดีให้แก่ท้องถิ่นจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่ออายุ 97 ปี” ซึ่งชาวเมืองประจวบต่างเคารพและศรัทธาว่าเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่คอยดูแลปกป้องชาวเมืองประจวบให้อยู่ดีมีสุข
อีกทั้งบริเวณศาลเจ้าพ่อยังเป็นแหล่งอาศัยของฝูงค่างแว่นถิ่นใต้นับร้อยตัวอีกด้วย แล้วก็ถึงเวลาพิชิตจุดชมวิวเขาล้อมหมวก คุณอาจต้องเป็นสายลุยสักหน่อย เพราะการจะขึ้นไปถึงยอดเขาได้นั้นไม่ใช่แค่เพียงขึ้นบันไดอีกต่อไป คุณจะต้องสวมบทเป็นลิงเป็นค่าง ปีนผ่านก้อนหินน้อยใหญ่ บ้างก็สูงชัน บ้างก็แหลมคม ดีที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมเชือกเส้นหนาไว้ให้คุณได้ยึดจับ แต่ก็ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว เมื่อถึงยอดเขาคุณจะพบรอยพระพุทธบาทที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 และวิวที่สวยจนทำให้ความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะมองเห็นวิวได้ถึง 5 อ่าวเลยทีเดียว คือ อ่าวประจวบฯ อ่าวน้อย อ่าวคั่นกระได อ่าวมะนาว และอ่าวคลองวาฬ
ที่ตั้ง : กองบิน 5 กองทัพอากาศ ต. เกาะหลัก อ. เมือง โทร. 0-3261-1031, 0-3261-1017
3.พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ
งดงามดั่งวิมานลอยฟ้า นับเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ ที่มีความงดงามดั่งวิมานบนสรวงสวรรค์ ที่สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลที่สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี โดยสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า "พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ โดยพระมหาธาตุเจดีย์เป็นอาคารสูงถึง 5 ชั้น บนชั้น 3 ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำทั้ง 4 ทิศ
และมีจิตกรรมฝาผนังภาพพระราชพิธีต่าง ๆ รวมทั้งประเพณีของชาวบ้านในแต่ละภาคที่วาดไว้อย่างประณีต ที่ชั้น 4 สักการะ “พระพุทธกาญจนวบพิตร” พระพุทธรูปปางลีลาศิลปะสุโขทัยอันงดงาม และชมจิตรกรรมฝาผนังภาพพุทธประวัติอันวิจิตร ที่หน้าต่างยังประดับช่องแสงด้วยกระจกสีอย่างที่เรียกว่าสเตนกลาส เป็นภาพในเรื่องพระมหาชนก และสามารถนมัสการพระบรมสารีริกธาตุบนชั้น 5 ได้เฉพาะช่วงเทศกาลวิสาขบูชา 3 วัน คือขึ้น 14 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 6
ที่ตั้ง : บนเขาธงชัย บ้านกรูด ต. เขาธงชัย อ. บางสะพาน
4.วัดอ่าวน้อย หรือ ถ้ำพระนอน
นมัสการ พระนอนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประจวบฯ เป็นอีกสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูชื่อวัดนัก แต่วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์และมีสถาปัตยกรรมหลายอย่างให้คุณได้ชม ไฮไลท์คือ โบสถ์ไม้สักทอง ที่สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองทั้งหลัง สูงและเด่นตระหง่าน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน และที่ผนังโบสถ์แกะสลักเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ บนเขาเล็ก ๆ ติดกับอ่าวน้อย
มีทางเดินขึ้นไปยังถ้ำพระนอน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ภายในถ้ำมีพระพุทธไสยาสน์สององค์อายุราว 300-500 ปี ว่ากันว่าเป็นพระนอนที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประจวบฯ ภายในถ้ำมีกล่องหยอดเหรียญเพื่อเปิดไฟภายในถ้ำ หยอด 10 บาท ไฟเปิด 10 นาที อย่าลืมเตรียมเหรียญกันไปให้พร้อมด้วยนะ
ที่ตั้ง : บนเชิงเขาบริเวณอ่าวน้อย ต. อ่าวน้อย อ. เมือง
5.ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี
ชมปู่โกงกางอายุกว่าร้อยปี จากนากุ้งที่รกร้างกลับกลายเป็นผืนป่าที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งเสด็จฯ มายังปราณบุรีเมื่อปี 2539 ปัจจุบันเป็นศูนย์การศึกษาเรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า-คลองคอย
กิจกรรมที่นี่มีทั้งเดินชมป่าชายเลนตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 800 เมตร มีจุดแวะพักและเรียนรู้ระบบนิเวศของป่าเป็นระยะ ๆ เช่น ลานศึกษาปูดำ หอยนางรม ลานโพธิ์ หอชะคราม ฯลฯ และยังมีกิจกรรมล่องเรือท่องสองคลอง เพื่อชมธรรมชาติและวิถีชีวิตคนปากน้ำปราณ จากคลองคอยไปออกแม่น้ำปราณบุรี แล้วเข้าสู่คลองเก่าในพื้นที่วนอุทยานปราณบุรี และที่พลาดไม่ได้ คือการปีนหอชะครามขึ้นไปชมวิวแบบ 360 องศา คุณจะได้เห็นทิวทัศน์รอบตัว รวมถึงชุมชนปากน้ำปราณ และศาลเจ้าแม่ทับทิมทอง ธรรมชาติเขียวขจีด้วยไม้ชายเลน ทั้งแสม โกงกาง และลำพู แถมอากาศยังเย็นสบายอีกด้วย
ที่ตั้ง ต. ปากน้ำปราณ อ. ปราณบุรี เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.00 น
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