ในช่วงปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีเฟื่องฟูของการท่องเที่ยวในหลายแห่ง จำนวนนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศล้นทะลักไปสู่เมืองที่เป็นเป้าหมายยอดนิยมกันล้นหลาม จนบางแห่งคนท้องถิ่นถึงกับออกมาประกาศว่า ไม่ต้องรับนักท่องเที่ยว เพราะนอกจากทำให้สถานที่ต่างๆ เบียดเสียดแล้ว ยังทำลายระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นดั้งเดิมที่ชาวเมืองเคยอยู่กันมาด้วย

เราจึงต้องมาบอกเล่าเรื่องอันน่าอึดอัดใจนี้เพื่อสะกิดใจนักท่องเที่ยวที่กำลังวางแผนออกเดินทางในครั้งต่อไป ว่าที่ไหนกำลังมีประเด็น

ไม่ว่าจะเป็นเวนิส และบาร์เซโลนา ไปจนถึงเกาะกาลาปากอส หรือแม้แต่ทัชมาฮาล ถ้าเป็นได้คุณอาจอยากคิดทบทวนอีกซักสองสามครั้งหากอยากเดินทางไปที่เหล่านี้ในปี 2018

เกาะสกาย ประเทศสกอตแลนด์ (Isle of Skye, Scotland)

ในปี 2017 การขนส่งของเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์แห่งนี้ถึงกับต้องหยุดชะงัก เนื่องด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นพันๆ ที่แห่กันมาทั้งด้วยรถโค้ชและรถส่วนตัว ขับเรียงหน้ากันเข้ามาตลอดแนวถนน จนทำเอาบริเวณน้ำตกแฟรี่ พูลส์ (Fairy Pools) ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาเกลน บริทเทิล (Glenbrittle) จุดชมดวงอาทิตย์ตกยอดนิยมใกล้หมู่บ้าน Elgol กับ หิน The Old Man of Storr เกิดรถติดเป็นแถวยาวชนิดวินาศสันตะโรกันเลย

จนในที่สุดคนท้องถิ่นบนเกาะสกายก็ทนไม่ไหว ออกมาบอกว่า “พอกันที” เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้เสียงดัง แออัด แถมบางคนยังกล้าดีฉี่ในที่สาธารณะอีกต่างหาก จนตำรวจต้องออกมาแนะนำผู้ที่ต้องการมาสถานที่แห่งนี้ว่า ถ้าคนไหนที่ไม่ได้จองที่พักที่นี่ไว้ ก็อย่าเพิ่งมาจะดีกว่า

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

พยายามหลีกเลี่ยงช่วงหน้าร้อนซึ่งเป็นไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวจะลดลง คุณจะได้มาเที่ยวสถานที่ยอดนิยมแห่งนี้แบบไม่ต้องเบียดคนให้หงุดหงิดหัวใจ

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

เลือกเดินทางไปยังเกาะเล็กเกาะน้อย อย่างเกาะ Rum, Muck และ Eigg หรือไม่ก็มุ่งหน้าลงใต้ ไปหลงทางกันที่เกาะจูรา (Jura) ที่มีโรงงานใหญ่ของสกอตวิสกี้กัน

บาร์เซโลนา, สเปน (Barcelona, Spain)

เมืองหลวงของแคว้นกาตาลุญญาหรือกาตาลันแห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากถึง 34 ล้านคน ในปี 2016 เพิ่มขึ้นจากปี 2012 ถึง 25% ผลที่เกิดขึ้นก็คือ คนท้องถิ่นพากันโกรธ ลุกขึ้นมาต่อต้านนักท่องเที่ยว มีการใช้สเปรย์พ่นข้อความไม่เอานักท่องเที่ยวไปทั่วเมือง

ช่วงเดือนสิงหาคม 2017 บรรดาผู้ประท้วงยังได้บุกไปที่ชายหาดบาร์เซโลนา แล้วแสดงพฤติกรรมหยาบคายต่อนักท่องเที่ยว ยิ่งกว่านั้นบางคนยังเมาแล้วนอนบนชายหาดอยู่ทั้งคืนอีกต่างหาก

คนท้องถิ่นหลายคนแสดงความเห็นว่า บริการที่พักระยะสั้นแบบ Airbnb นี่แหละ ที่ทำให้คนต่างถิ่นเพิ่มจำนวนขึ้น กดดันให้คนท้องถิ่นแต่เดิมต้องย้ายออกไป อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้รัฐบาลได้ผ่านกฎหมายจำกัดจำนวนที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหานี้แล้ว

