เมื่อถูกยกเลิกตั๋วเครื่องบิน ทำยังไงต่อดี?
. ก่อนออกเดินทาง 2 เดือนผมได้รับ SMS ปริศนาที่ทำให้หัวใจเต้นรัวข้อความส่งมาเป็นภาษาอังกฤษจับใจความได้ว่า “ตั๋วเดินทางคุณถูกยกเลิก” เราได้เปลี่ยน Flight เป็นวันที่ 4 เมษายน เวลา 20:00 ซึ่งหมายความว่าผมจะต้องออกเดินทางเลื่อนไปอีกหนึ่งวันคือดึกวันเสาร์
. ความเครียดเริ่มระอุขึ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผม การเลื่อนเพียงแค่ 1 วันมันกลับมีค่ามหาศาลจะให้เปลี่ยนเป็นบินคืนวันเสาร์เนี้ยนะ ไม่มีทาง! ไม่ใช่ความผิดของผมเลย ผมพยายามหาข้อมูลใน internet ว่าผมจะต้องทำอย่างไรบ้าง
. อ่านจับใจความว่าตามกฎสายการบินเวลาเค้า Cancel flight เราจะสามารถขอเปลี่ยน flight ได้ตามที่ต่อรอง ขยับได้ทั้งขาไปและขากลับ และให้พยายามต่อรองให้ได้เยอะที่สุด อย่าเพิ่งยอมรับข้อเสนอแรกเช่นเลื่อนวันเดินทางไปวันถัดไปเด็ดขาด เค้าให้เปลี่ยนได้เพียงครั้งเดียว และไม่ควรรับข้อเสนอคืนเงินเด็ดขาดเพราะจองใหม่ตอนใกล้บินมันแพงมาก
( ถ้าใครโดนกรุณารีบกลับไปอ่านข้อตกลงของแต่ละสายการบินอย่างด่วน เพราะแต่ละเจ้าความรับผิดชอบไม่เหมือนกัน )
การเจรจาครั้งที่ 1
ของผมเริ่มต้นขึ้น ผมโทรไปที่สำนักงานของไทย ผมแจ้งไปว่าผมได้จองทุกสิ่งอย่างไว้แล้ว ยืนยันว่าจะเดินทางในวันเดิม ไฟล์ที่บินจากเมืองไทยไม่ยกเลิกดังนั้นจึงขอเปลี่ยนเป็นขึ้นจากกรุงเทพฯ พนักงานยืนยันว่าไม่สามารถเปลี่ยนจุดเริ่มต้นได้ยังไงผมต้องไปขึ้นที่เวียดนาม(โฮจิมิน) อาจจะสามารถทำให้ได้ 2 ทางเลือก
- เลื่อนวันออกเดินทางไปก่อนหน้านั้น 1 วัน ทุกอย่างเหมือนเดิม
- เปลี่ยนเป็น โฮจิมิน – กรุงเทพ – อาบูดาบี – สวิสเซอร์แลนด์
ซึ่งหมายถึงผมที่ต้องขึ้นจากกรุงเทพไปโฮจิมินรอบหนึ่งก่อนและบินกลับมากรุงเทพอีกรอบสรุปแล้วจะเป็น
กรุงเทพ – โฮจิมิน – กรุงเทพ – อาบูดาบี – สวิสเซอร์แลนด์ !! นั่งเครื่องบินเบื่อกันไปข้าง
การเจรจาครั้งที่ 2
จากนั้น 1 ชม. โทรได้โทรกลับมาแจ้งว่าขอ Option 2 ให้ได้แล้ว ส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ ทำไมเราต้องบินไปกลับเวียดนามไม่เข้าใจ ดังนั้นผมจึงขอคิดดูก่อนยังไม่ตอบรับข้อเสนอนี้ พนักงานแจ้งว่า “งั้นต้องติดต่อ Call center เองนะครับ เราช่วยได้เท่านี้” ผมเริ่มลังเลว่าจะตอบรับข้อเสนอจากพนักงานที่ไทยหรือจะโทรไปคุยกับ Call center สายการบินที่อยู่ต่างประเทศ เพราะภาษาอังกฤษในการโทรศัพท์ยากกว่าเห็นหน้ามากนัก
