[JAPAN ON A BUDGET] 9 ที่ห้ามพลาดย่าน Kichijoji ชอปและชิลในย่านเดียว
Kichijoji เป็นย่านที่รวมทั้งบ้านคน, แหล่งช๊อปปิ้ง, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร, สวนสาธารณะขนาดใหญ่ และพิพิธภัณฑ์ อยู่รวมกันอย่างลงตัว เรียกได้ว่าเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย มาย่านเดียวใช้เวลาอยู่ได้ทั้งวันเลย
ไม่แปลกใจเลยว่า Kichijoji เป็นหนึ่งในย่านที่น่าอยู่ที่สุดในโตเกียว
Kichijoji station อยู่ห่างจาก Shinjuku station ไปเพียง 15นาที โดย JR Chuo line มีทางออก 2ทาง คือ North exit และ South exit
North exit จะมีถนนช๊อปปิ้ง 2 เส้นหลักๆ คือ Nakamichi-dori เป็นโซนร้านกาแฟ ภัตตาคารหลากหลายเชื้อชาติ ร้านเฟอร์นิเจอร์เก่าสวยๆ ร้าน zakka และคาเฟ่น่ารักๆมากมาย อีกเส้นคือ Sun road เป็นโซนช๊อปปิ้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มีทั้งมือ1 มือ2 แบรนด์ท้องถิ่นก็มีหลายร้านเลย
ส่วน South exit จะเป็นโซนสวน และ พิพิทธภัณฑ์ค่ะ
มาดูกันว่า อะไรบ้างที่ทำให้เราติดใจย่านนี้
1. DON DON DOWN ON WEDNESDAY
เป็นร้านเสื้อผ้ามือสองที่มีสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ร้านนี้จะมีของแบรนด์เนมปนมาเยอะค่ะ มีทั้งของผู้หญิงและชาย เป็นร้านโปรดของเราเลย เจอสาขาไหนก็ต้องลองเข้าเพราะของแต่ละสาขาไม่เหมือนกัน ก็ของมือสองนี่เนอะ โชคดีก็เจอของดีราคาถูกใจ โชคร้ายก็กลับมือเปล่า
ทีเด็ดของร้านนี้อยู่ที่การตั้งราคาค่ะ ราคาจะลดลงเรื่อยๆทุกวันพุธ (ตามชื่อร้าน) ถ้าเปลี่ยนป้ายราคาทุกตัวทุกอาทิตย์ก็คงไม่ไหว เค้าก็เลยใช้วิธีตั้งราคาไว้เป็นรูปผลไม้ค่ะ แล้วเปลี่ยนแค่ป้ายที่บอกว่าผลไม้อะไรเท่ากับราคาเท่าไหร่แทน เช่นวันนี้แครอท= 1,500 yen วันพุธหน้าแครอทก็จะเปลี่ยนเป็น 900yen และลดลงไปเรื่อยๆ มาอีกทีอาจเหลือ 100yen! (ถ้าไม่มีใครสอยไปซะก่อนนะ)
ชอบที่ของแต่ละชิ้นได้ค้นหาราคาที่เหมาะกับตัวเองไปเรื่อยๆ ของดีก็จะถูกซื้อไปเร็วที่ราคาสูงหน่อย แต่ของที่ราคาลงมาถูกๆก็ใช่ว่าไม่ดีเสมอไปนะ อาจจะหลุดรอดสายตา รอเวลาเจอเนื้อคู่ คนคิดนี่ฉลาดเนอะ
ON A BUDGET tip:
วันที่ 29 ของทุกเดือนจะลดราคาทั้งร้าน 29%ด้วยนะ ร้านนี้มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษอยู่บ่อยๆ ก่อนไปช๊อป ลองเชคทางเว็บเค้าก่อนนะคะ
http://dondonblog.com/kichijoji/
เปิด 11.00 - 21.00
พิกัด https://goo.gl/orGFQV
2. MODE OFF