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

บาร์เซโลนามีอะไรให้ชมมากมาย ไม่ใช่แค่ย่าน ลาส แรมบลาส (Las Ramblas) เท่านั้นหรอกที่น่าเดิน

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ลองไปเยี่ยมฝั่งคู่แข่งบาร์เซโลนา อย่างบาเลนเซีย (Valencia) ดูบ้างไหม เพราะเมืองแห่งนี้มีทั้งอาหารและวัฒนธรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย

ดูโบรฟนิก, โครเอเชีย (Dubrovnik, Croatia)

หลังจากโดนขู่จากยูเนสโก ว่าจะถอดออกจากการเป็นเมืองมรดกโลก เพราะจำนวนคนเยอะเกินกว่ากำหนด ทางเมืองจึงต้องเริ่มใช้มาตรการรุนแรงเพื่อจัดการลดจำนวนนักท่องเที่ยวลง

โดยนโยบายที่ทางเมืองวางแผนไว้ก็คือ จะจำกัดนักท่องเที่ยวไว้เพียงวันละ 4,000 คน หลังจากที่เคยทำสถิติรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดถึง 10,388 ในหนึ่งวันมาแล้ว ตอนช่วงเดือนสิงหาคมปี 2016 สาเหตุที่จู่ๆ นักท่องเที่ยวก็แห่แหนกันมาที่นี่ ก็ไม่ใช่ใดอื่น นอกจากกระแส "Game of Thrones" ซึ่งมาถ่ายทำกันที่เมืองแห่งนี้นี่เอง

นายกเทศมนตรีของเมือง ยังได้วางแผนจะลดจำนวนเรือสำราญที่แล่นเข้ามาเทียบท่ายังเมืองมรดกโลกแห่งนี้ด้วย หลังจากในปี 2016 มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเมืองแห่งนี้โดยเรือสำราญถึงเกือบ 800,000 คน และส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียงคนละสามชั่วโมงเท่านั้น

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

เดินทางมาที่นี่แบบเป็นส่วนตัวแทนที่จะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แล้วใช้เวลาอุดหนุนธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งคนที่มาโดยเรือสำราญมักเร่งรีบจนมองข้ามไป

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

เลือกเดินทางไปยังเมือง คาฟถัด (Cavtat) แทน ที่นี่มีวิวของเมืองเก่าที่สวยงามราวกับภาพวาด รวมถึงชายหาดก็โล่งไร้ฝูงชน ให้คุณได้พักผ่อนแบบไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร

เวนิส, อิตาลี (Venice, Italy)

เบื่อไม้เซลฟี่ของนักท่องเที่ยวที่ยื่นมาเฉี่ยวหัวบนสะพานรีอัลโต (Rialto Bridge) หรือเรือสำราญที่เฉี่ยวมารับคนแถวคลองจูเดกกา (Giudecca Canal) แล้วรึยัง? คนท้องถิ่นคงจะเบื่อแล้ว จนต้องออกมาประท้วงกันบนถนนในปี 2017 เพื่อระบายความคับข้องใจตอนนี้เวนิสกำลังประสบปัญหาคนท้องถิ่นย้ายออกเพราะสู้ราคาที่อยู่อาศัยที่แพงขึ้นๆ ไม่ไหว จนตอนนี้มีคนทิ้งถิ่นเหลืออยู่ประมาณ 55,000 คนเท่านั้น (จากแต่เดิมมีเป็นแสน) สวนทางกับนักท่องเที่ยวที่มีมากถึง 30 ล้านคนต่อปี จนขณะนี้ทางเกาะต้องมีแผนลดจำนวนเรือสำราญเข้ามาในคลองจูเดกกาแล้ว

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

ลองเดินเที่ยวอย่างช้าๆ เก็บไม้เซลฟี่แล้วดื่มด่ำกับเมืองแห่งสายน้ำ ลิ้มรสอาหารจากร้านท้องถิ่นแทนการกินจากร้านที่ทำไว้ขายนักท่องเที่ยว

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ถ้าคุณชอบเมืองที่แวดล้อมด้วยสายน้ำ ลองเลือกเปลี่ยนไปเมืองอานซี (Annecy) ในฝรั่งเศสดู เพราะที่นี่มีคลองและทะเลสาบที่สวยงาม มีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ที่สำคัญไม่ต้องฝ่าฟันกับฝูงชนมหาศาลไปทุกที่อย่างเวนิส

ซานโตรีนี, กรีซ (Santorini, Greece)

535052832

มีไม่กี่แห่งบนโลก ที่ทิวทัศน์ยามดวงอาทิตย์ลับฟ้าจะสวยงามเท่าเกาะซานโตรีนี แต่ด้วยความสวยนี้แหละ ที่ทำให้เกาะเล็กๆ ในหมู่เกาะคีคลาเดสแห่งนี้แทบมาถึงจุดอันตราย

