รีวิวร้าน Botejyu (โบเทจู) สุดยอดโอโคโนมิยากิและยากิโซบะกระทะร้อนชื่อดังจากโอซาก้า! เป็นเจ้าแรกที่ใส่มายองเนสและมัสตาร์ดในพิซซ่าญี่ปุ่น! ถ้ารู้ที่มาของเมนูนี้แล้วจะต้องหลงรัก ^ ^ โดย ChingCanCook

รีวิวร้าน Botejyu (โบเทจู) สุดยอดโอโคโนมิยากิและยากิโซบะกระทะร้อนชื่อดังจากโอซาก้า! เป็นเจ้าแรกที่ใส่มายองเนสและมัสตาร์ดในพิซซ่าญี่ปุ่น! ถ้ารู้ที่มาของเมนูนี้แล้วจะต้องหลงรัก ^ ^ โดย ChingCanCook

รีวิวร้าน Botejyu (โบเทจู) สุดยอดโอโคโนมิยากิและยากิโซบะกระทะร้อนชื่อดังจากโอซาก้า! เป็นเจ้าแรกที่ใส่มายองเนสและมัสตาร์ดในพิซซ่าญี่ปุ่น! ถ้ารู้ที่มาของเมนูนี้แล้วจะต้องหลงรัก ^ ^ โดย ChingCanCook
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

DSC06460_resize

วันนี้ชุ้งชิ้ง ChingCanCook ขอเอาใจคนรัก พิซซ่าญี่ปุ่น หรือ โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) กับ ยากิโซบะกระทะร้อน (Teppan Yakisoba) เป็นพิเศษค่ะ เพราะร้าน Botejyu (ออกเสียงว่า โบ-เท-จู) เค้าโดดเด่นด้วยเมนูเหล่านี้เป็นหลักเลยนะคะ! คนไทยเราอาจจะไม่คุ้นกับการกินโอโคโนมิยากิเป็นจานหลัก แต่ที่ญี่ปุ่นต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องปรกติสุขมาก เพราะจะมีร้านขาย โอโคโนมิยากิ กับ มอนจายากิ (Monjayaki) เยอะแยะเบย มอนจายากิก็คล้ายๆกับโอโคโนมิยากิเลย แต่จะหนืดๆกว่า เวลากินต้องรอให้เกรียมๆหน่อย ชิ้งเคยกินเมนูนี้ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น เพราะญาติพาไปกิน ส่วนตัว ชิ้งชอบโอโคโนมิยากิมากกว่านะ ในขณะที่คุณญาติ Ms.Masami จะเทใจให้มอนจายากิ เอาเป็นว่าแล้วแต่ชอบค่ะ

 

นอกจากคนญี่ปุ่นจะกินโอโคโนมิยากิเป็นจานหลักแล้ว ที่แปลกอีกอย่างก็คือ เค้ามักกินกับเบียร์หลังเลิกงาน ซึ่งไม่รู้จิ ชิ้งว่าเวลาดื่มเบียร์ จะนึกถึงแต่อาหารแซ่บๆ อันนี้อาจจิเป็นช่องว่างทางวัฒนธรรมก็เป็นได้ 555

DSC05997_resize

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีดังนี้ค่ะ จาน ตะเกียบ กับ ตะหลิวมินิหรอ 555 สะดวกดีค่ะ ใช้ตัดพวกโอโคโนมิยากิ แล้วใช้ฝั่งส้อมจิ้มขึ้นมาเลย

 

แล้วเพื่อนๆรู้มั้ยคะ ว่า โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ได้อย่างไร? มามะ เค้าจะเล่าให้ฟัง ^ ^

 