เห็นนามสกุล off ขอให้รู้เลยว่าเป็นร้านขายของมือสองราคาถูกก เป็นญาติกับ Book off, Hard Off, Garage Off, Off-House, Hobby Off ค่ะ
ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านเสื้อผ้ามือสองที่เราชอบแวะ ขายกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ทั้งของหญิงและชาย และมีโซนของแบรนด์เนมแยกเป็นสัดส่วนไว้ด้วย ราคาจะสูงหน่อยค่ะ แต่ละสาขาจะขายของไม่เหมือนกัน
จุดเด่นของ Mode off จะมีโซนทุกชิ้น 300yenด้วย สาขานี้อยู่ชั้น 2ค่ะ มีของให้เลือกเพียบเลย และที่สำคัญ กระบะ SALE ข้างประตูตัวละ 100yen ! รวมถึงเดรสที่เรากำลังถืออยู่นั่นด้วยค่ะ
MODE OFF KICHIJOJI
เปิด 11:00-21:00 ,วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุด 10:00-21:00
พิกัด https://goo.gl/1Rejhi
ดูสาขาอื่นได้ที่ลิ้งนี้ค่ะ
http://www.hardoff.co.jp/shop/kanto/tokyo/modeoff/
จริงๆที่ Kichijoji มี Book offด้วย แต่สาขานี้มีแต่หนังสือมือสอง ซึ่งเราอ่านญี่ปุ่นไม่ออก เลยขอข้ามไปนะคะ
3. SHOE PLAZA
ร้านนี้อยู่ในโซน Sun road ค่ะ เป็นศูนย์รวมรองเท้าทุกแบบทุกสไตล์ หลากหลายยี่ห้อ รวมถึงแบรนด์ฮิตอย่าง "Onisuka tiger" ด้วย มีแบบและสีให้เลือกเพียบ ราคาถูกกว่าตามห้าง และยังเป็น "TAX FREE SHOP"ด้วยนะค้า
พิกัด https://goo.gl/y2W0Ug
4. SUNROAD
เป็นถนนหลักของ Kichijoji มีหลังคายาวตลอดถนน ฝนตกแดดออกก็หยุดช๊อปไม่ได้ เพราะเรียงรายด้วยร้านค้ามากมาย ขายสินค้าสำหรับคนทุกเพศทุกวัย มาช๊อปกันได้ทั้งครอบครัว ราคาไม่แพงด้วยค่ะ
ร้านที่มีกันสาดสีแดงในรูป เป็นร้านขนม,ของฝาก ราคาถูก และมีให้เลือกเยอะมากกก เป็นร้านเดียวกับที่คนไทยชอบไปซื้อที่สาขา Shinjukuค่ะ
5. LAWSON STORE 100
ใช่แล้วค่ะ ทุกอย่างในร้านสะดวกซื้อนี้ ราคา 100yen เท่ากันหมด! มีทุกสิ่งให้เลือกซื้อ เหมือนร้านสดวกซื้อทั่วไปเลย ทั้งขนม นม เนย อาหารสด อาหารพร้อมทาน มีกระทั่งตราปั้มชื่อด้วย
ร้านนี้จะหายากกว่า LAWSON ธรรมดาหน่อย แต่ไปรอบนี้เราก็เจอหลายสาขาอยู่นะ แถว Kichijoji ก็มี 2สาขา ใครหาของกิน ของฝากราคาไม่แพง ลองมาเลือกดูนะค้า
(ในรูปนี้ไม่ใช่สาขา Kichijojiนะคะ ลืมถ่ายรูปสาขานี้มา เลยลงรูปสาขาแถว Nakanoให้ดูแทนค่ะ)
พิกัด https://goo.gl/wwNhrZ
อีกสาขา https://goo.gl/fjO3y9
แกงกะหรี่มีให้เลือกหลายแบบมาก แบบก้อนกล่องนึงซื้อมาทำกินที่บ้านได้หลายมื้อเลย รสชาติเหมือนกินที่ร้าน ช่วยให้หายคิดถึงญี่ปุ่นได้นิดนึง
- โมจิ, ดังโงะ, ขนมปัง