การเจรจาครั้งที่ 3
ผมตัดสินใจโทรไป Call center ที่ต่างประเทศด้วยภาษาอังกฤษอันโคตรอ่อนแอของผม คุยกันนานมากกว่าเค้าจะเข้าใจ สรุปใจความว่าปัจจุบันสรุปการบินของผมเป็น
“โฮจิมิน – กรุงเทพ – อาบูดาบี – สวิสเซอร์แลนด์”
. ผมได้แจ้งต้องการกับพนักงานไปว่าผมไม่อยากไปขึ้นที่โฮจิมินผมขอขึ้นจากกรุงเทพจะได้ไหมเป็น กรุงเทพ – อาบูดาบี – สวิสเซอร์แลนด์ ( ผมก็ไม่ต้องเสียเงินและเวลาบินไป ส่วนสายการบินก็ไม่ต้องเสียทรัพยากรให้ผมนั่งจาก โฮจิมินกลับกรุงเทพ win-win ทั้งคู่ ) พนักงานบอกว่าจะส่งเรื่องให้หน่วยงานไรสักอย่างอีก 2 ชม. ให้โทรมาเช็คอีกรอบหนึ่งนะ
. ผมเลยลองเช็คใน manage my booking ดูทันทีเพราะขนาดรอบที่แล้วยังเปลี่ยนให้ทันทีเลย พบว่าเส้นทางได้เปลี่ยนเป็น กรุงเทพ – อาบูดาบี – สวิสเซอร์แลนด์ ตามที่อยากได้แล้วและสถานะเป็น confirm แล้วด้วย
. แต่เรื่องยังไม่จบ… เพราะยังไม่ได้ E-ticket ที่ถูกต้อง ผมโทรเข้าไปตามที่ Call center อีกถึง 3 รอบกว่าทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ รอบที่ 4 พนักงานแจ้งว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ผมเม้งไปอีกรอบว่าเป็นความผิดสายการบินนะเว้ย ไม่ใช่ความผิดผม
. เรื่องตั๋วเครื่องบินแม้จะมีเรื่องให้ตื่นเต้นและตกใจแต่ก็จบได้สวยงาม ผมได้ตั๋วเครื่องบินที่บินออกและกลับสู่กรุงเทพมหานคร ในราคาเพียง 20,500 บาทในช่วงเวลาทอง ถูกจนทุกคนต้องอึ้งเมื่อผมบอกราคาค่าตั๋วเครื่องบิน ถือเป็นประสบการณ์ที่อยากเล่าแล้วกันนะครับ
บทสรุป
การต่อรองมันไม่มีเกณฑ์ตายตัว เค้าอาจจะยอมให้ผม แต่เค้าอาจจะไม่ยอมให้คุณก็ได้นะครับ หรือบางคนอาจจะได้สิ่งดีกว่าผมก็ได้ก็มีเหมือนกัน ตัวอย่างที่ผมเคยค้นมา
1. ได้เลื่อนวันทั้งหัว-ท้าย
2. ได้ขึ้นจากไทย
3. ยอมเลื่อนไปแต่ได้รับอัพเกรดเป็น Business class
4. ได้รับ mile สะสมจำนวนมาก
5. ขอ STPC ได้ ( stopover paid by carrier ) ในกรณีที่ไฟล์ทที่บินต่อถูกเลื่อนไปนาน เช่น ต้องไปอยู่ที่สนามบิน 32 ชั่วโมงอย่างเงี้ย ใครมีเวลาว่างลองขอเป็น STPC ดู สายการบินจะออกค่าวีซ่า ค่าเที่ยวประเทศเค้าให้ในระหว่างที่เราต้องรอเพิ่มแบบนี้ ก็ถือว่าเป็น win-win กันอีกทาง
โชคดีไม่ถูกเลื่อน หรือ ถูกเลื่อนก็ต่อรองได้จนพอใจนะครับ
มาพูดคุยกับชิล มนุษย์เงินเดือนที่ฝันจะไปรอบโลกได้ที่ช่องทางนี้เลย
Facebook : http://www.fb.com/ChillJourney
Instagram : @ChillJourneyTH