ย้อนเวลากลับไปในช่วง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนั้นญี่ปุ่นแพ้สงครามอย่างที่เรารู้ๆกัน ประชาชนแร้นแค้นกันมาก แทบไม่มีอะไรจะกิน ทางอเมริกาเลยส่งวัตถุดิบมาช่วยเหลือ โดยที่ประชาชนแถวๆ Osaka, Hiroshima, Kobe ก็จะได้รับแป้งไปเยียวยา เพื่อประทังความหิว เป็นเหตุให้พวกเค้าต้องคิดค้นเมนูอร่อยที่ทำจากแป้งขึ้นมาให้ได้ หลังจากนั้นพวกเค้าก็ลองใส่ผักที่มีในท้องที่ เช่นพวกกะหล่ำปลีซอย เนื้อสัตว์ต่างๆที่พอจะหาได้ และคิดค้นซอสที่จะช่วยทำให้เมนูนี้อร่อยยิ่งขึ้น และแล้วในที่สุด โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) ก็คลอดออกมาให้ชาวโลกได้ยลโฉมกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และถือว่าเป็นเมนู OTOP ประจำจังหวัด โอซาก้า เลยนะก๊ะ ^ ^ ในขณะที่ ชาวโตเกียว ได้รับข้าวไป อาหารขึ้นชื่อของโตเกียวเลยเน้นไปทาง ซูชิ ข้าวปั้น ค่ะ

 

เอาหล่ะ เมื่อรู้ประวัติคร่าวๆของ โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) กันแล้ว จะรอช้าอยู่ไย รีบสั่งออเดอร์รัวๆเลยครัช ^ ^ เริ่มจาก...เมนูพระเอกตัวจิงเสียงจิงสิจ๊ะกับ Premium Osaka Okonomiyaki

 

แต่ก่อนจะไปที่อาหาร ชิ้งขออนุญาตแชะภาพ เชฟเจ็ต  Executive Chef ของ โบเทจู ขณะทำโอโคโนมิยากิมาให้ดูด้วยค่ะ เพราะเชฟเองต้องบินไปเรียนวิธีทำถึงประเทศญี่ปุ่นเชียวนะ!!! คือทุกอย่างต้องออริจินอล รสชาติห้ามผิดเพี้ยน อาหารคือต้องเป๊ะเหมือนบินไปกินที่ญี่ปุ่นเลย ซึ่งคนญี่ปุ่นเค้าจะซีเรียสเรื่องพวกนี้มากๆค่ะ ก็แหม! ชื่อเสียงเค้านินา อุตส่าห์สร้างมากับมือ เน๊าะ! ลืมบอกไปว่า ร้านโบเทจู (Botejyu) เป็นร้านเก่าแก่ค่ะ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946!!! ปัจจุบันอายุ 69 ขวบแร้น โอ้ว! มันช่างยาวนานมากจีจี สาขา1ถือกำเนิดที่เมืองโอซาก้าเลย และเป็นร้านแรกที่ใส่มายองเนสและมัสตาร์ดในเมนูโอโคโนมิยากิ จนได้รับความนิยมมั่กๆ ณ วันนี้มีสาขาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบเอเชียมากกว่า 86 สาขา!!! เลยนะฮะ

 DSC06464_resize

DSC06466_resize

DSC06468_resize

DSC06469_resize

DSC06470_resizeDSC06471_resize

DSC06472_resize

เชฟเจ็ตบอกว่าเมนู Premium Osaka Okonomiyaki ใช้เวลา grill ประมาณ 15 นาที ที่อุณหภูมิประมาณ 150-180 องศาค่ะถึงจะสุก ซึ่งนานกว่าการทำโอโคโนมิยากิทั่วๆไป เพราะแบบพรีเมียมจะหนากว่าปรกติ ใช้กระหล่ำปลีซอย ถึง 140 กรัม ในขณะที่โอโคโนมิยากิอื่นๆที่เสิร์ฟในร้านจะใช้แป้ง 80 กรัมเหมือนกันแต่ใส่กะหล่ำปลีแค่ 120 กรัมเท่านั้น และที่บอกว่าพรีเมียมก็เพราะใส่เนื้อสัตว์หลายชนิด มีทั้ง เนื้อหมู3ชั้นสไลด์ เนื้อวากิว ปลาหมึก กุ้ง และยามะอิโมะ (มันมือเสือ เป็นหัวไช้เท้าของญี่ปุ่นค่ะ คุณสมบัติของเค้าเมื่อนำไปเป็นส่วนผสมในตัวแป้งของโอโคโนะมิยากิจะช่วยให้ตัวแป้งฟูขึ้น) เอาหล่ะมาชมผลงานที่เชฟเจ็ตอุตส่าห์ไปฝึกปรือมาซะนานดีก่าค่ะ ^___<