ขนมมีให้เลือกเยอะมาก จนเลือกไม่ถูก ใครเคยกินอันไหนแล้วอร่อยมาบอกกันมั่งนะคะ
เราได้ลองโมจิใส้ถั่วแดง อร่อยดีนะ ไส้เยอะ ไม่หวานมาก มีเม็ดถั่วแดงใส่มาเป็นตุ่มๆด้วย น่ารักอ่ะ
6. GHIBLI MUSEUM
สำหรับหลายๆคน ชื่อนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็เพียงพอที่จะใส่ไว้ในหนึ่งสถานที่ที่ "ต้องมา" สำหรับการมาโตเกียว แน่นอน รวมเราด้วย!! เรียกว่าอยากมาตั้งแต่หลายปีก่อนทริปญี่ปุ่นจะเป็นรูปเป็นร่างด้วยซ้ำ
Ghibli studio เป็นผู้ผลิตเอนิเมะที่ทำงานมายาวนาน ทำหนังน่าประทับใจไว้มากมาย เช่น my neighbor totoro, grave of friesfly, porco rosso, tales of princess kaguya, the wind rises, อีกมากมายหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องล่าสุดที่เข้าฉายในบ้านเราไม่นานมานี้อย่าง when marnie was there
สำหรับเรา หนังที่คว้าออสการ์สาขาเอนิเมชั่นยอดเยี่ยมอย่าง spirited away เป็นเรื่องแรกที่เราดู และประทับใจจนต้องไปดิ้นรนหาหนังจากสตูดิโอนี้มาดูเกือบครบทุกเรื่องเลย จากนั้นก็ติดตามผลงานตลอดมา
ตัวพิพิธภัณฑ์ ออกแบบได้น่ารักมาก หลายๆมุมก็จำลองมาจากหนังหลายๆเรื่องให้แฟนๆได้นั่งนึกย้อนกันสนุกสนาน ส่วนจัดแสดงมีทั้งประวัติของสตูดิโอ กระบวนการทำเอนิเมะว่ามีขั้นตอนยังไงบ้าง และมีโรงหนังขนาดเล็กที่จัดฉายเอนิเมะเรื่องพิเศษที่ฉายที่นี่ที่เดียวด้วย
ตั๋วเข้าชมเป็นฟิล์มขนาดเล็ก จากเรื่องต่างๆสลับกันไป สำหรับแฟนๆแล้วแค่ตั๋วนี้ก็กรี๊ดแล้วค่ะ ถ้ามีเด็กๆมาด้วย ก็มีสนามเด็กที่มีตัวละครในเรื่องอยู่เป็นเพื่อนเล่นค่ะ คนที่ไม่เคยดูหนังของที่นี่ ถ้าลองมาแล้วต้องกลับไปหามาดูแน่นอน
การจองตั๋วเข้าชมอาจจะยากนิดนึง ไปซื้อหน้าพิพิธภัณฑ์ไม่ได้ มีช่องทางเดียวคือจองผ่านตู้ขายตั๋วอัตโนมัติใน lawson จะได้ตั๋วในราคา 1000 yen แต่จองยากหน่อย เพราะเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด ต้องระบุวันที่, เวลาเข้าชมที่แน่นอน ไปผิดรอบไม่ได้ และตั๋วขายหมดเร็วมากโดยเฉพาะวันหยุด ถ้ามีคนรู้จักในญี่ปุ่นควรฝากจองล่วงหน้าซัก1เดือน หรือไม่ก็รีบซื้อตั๋วตั้งแต่วันแรกๆที่มาถึงนะคะ
วิธีการซื้อตั๋วที่ Lawson
ถ้าไม่สดวกจริงๆก็มีอีกวิธีคือจอง onlineผ่านเอเย่นต์อย่าง Vovagin หรือ Japanican ราคาจะอยู่ที่ 6,600และ 6,500yen เลยค่ะ
พิกัด https://goo.gl/UTk4Kn
7. INOKASHIRA PARK