เพราะในปี 2017 ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึงเกือบสองล้านคน มีเรือมาเทียบท่ากว่า 850,000 ลำ โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ขึ้นมาเที่ยวที่นี่เพียงไม่กี่ชั่วโมง

โดยนโยบายของทางเกาะที่กำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้สูงสุดถึง 8,000 คนต่อวัน บวกกับประชากรที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการท่องเที่ยว ทำให้เกาะอันแสนสวยแห่งนี้อยู่ในความเสี่ยงสูงว่ากำลังจะสูญเสียมนต์เสน่ห์ของมันไป

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

พยายามเลือกพักอยู่กับคนท้องถิ่น และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่น่าเคลือบแคลงเรื่องความถูกต้องอย่างการขี่ลาตรงท่าเรือ ซึ่งมักคนมากวักเรียกนักท่องเที่ยวเสมอๆ

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ลองไปเยือนยังเกาะอื่นๆ เช่น เกาะนักซอส (Naxos) ซึ่งอยู่หมู่เกาะคีคลาเดสเหมือนกัน ที่นี่มีเนินเขาและหาดที่สวยงาม หรือเกาะพัตมอส (Patmos) ในหมู่เกาะโดเดคะนีส (Dodecanese) ก็สวยงามเช่นเดียวกัน แถมยังเงียบสงบและอาหารอร่อยด้วย

ประเทศภูฏาน (Bhutan)

3435849

ด้วยนโยบาย "high value, low impact" ซึ่งคัดกรองนักท่องเที่ยวโดยระบุค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวต่อคนไว้ที่ 200 - 250 เหรียญดอลลาร์ (ประมาณ 6,295 – 7,870 บาท) และคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 40 เหรียญ (ประมาณ 1,260 บาท) กรณีเดินทางเพียงคนเดียวหรือสองคน นโยบายนี้เองที่สร้างความกังวลต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวยังเมืองเล็กๆ ในเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้

ที่มาของนโยบายนี้ก็คือ เจตนาในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และระบบเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศเล็กๆ ไม่ให้ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติมากเกินไป

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

ภูฏาณเป็นประเทศที่นับถือพุทธอย่างเคร่งครัด นักท่องเที่ยวควรทำตัวอย่างเหมาะสม และระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายใดๆ

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ประเทศเพื่อนบ้านภูฏาณอย่างอินเดีย โดยเฉพาะ รัฐอรุณาจัลประเทศ (Arunachal Pradesh) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีวิวสวยงาม มีวัดวาอารามโบราณทางพุทธศาสนา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางเข้าประเทศ

ทัชมาฮาล, อินเดีย

อนุสรณ์สถานอันใหญ่โตแห่งนี้ มีผู้มาเยี่ยมเยือนต่อปีถึง 8 ล้านคน ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นคนต่างชาติ จึงไม่แปลกเลยที่รอบๆ อาคารจะมีเหตุการณ์กึ่งจลาจล คนเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่บ่อย

และด้วยปัจจัยของมลพิษที่เริ่มเพิ่มขึ้นในแม่น้ำยมุนา บวกกับหินอ่อนสีขาวของตัวอาคารที่เริ่มเหลืองขึ้น ทางเมืองจึงเริ่มวางแผนปรับปรุง พร้อมไปกับวางแผนลดจำนวนนักท่องเที่ยวไปด้วยเลย โดยทางผู้มีอำนาจพิจารณาจะลดจำนวนตั๋วลดราคา 40 รูปี (ประมาณ 20 บาท) ที่แจกให้นักท่องเที่ยวท้องถิ่นวันละ 40,000 ใบลง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องจ่ายเงินมากกว่า คือที่ 1,000 รูปี (ประมาณ 498 บาท) อยู่แล้ว ก็ยังสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ดังเดิม

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

แนะนำให้มาแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่ประตูเปิดเลย คือ 6 โมงเช้า ถ้ามาสายกว่านี้ รับรองว่าเจอจลาจลกับฝูงคนแน่นอน

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ไปชมหลุมฝังพระบรมศพของจักรพรรดิหุมายูง ที่เมืองนิวเดลีแทน อาจจะไม่ตื่นตาเท่า แต่คนน้อยมาก (เพราะคนไปทัชมาฮาลกันหมด)