DSC06018_resize

DSC06023_resize

DSC06024_resize

ต้องบอกว่าเมนูนี้อร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำของทางร้านจิงๆค่ะ ตัวซอสเจ้มจ้นมากกกกกกก ไม่หวานไปนะคะ กลมกล่อมเลยแหล่ะ แถมราดมายองเนสมาด้วย มันช่างเข้ากั๊น เข้ากัน! ไหนๆเจอเชฟตัวเป็นๆ แม่ครัวอย่างเราก็เลยแอบถามสูตรซอสและมายองเนสทันทีค่ะ ซึ่งเชฟน่ารักมากๆเลยค่ะ ส่วยหัวยิกๆแล้วบอกว่าไม่รู้เหมือนกาน เพราะเป็นสูตรลับเฉพาะของทางร้าน ลับขนาดเชฟเองยังไม่รู้อ๊ะ 555 คือทั้งซอส ทั้งมายองเนส ตัวแป้ง น้ำสลัด ฯลฯ ในร้าน ส่วนมากเค้านำเข้ามาจากสาขาที่ญี่ปุ่นค่ะ เพื่อคงรสชาติไว้นั่นเอง Okonomiyaki ร้านนี้กรอบนอกนุ่มในค่ะ ถ้าใครอยากเพิ่ม ซอส ปลาโอแห้ง (bonito) หรือ อาโอโนริ (สาหร่ายผง) สามารถเติมเองได้นะคะ เพราะเค้าจะวางไว้ที่โต๊ะให้เลยค่ะ

DSC05963_resize

ซอส ปลาโอแห้ง (bonito)

DSC05964_resize

อาโอโนริ (สาหร่ายผง)

มาต่อกันด้วยเมนูถัดไปเลยค่า...

DSC06001_resize

DSC06002_resize

เมนูนี้ชื่อว่า Mordern-Yaki ค่ะ ซึ่งมาแรงทีเดียว เป็นอีกเมนูที่ทำยาก เค้าแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นไข่ ตรงกลางเป็นเส้นยากิโซบะ ส่วนด้านบนสุดจะเป็นแป้ง ตัวซอสเป็นตัวเดียวกัน ชอบที่มีขิงช่วยตัดเลี่ยน เมนูนี้ทานง่าย น่าจะถูกปากคนไทยค่ะ มีเนื้อสัตว์หลายอย่างอีกแย้วทั้งหมู เนื้อวากิว ปลาหมึก และกุ้ง เห็นแล้วเค้าอยากทำเมนูอะไรรู้ม้ายยย? เค้าอยากจิทำโอโคโนมิยากิใส่เส้นมาม่าและชีสแหล่ะ อิอิ ไว้ต้องลอง!

 

พูดถึงชีส ชีสก็มาค่ะ เชิญพบกับ Mochi and Cheese Okonomiyaki ซึ่งเป็นโอโคโนมิยากิที่ใส่ โมจิ ชีส และเนื้อหมู3ชั้นสไลด์ ^ ^

DSC06016_resize

กินคำแรก เอ๊ะ! ทำไมออกเค็มๆ เชฟบอกว่าเค้าเน้นชีสเป็นหลักค่ะ ให้ออกรสชาติเค็มๆสไตล์ชีสเลย แต่ถ้าใครไม่ชอบ ก็สามารถเติมซอสได้นะ ซึ่งเค้าว่าเติมแล้วอาหย่อยกว่าแหล่ะ อิอิ เมนูนี้ใช้แป้ง  80 กรัม และ กะหล่ำปลี 120 กรัมค่ะ เลยใช้เวลาทำแค่ 10-12 นาทีเท่านั้น

 

ทันใดนั้นเองพนักงานก็มาเสิร์ฟ 2 เมนูนี้มาให้ค่ะ เพิ่มความสดชื่นได้ถูกเวลาจีจี ^ ^