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีสระน้ำ, สวนสัตว์, วัด และ Ghibli museum อยู่มุมหนึ่งของสวนด้วย ครั้งนี้เราแค่เดินผ่านระหว่างทางไป Ghibli museum รู้แค่ว่าเป็นสวนที่ร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ๆ เยอะมาก เหมือนเป็นป่ากลางเมือง จินตนาการให้โตโตโร่โผล่ออกมาได้เลย
สวนนี้ติด5อันดับ สถานที่ชมซากุระที่สวยที่สุดในโตเกียว ถ้ามีโอกาสมาหน้าซากุระ จะไม่พลาดที่นี่แน่นอนค่ะ
พิกัด https://goo.gl/DioZFv
- http://tokyo.for91days.com/sakura-sakura-the-cherry-blossoms-of-tokyo/#inoka
8. LIGHT UP COFFEE
ร้านกาแฟร้านนี้แค่ชื่อก็สะดุดหูแล้วค่ะ light up นอกจากแปลได้ประมาณว่า เปิดไฟ เพิ่มความสดใสให้ชีวิตด้วยกาแฟดีๆแล้ว ยังหมายถึงระดับการคั่วกาแฟได้ด้วย (light คั่วอ่อน - dark คั่วเข้ม) สำหรับคนที่จริงจังเรื่องกาแฟแล้ว จะรู้ว่าการคั่วอ่อนทำให้เอกลักษณ์ของกาแฟที่มาจากแหล่งปลูกต่างกันแสดงตัวออกมาได้ชัดเจน และนี่เองที่ทำให้ร้านนี้แตกต่างจาก cafe อีกสองสามแห่งในถนนเส้นนี้ ซึ่งคั่วกาแฟเองเช่นกัน แต่ทำในแบบดั้งเดิมที่คั่วเข้มกว่า และได้รสชาติที่ต่างกันเยอะเลยค่ะ
ยูมะซัง และทามิโตะซัง มีความสุขกับการพูดคุยกับลูกค้ามากๆ (ยูมะซังพูดภาษาอังกฤษเก่งมากจนเราตกใจ เก่งกว่าประชาสัมพันธ์ที่สนามบินเสียอีก แนะนำร้านกาแฟเก๋ๆในโตเกียวให้เราอีกหลายแห่ง) ตอนเรานั่งอยู่มีหลายคนแวะเวียนมาพูดคุยเรื่องกาแฟ และซื้อเมล็ดกาแฟคั่วกลับไปชงกินเองที่บ้านด้วย เราเองหลังจากลองชิมแล้วก็อดไม่ไหว ซื้อกาแฟที่ปลูกในโบลิเวียกลับมาถุงนึงค่ะ กลับมาชงกินเอง ฟินที่บ้านต่อ
ร้านจัดได้น่ารักมากค่ะ โทนสีฟ้าประจำร้านสดใส มีเครื่องคั่วขนาดหนึ่งกิโลกรัมอยู่มุมนึง หน้าร้านก็มีหนังสือเกี่ยวกับกาแฟให้อ่านมากมาย มีเสื้อของร้านที่น่ารักมากกกกกกก (ตีแบรนด์uniqlo ด้วยนะ!) สำหรับใครที่ไม่ได้ชอบกาแฟ filter ขนาดนั้น ที่นี่ก็มี espresso อร่อยๆ และ latte art สวยๆด้วย
เราลองเมนูนี้ค่ะ coffee tester set เก๋มากกกกก เลือกได้ทั้ง ร้อน-เย็น เมนูเดียวจะได้เห็นความแตกต่างของกาแฟสามแหล่งด้วยกันค่ะ
**เตือนไว้ก่อนสำหรับคนที่ไม่ชอบกาแฟเปรี้ยว กาแฟที่คั่วและชงแบบนี้จะเปรี้ยวค่ะ หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ลองเปิดใจ ค่อยๆดูว่านอกจากความเปรี้ยวบนลิ้น มีความหวาน ความฉ่ำคอรวมอยู่ด้วย แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน ถ้าลองชิม และค้นหาดูจะกินกาแฟสนุกขึ้นนะคะ
พิกัด https://goo.gl/anwzSe
9. DON QUIJOTE