ยอดเขาเอเวอเรสต์, ฝั่งเนปาล

2010355

ที่นี่ลูกหาบคนท้องถิ่นซึ่งกับต้องบ่นกันยาวถึงเรื่องจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น อันทำให้ยอดเขาที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลที่สุดในโลกแห่งนี้ เกิดอันตรายได้สูงขึ้น

อันที่จริงตั้งแต่ปี 2015 ยอดเขาแห่งนี้ก็มีการกำหนดนโยบายเพื่อกำหนดคุณสมบัติของนักปีนเขาที่จะมาที่นี่อยู่แล้ว แต่ปัจจุบัน กฎดังกล่าวเข้มงวดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นห้ามคนตาบอด ห้ามคนพิการแขนขาทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่ได้รับใบรับรองแพทย์) ห้ามนักปีนเขาเดี่ยว (เว้นแต่ไปพร้อมกับไกด์) บุคคลเหล่านี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ปีนทั้งยอดเขาเอเวอเรสต์ และยอดเขาอื่นๆ ในส่วนกลางของเทือกเขาหิมาลัย

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า กฎใหม่นี้จะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากการปีนเขาแห่งนี้ได้

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

ขอให้มั่นใจก่อนว่าคุณมีประสบการณ์ปีนเขาที่โชกโชนพอจริงๆ และอย่าลืมเงินสดด้วย เพราะค่าใบอนุญาตปีนเขาจากประเทศเนปาลนั้น เสียค่าใช้จ่าย 11,000 เหรียญ (ประมาณ 345,916 บาท)

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ถ้าไม่ห่วงเรื่องอันดับ ยอดเขาโลตเซ ( Lhotse Middle) ซึ่งสูงเป็นอันดับสี่ของโลก อยู่ทางตอนใต้ของเอเวอร์เรส ก็เปิดให้นักไต่เขาขึ้นไปท้าทายได้ตั้งแต่ปี 2013 แล้วนะ

มาชูปิกชู, เปรู (Machu Picchu, Peru)

ในปี 2016 มีคนไปเยือนเมืองอารยธรรมโบราณแห่งนี้ถึงวันละ 5,000 พันคน มากกว่าจำนวนที่ยูเนสโกแนะนำถึงสองเท่า อันที่จริงรัฐบาลเปรูมีกฎมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนที่นี่ต้องมากับไกด์เจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ตั้งแต่กรกฎาคม 2017 ก็มีการตั้งกฎให้เข้มงวดขึ้นอีก โดยจำกัดการเข้าเป็นรอบๆ คือ รอบเช้าตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเที่ยง และรอบบ่ายตั้งแต่บ่ายจนถึงห้าโมงครึ่ง เพื่อลดความหนาแน่นของคนลง จะได้ผลหรือไม่ยังต้องติดตาม

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

เลือกมาในช่วงตุลาคมถึงเมษายน ซึ่งเป็นหน้าฝน แม้อาจจะเสี่ยงเจอฝน แต่คุณจะได้พ้นจากบรรดานักท่องเที่ยว และได้เห็นป้อมปราการแห่งมาชูปิกชูได้เต็มตา

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

ถ้าคุณชอบค้นพบเมืองเก่าที่เคยสาบสูญ ขอแนะนำที่กัมพูชา อีกหนึ่งอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองในอดีตเช่นเดียวกับเปรู แต่ต่างกันที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่ากันเยอะ

หมู่เกาะกาลาปาโกส เอกวาดอร์ (Galápagos Islands, Ecuador)

การปกป้องเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งนิเวศวิทยาทางธรรมชาติที่โด่งดังที่สุดในโลกนั้น ดูจะเป็นความรับผิดชอบใหญ่หลวงทีเดียวสำหรับรัฐบาลเอกวาดอร์ ทางรัฐจึงมีการตั้งกฎอย่างเข้มงวดสำหรับผู้ที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ ด้วยการกำหนดให้เดินในเส้นทางที่ระบุไว้เท่านั้น และต้องมีไกด์คอยประกบอยู่ตลอดเวลาด้วย แต่ดูเหมือนเท่านี้จะยังไม่พอ เพราะปีที่แล้วทางรัฐบาลเริ่มเปรยถึงกฎใหม่ ซึ่งจะช่วยทะนุบำรุงให้เกาะแห่งนี้อยู่ในสภาพดั้งเดิมยาวนานขึ้นอีก

นั่นคือผู้ที่ประสงค์จะมาเยือนเกาะแห่งนี้ จะต้องยื่นเอกสารอันประกอบด้วยตั๋วเครื่องบินขากลับ และหลักฐานการจองโรงแรมหรือจดหมายรับรองจากเจ้าของที่พัก และบัตร Transit Control Card สำหรับผู้ที่ระบุว่าต้องการเข้ามายังเกาะกาลาปาโกสแห่งนี้ด้วย ต้องรอดูกันต่อไปว่ากฎนี้จะเริ่มบังคับใช้เมื่อไหร่