DSC05995_resize

DSC05996_resize

Oboro Tofu เต้าหู้เย็นค่ะ แนะนำให้ใส่โชยุลงไปหน่อย จะอร่อยขึ้น กินแล้วรู้สึกช่วยเพิ่มธาตุเย็นให้ร่างกายดีค่ะ

DSC06009_resize

Caesar Salad with Thick Bacon and Onsen Poached Egg ซีซ่าร์สลัด กับเบคอน และไข่ออนเซนค่ะ มีให้เลือก 2 size คือ R และ M ความพิเศษ น่าจะอยู่ที่เบคอนชิ้นหนาๆนั่น และไข่ออนเซนค่ะ เพราะเท่าที่เคยเห็นมาเบคอนจะบางๆกรอบๆ และไม่เคยเห็นเจ้าไหนเสิร์ฟมาพร้อมไข่ออนเซนแบบนี้เลย แลดูญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ^ ^ เชฟเจ็ตสอนทำไข่ออนเซนด้วยน้า เชฟบอกให้ต้มน้ำให้เดือด ปิดไฟ แล้วใส่ไข่ลงไป จับเวลาให้ได้ 7 นาที แต่ถ้าอยู่ญี่ปุ่นต้อง 9 นาที เพราะอากาศหนาว เอาไว้ชุ้งชิ้งจะลองทำดูนะคะ ฮึ่มๆ

 

นอกจากซีซ่าสลัด ทางร้านยังมีสลัดอีกแบบนึงค่ะ แต่จำชื่อเมนูไม่ได้ T___T เค้าใช้น้ำสลัดงาสูตรของ Botejyu เอง น้ำสลัดเค้าอร่อยมากอ่ะ กลมกล่อม แนะนำจากใจเลยค่ะ ^___< เสียดายที่เค้าไม่แยกขายเฉพาะน้ำสลัดให้เราซื้อกลับบ้าน

DSC06494_resize

หลังจากเพิ่มความสดชื่นกันไปแล้วก็มาต่อกันที่เมนูนี้ค่ะ

DSC06029_resize

ข้าวผัดโซบะ คือมีทั้ง ข้าว และ เส้นยากิโซบะ ผัดรวมกัน ซอสที่ใช้ผัดน่าจะเป็นตัวเดียวกันนะคะ ขอเดาต่อว่าเมนูนี้น่าจะเกิดขึ้นในวันที่มีเส้นยากิโซบะเหลืออยู่ไม่เยอะ ผัดออกมาได้นิดเดียว ไม่อิ่ม เลยเพิ่มข้าวลงไปผัดด้วย 555 แต่อร่อยดีนะคะ ได้ยินว่าเป็นเมนูขายดีซะด้วยน้า รสชาติไม่ได้ไปทางยากิโซบะนะฮะ น่าจะมาทางโอโคโนมิยากิมากว่า แต่เปลี่ยนจากแป้งเป็นข้าว+เส้น แปลกดีค่ะ ไว้จะลองทำสปาเก็ตตี้+ข้าวเขียวหวานผัดแห้งดู อิอิ

 

ยังไม่หมดนะคะ พอดีไปกัน 5 คน มาต่อที่เมนูนี้เลยค่า

DSC05987_resize

DSC06014_resize

Tonpei-yaki Pork ทงเปยากิ พอร์ค (หมูห่อไข่) แน่นอนหล่ะว่าข้างในป็นหมู แล้วมาห่อด้วยไข่ที่ไม่สุกมาก เมนูนี้แลดูทำยากนะคะ ราดซอสโอโคนามิยากิ และ มายองเนสมาอย่างสวยงาม ถ้าไปกันไม่กี่คน แล้วกลัวว่าจะกินโอโคโนมิยากิแบบพรีเมียมไม่หมด แนะนำเมนูนี้เลยค่ะ เป็นเมนูที่พอจะทดแทนกันได้ ม้างงง? 555

 