คนไทยคงจะรู้จักร้านดองกี้กันดีอยู่แล้ว เพราะโปรโมทที่ไทยหนักมาก มาแจกส่วนลดตามงานท่องเที่ยวทุกรอบ มีเว็บภาษาไทย แถมหลายสาขามีพนักงานพูดไทยได้คอยเป็นล่ามอยู่ด้วย ร้านดองกี้มีสาขาทั่วประเทศเลย เป็นร้านจิปาถะ ขายทุกอย่างตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ ไม่ใช่ละ ต้องลองมาเดินเอง แล้วจะแปลกใจว่าเฮ้ยย ไอนี่ก็มีขายด้วย
ข้อควรระวังคือ ของที่ดองกี้ไม่ใช่ถูกไปทั้งหมดนะคะ มีทั้งถูกและแพงปนกันไป แถมแต่ละสาขาราคาไม่เท่ากัน ไม่ใช่ต่างกันนิดหน่อยนะ บางอย่างแพงกว่ากันที30%ก็มี ถ้าเจอที่ไหนถูกแล้ว อย่ารอซื้อรวมกันที่สาขาอื่นนะคะ
สาขานี้เด็ดตรงที่ มีขายกระเป๋า KANKENราคาถูก และมีสีสวยๆให้เลือกเยอะเลยค่ะ แถมซื้อครบหมื่นได้ราคา tax freeด้วย
พิกัด https://goo.gl/tY0j9Y
- ใครอยากใส่ชุดยูกะตะ ก็ซื้อได้ที่นี่ ราคาไม่แพง มีของผู้ชาย และของเด็กด้วย
- ขนาดมันปิ้งยังมีขายที่ดองกี้!
KANKEN รุ่น classic ใบละ 7,700 yen ส่วน mini ใบละ 7,000 yen ถือว่าถูกกว่าในไทย และไต้หวันด้วย
เอ้อ ตอนนี้ร้านดองกิโฮเต้สามารถ pre-order ของที่ต้องการได้แล้วนะ
ใครไม่มีเวลาช๊อป แต่มีของที่อยากได้อยู่ในใจแล้ว
สามารถสั่งก่อนเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย1อาทิตย์นะคะ
ไปถึงก็ไม่ต้องไปตามหาให้วุ่นวาย เข้าไปรับที่ร้านได้เลยค่ะ
On a budget TIP
- ซื้อของกินครบ 5,000หรือของใช้ครบ 10,000 yen ได้ลดภาษี 8%ด้วยนะ
- สั่งล่วงหน้าช่วงนี้ จะได้รับบัตร majica ที่มีเงินในบัตร 500 yen สำหรับใช้ซื้อของที่ร้านดองกี้ด้วยค่ะ เริ่ดเวอร์ ไม่รู้จะหมดโปรเมื่อไหร่นะ
- ไปช๊อบเองที่ร้าน บางสาขาอาจจะได้ราคาถูกกว่าสั่งในเว็บไซท์ แต่ของแต่ละสาขามีไม่เหมือนกัน และราคาไม่เท่ากันนะคะ
สินค้าที่ไม่มีในเว็บ อย่างกระเป๋าKanken ก็สามารถสั่งได้ทางนี้เลยค่ะ
https://goo.gl/6L0sED เว็บภาษาไทยซะด้วย เอาใจคนไทยสุดๆ
9 สถานที่นี้ เลือกมาตามสไตล์เรานะคะ จริงๆยังมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะเลยค่ะ ใครเบื่อความวุ่นวายกลางเมืองแล้ว ลองมาเดินเล่นย่านนี้ดูนะคะ^^
ความเดิม ตอนที่แล้ว
"ตอนที่1 JAPAN "BUS" PASS ทางเลือกคนงบน้อย"
"ตอนที่ 2 คุมงบยังไง ไปไหนมาบ้าง"
"ตอนที่ 4 ที่พักหลักหลักร้อย กับจักรยาน ในเกียวโต"
ติดตามตอนต่อไปได้ทาง http://travel.sanook.com/blog/author/earnonabudget/
และอย่าลืมแวะมาคุยกันที่เพจ www.facebook.com/earnonabudget นะคะ