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

กรุณาปฏิบัติตามกฎทั้ง 14 ข้อ ของอุทยานแห่งชาติกาลาปาโกสอย่างเคร่งครัด

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

หากคุณชอบธรรมชาติ เกาะ Islas Ballestas ในเปรู นอกชายฝั่งแปซิฟิกจะทำให้คุณประทับใจได้เหมือนกัน ด้วยนกทะเลนับพันๆ เพนกวิน สิงโตทะเล และแมวน้ำ ที่พบได้พบเกาะ

ซิงเกว่ แตร์เร่, อิตาลี (Cinque Terre, Italy)

ห้าหมู่บ้านที่เรียงตัวตามแนวดิ่งของภูเขาริมชายฝั่งอิตาเลียน ริเวียร่าแห่งนี้ ทำให้คนตกหลุมรักจนดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 2.5 ล้านคนในปี 2015 ทำเอาผู้ดูแลเมืองถึงกับต้องเริ่มนโยบายจำกัดจำนวนคนให้เหลือเพียง 1.5 ล้านในปีถัดไป

แม้นโยบายนี้จะถูกติมากกว่าชม และทางเมืองก็ยังไม่ได้เอาจริงเรื่องนโยบายจำกัดจำนวนคน แต่ความกังวลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่ดูจะมากเกินอัตราก็ยังเป็นเรื่องจริง

ปัญหาก็คือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยเรือสำราญส่วนใหญ่มาที่นี่แค่ชั่วขณะเดียวและแทบไม่ใช้จ่ายอะไรเลย ในทางกลับกันคนจำนวนมากยังทำให้หมู่บ้านมีความเสี่ยงที่หน้าผาจะทรุดและดินถล่มอีกต่างหาก

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

ให้เลี่ยงช่วงฤดูร้อนที่เป็นไฮซีซั่น และไปแล้วอย่าลืมอุดหนุนร้านค้าและอาหารของคนท้องถิ่นด้วย

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

มุ่งหน้าลงใต้อีกหน่อย จะมีเมืองสุดสวยชื่อ ปอร์โตเวเนเร (Portovenere) เมืองแห่งนี้ไม่มีทางรถไฟผ่าน ทำให้ที่แห่งนี้คงความเป็นท้องถิ่น ที่มีคนพื้นเมืองจริงๆ มากกว่าจะคลาคล่ำด้วยบรรดานักท่องเที่ยวที่มักเดินทางด้วยรถไฟ

ทวีปแอนตาร์กติกา Antarctica

หนึ่งในพื้นที่ธรรมชาติที่ได้รับสมญาว่า ไม่มีมนุษย์อาศัย (เพราะไม่มีมนุษย์มาอาศัยอย่างถาวรที่นี่) แต่ขณะนี้นักสิ่งแวดล้อมกำลังกังวลเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ว่า มีนักท่องเที่ยวมากเกินไป!

อันที่จริงแล้ว การเดินทางมายังแอนตาร์กติกานั้นมีกฎระเบียบมากมาย เรือที่ได้รับอนุญาตให้แล่นเข้ามาก็ต้องมีผู้โดยสารไม่เกิน 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมากันครั้งละไม่เกินร้อยอยู่แล้ว เนื่องจากมีกฎระเบียบที่จะต้องปฏิบัติในแอนตาร์กติกามีเยอะมาก

แม้กระนั้น ในช่วงปีที่ผ่านมา ดินแดนใต้สุดของผืนโลกที่ไม่มีคนอาศัยถาวรแห่งนี้ ก็มีอัตรานักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ 44,367 คน ในช่วงปี 2016 -2017 การเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี้ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจจะมีการแสวงหาผลประโยชน์จากดินแดนแห่งนี้เกิดขึ้นได้

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมา

หากคุณชอบคนน้อยๆ ให้ลองเลือกมาร่วมกับเรือของทีมค้นหาทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะมีคนน้อยกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเยอะ

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง

เลือกแวะไปที่เกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ คุณจะได้สัมผัสน้ำแข็งเหมือนกัน โดยไม่ต้องไปถึงแอนตาร์กติกา

อัลบั้มภาพ CNN แนะนำ 12 เมืองท่องเที่ยว ที่ควรเลี่ยงในปีนี้ ภาพที่ 1 / 24

CNN แนะนำ 12 เมืองท่องเที่ยว ที่ควรเลี่ยงในปีนี้