เมนูถัดมาเป็นอีกเมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้านค่ะ นั่นก็คือ Yakisoba นั่นเอง ความพิเศษอยู่ที่ซอสทั้ง 3 ชนิดที่เป็นสูตรดั้งเดิมแท้ๆ อันได้แก่ Sweet sauce, mild sauce, และ spicy sauce 

DSC06031_resize

DSC06032_resize

DSC06034_resize

ช่องว่างทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ^ ^’ คือถ้าเป็นบ้านเรา เวลาเสิร์ฟจะเห็นเนื้อสัตว์โชว์อล่ามมาแต่ไกล แต่ของคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะร้านร้านนี้ เค้าใช้เส้นยากิโซบะปิดเนื้อหมูสไสล์ซะมิดเบย 555 ซึ่งหลบอยู่ใต้เส้นเยอะมากค่ะ

 

วิธีการทำก็ไม่ธรรมดานะก๊ะ การใส่ซอสจะต้องเรียงกันเป็น Step ห้ามสลับเด็ดขาด! เช่น Spicy sauce จะต้องใส่หลังสุดและต้องรีบลดไฟลง ไม่งั้นจะขมและไหม้ค่ะ

 

เมนูสุดท้ายแล้วจีจีค่ะ กับ ทาโกยากิ เมนูที่เราคุ้นเคยกันดี

DSC06004_resize

เค้าว่าที่แตกต่างคือซอสไม่หวานเหมือนร้านทั่วไป แต่ก็ไม่ถึงกับเค็มนะคะ และใส่มายองเนสมาด้วย ส่วนปลาโอแห้ง สามารถเพิ่มเองได้เลย ฟินตรงเน้ เพราะปรกติให้มาไม่เยอะไง อิอิ

 

ร้านนี้เป็นร้านกะทัดรัดค่ะ มีทั้งส่วนบาร์และโต๊ะให้นั่ง เชฟจะทำให้ดูผ่านกระจกเลยนะคะ เพลินดี ^ ^

DSC06439_resize

DSC06442_resize

DSC06445_resize

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นค่ะ มักจะมาหลังเลิกงาน ซึ่งจะมากินดื่มกัน ทางร้านเลยมีบริการทั้งเบียร์ ที่ชิ้งชอบก็จะเป็น เบียร์มะเขือเทศ นอกจากนี้ก็ยังมี เหล้าบ๊วย สาเก ฯลฯ ด้วยค่ะ แต่เมนูอาหารอาจจะไม่ครบเหมือนที่ญี่ปุ่นนะคะ เพราะ วัตถุดิบบางอย่างก็ไม่สามารถหาที่เมืองไทยได้ เลยจำเป็นต้องตัดบางเมนูออกไป

 

ลองมาชมภาพบรรยากาศร้าน บรรยากาศโครงการ และภาพประทับใจอื่นๆที่เก็บได้ในวันนั้นค่ะ

DSC05980_resize

DSC05988_resize

DSC05989_resize

DSC06434_resize

 DSC06528_resize

DSC05962_resize

DSC06446_resize

DSC06447_resize

DSC06448_resize

DSC06450_resize

DSC06496_resize

DSC06498_resize

DSC06500_resize

DSC06530_resize

DSC06533_resize

DSC06534_resize

DSC06539_resize

DSC06542_resize

DSC06544_resize

DSC06501_resize

DSC06522_resize

สาขาแรกในเมืองไทยเพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา อยู่ที่ชั้น 2 โครงการ NIHONMACHI สุขุมวิท 26 หลัง Big C พระราม 4 ค่ะ ใครที่เป็นคอ โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) กับ ยากิโซบะกระทะร้อน (Teppan Yakisoba) ลองหาเวลาไปลิ้มลองดูนะก๊ะ

 

ไว้คราวหน้าชิ้งจะพาไปเที่ยวไปชิมที่ไหน ก็ต้องฝากติดตามด้วยนะคะ วันนี้ไปแระ บะบาย ^ ^

 

ติดตามผลงานของชิ้งได้ที่

Line Official Account : @ChingCanCook

IG : ChingCanCook

www.Facebook.com/FashionOnFood

www.ChingCanCook.com

App Android/ iOS : ChingCanCook

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook